ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 3 ตอนที่ 1
บทที่ 1
เซียวจวิ้นนั่งอยู่ในห้องโถง เห็นหงจูเดินนำหมอจางเข้ามาจึงรีบสั่งให้หาที่นั่งแล้วยกน้ำชา จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ให้หงจูกับคนอื่นๆ ออกไป ก่อนจะเอ่ยปากถาม “ท่านหมอ ร่างกายของฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอะไรมากหรือไม่”
หมอจางฟังแล้วพลันคิดถึงใบหน้าซีดขาวของหลี่เมิ่งซีที่ดูเหมือนลมพัดมาวูบหนึ่งก็ล้มลงได้ แม้มิได้ป่วยหนักอะไร แต่ร่างกายกลับพร่องไปหมดแล้ว หากยังไม่ฟื้นฟูบำรุงร่างกายให้ดี เกรงว่าคงมีอายุไม่ยืนยาวเป็นแน่ น่าเสียดายรูปโฉมงดงามปานบุปผาจันทรานั้น คิดเช่นนี้แล้วก็อดส่ายหน้าไม่ได้
เซียวจวิ้นเห็นแล้ว หัวใจพลันจมดิ่ง
เนิ่นนานหมอจางจึงเอ่ยว่า “ข้าตรวจพบว่าร่างกายของฮูหยินอ่อนแอมาก หากคิดจะฟื้นฟูบำรุงหาใช่กระทำได้ภายในชั่วเวลาสั้นๆ จำต้องบำรุงร่างกายในระยะยาว อีกทั้งไม่ควรทำให้ฮูหยินต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจ”
เซียวจวิ้นฟังแล้วก็คิดถึงตอนที่พวกเขาเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน ครั้งหนึ่งหลี่เมิ่งซีเป็นลมไป ตอนนั้นหมอก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้วยังคงเป็นเหมือนเดิม ย้อนคิดดูอีกทีก็ใช่ ตั้งแต่หลี่เมิ่งซีแต่งเข้ามาต้องคอยปรนนิบัติพ่อแม่ย่าของสามีทุกเช้าเย็น ไหนเลยจะมีเวลาฟื้นฟูบำรุงร่างกาย ในใจอดบังเกิดความละอายไม่ได้ เขาก้มหน้าครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็เหมือนจะตัดสินใจครั้งใหญ่ได้ เซียวจวิ้นเงยหน้ามองหมอแล้วพูด “ไม่ขอปิดบังท่านหมอ สกุลสูงศักดิ์อย่างพวกเรา เดิมทีกฎธรรมเนียมมีมากอยู่แล้ว ฮูหยินเองก็เพิ่งแต่งเข้ามาเมื่อต้นปี ยิ่งมิอาจผิดพลาดได้แม้แต่น้อย คิดจะฟื้นฟูบำรุงร่างกายอย่างที่ท่านหมอว่าเป็นไปได้ยากนัก ท่านหมอมีวิธีดีอื่นๆ ที่สามารถบำรุงร่างกายฮูหยินให้ฟื้นฟูโดยเร็วได้หรือไม่”
หมอจางฟังแล้วส่ายหน้า “ภาษิตว่ายามป่วยไข้ดุจขุนเขาถล่ม ยามหายดีประหนึ่งสาวเส้นไหม คิดว่าในอดีตฮูหยินน่าจะเคยป่วยหนัก ตอนนั้นแม้จะรักษาจนหายดีแล้ว แต่ไม่ได้ฟื้นฟูบำรุงร่างกายให้ดี กระทั่งโรคถูกสะสมไว้เป็นเวลานาน อาการป่วยเกิดจากจิตใจ โรคของฮูหยินเองก็เกี่ยวข้องกับความกลัดกลุ้มในใจ คุณชายรองสามารถพาฮูหยินออกไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายจิตใจได้ เมื่อจิตใจเบิกบานแล้ว โรคย่อมหายไปได้แปดเก้าส่วน ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ก่อน แล้วให้ฮูหยินกินยาตามใบสั่งนี้ระยะยาว ค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกาย”
เซียวจวิ้นได้ยินคำว่าใบสั่งยา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าหลี่เมิ่งซีกลัวขม นางไม่เคยยอมดื่มยาเลย ครั้งก่อนที่บังคับให้นางดื่มยาบำรุงไปหนึ่งร้อยชาม ทำเอานางเห็นเขาเป็นศัตรูคู่แค้น โดยเฉพาะสาวใช้รุ่นใหญ่ของนางที่ชื่อจือชิว ยามที่เห็นเขาแล้วก็จะทำหน้าตาบึ้งตึงเย็นชาเสมอ แต่ละวันทำตัวมิต่างจากแม่ไก่คอยปกป้องหลี่เมิ่งซี ราวกับกลัวว่าเขาจะกินนางอย่างไรอย่างนั้น
ยามเผชิญหน้ากับพวกนางนายบ่าว เขาไม่มีความกล้าที่จะบังคับให้หลี่เมิ่งซีดื่มยาอีกแล้ว อีกทั้งยานี้มิใช่ต้องดื่มเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ต้องดื่มในระยะยาว
คิดถึงตรงนี้แล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ เขายิ้มขื่นพลางส่ายหน้า พูดกับหมออย่างจนใจ “ไม่ปิดบังท่านหมอ ฮูหยินกลัวยาขมเป็นที่สุด ถ้าขมฮูหยินก็จะไม่ดื่ม ท่านหมอช่วยสั่งยาที่ไม่ขมและสามารถรักษาโรคได้ด้วยได้หรือไม่”
หมอจางฟังคำพูดนี้แล้วใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มจนใจ เขาตอบว่า “คุณชายรองน่าจะรู้หลักการที่ว่ายาดีขมปากเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรค ข้ามีชีวิตอยู่มาปูนนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ยินจริงๆ ว่ามียาที่ไหนที่ไม่ขมและสามารถรักษาโรคได้”
เซียวจวิ้นถูกหมอล้อเลียนจนใบหน้าเป็นสีแดงอ่อนๆ นั่งเงียบครู่ใหญ่ สุดท้ายจึงเงยหน้ามองหมอและพูดอย่างจริงใจ “รบกวนท่านหมอแล้ว ช่วยคิดหาวิธีหน่อยได้หรือไม่ ฮูหยินข้ากลัวขมจริงๆ”
หมอจางฟังแล้วก็เงยหน้ามองเซียวจวิ้นพลางลอบคิดในใจ คิดไม่ถึงว่าคุณชายรองสกุลเซียวผู้มีฉายาพญายมหน้าเย็นจะดีต่อฮูหยินถึงเพียงนี้ เห็นทีข่าวลือตามท้องถนนจะเชื่อถือทั้งหมดมิได้ ด้วยเห็นว่าเซียวจวิ้นมีความจริงใจ หลังจากขบคิดอยู่นาน จู่ๆ หมอจางก็ตบหน้าผากแล้วเอ่ยว่า “พอคุณชายรองพูดขึ้นมา ข้าก็นึกออก หลายเดือนก่อนทางทิศตะวันตกของเมืองผิงหยางมีร้านยาเปิดใหม่ ชื่อว่าร้านยาอี๋ชุน เจ้าของแซ่หลี่ เป็นคนหนุ่มที่ยังอ่อนเยาว์ ยาที่เขาปรุงมีสรรพคุณล้ำเลิศ เป็นหนึ่งไม่มีสองในใต้หล้า ในจำนวนนั้นมียาลูกกลอนบำรุงเลือดลมที่ชื่อว่าลูกกลอนหยั่งเซิง เหมาะกับฮูหยินของท่านมาก คุณชายรองสามารถซื้อมาลองดูได้ หากเป็นเมื่อครึ่งปีก่อน ข้าเองก็จนปัญญาจริงๆ”
“พอท่านหมอเอ่ยถึง ข้าก็นึกขึ้นได้เช่นกัน เจ้าของร้านยาอี๋ชุนแห่งนี้ได้ชื่อว่าเซียนปรุงยา ยาสมานแผลและยาถอนพิษที่เขาปรุงต่อให้มีทองพันชั่งยังหาซื้อไม่ได้ ได้ยินว่าโอสถคืนชีพของเขาสามารถต่อชีวิตให้คนใกล้ตายได้ คิดว่ายาทั่วไปที่เขาปรุงก็คงจะดีที่สุดเช่นกัน ข้าจะทำตามที่ท่านหมอบอก ได้ยินว่าคุณชายหลี่ผู้นี้เป็นน้องชายบุญธรรมของรัชทายาท หากยานี้ใช้ไม่ได้ผล ข้าจะไปขอร้องรัชทายาท ให้เขาช่วยขอให้คุณชายหลี่ปรุงยาดีให้ฮูหยินข้าโดยเฉพาะ”
เซียวจวิ้นฟังคำพูดของหมอจางแล้วความกลัดกลุ้มในใจพลันหายเป็นปลิดทิ้ง เขาผงกศีรษะรับคำติดๆ กัน ขอบคุณและตกรางวัลให้อย่างงาม ก่อนจะส่งหมอจางออกไป
กลับเข้ามาในห้องด้านใน เขาก้าวไปที่หน้าต่างโดยไม่รู้ตัว จับจ้องหน้าต่างเรือนปีกตะวันออกแล้วก็คิดถึงคำพูดของหมอที่ว่าให้พาหลี่เมิ่งซีออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ่อยๆ ซีเอ๋อร์ไม่ชอบคฤหาสน์สกุลเซียว เขารู้สึกได้ ควรพานางออกไปสูดอากาศข้างนอกตั้งนานแล้ว
คิดเช่นนี้เซียวจวิ้นจึงอดนึกถึงจางซิ่วกับมารดาไม่ได้ พวกนางคอยจับตาดูเรือนเซียวเซียงอยู่ตลอดเวลา หลายวันมานี้มารดาบอกให้เขาหย่าภรรยามิใช่แค่ครั้งเดียว ทว่าเขาล้วนบ่ายเบี่ยงไปโดยอ้างว่ากำลังยุ่งอยู่กับงานใหญ่ของสกุล ไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องภายในเรือน หากพาหลี่เมิ่งซีออกไปเที่ยวเล่นในช่วงเวลานี้ มารดาจะละเว้นนางหรือ คิดถึงเรื่องที่มารดารังแกซีเอ๋อร์ลับหลังตนเองแล้ว เซียวจวิ้นก็ไม่อาจเฝ้าอยู่ที่คฤหาสน์เพื่อช่วยเหลือนางได้ทุกวัน หัวคิ้วจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดมุ่นเป็นปม
ญาติผู้น้องคนนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ หากไม่มีนางสักคน มารดาคงไม่เป็นศัตรูกับซีเอ๋อร์ถึงเพียงนี้กระมัง ควรคิดหาหนทางส่งนางออกจากคฤหาสน์ไปเสียดีกว่า