ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 3 ตอนที่ 1
กล่าวถึงจางซิ่ว ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเรือนอย่างเรียบร้อย ปักปลอกหมอนลายนกยวนยาง ยามนี้เหล่าไท่จวินสร้างความมั่นใจให้กับนางแล้ว จางซิ่วรู้ว่าอีกไม่นานตนเองก็จะได้สวมชุดเจ้าสาว
หลายวันนี้นางไม่อาละวาดเหมือนแต่ก่อนอีก ทำตัวเป็นกุลสตรีสกุลใหญ่อย่างแท้จริง และกำลังจัดเตรียมสินเจ้าสาว รอแค่ให้หลี่เมิ่งซีถูกหย่า นางก็สามารถกลับจวนไปรอออกเรือนได้เลย
นางไม่ได้ไปก่อเรื่องที่เรือนปีกตะวันออกอีก แม้แต่เมื่อคืนที่เป่าจูมารายงานอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่าคุณชายรองปฏิเสธคำเชิญของท่านน้า นางยังไม่โมโหอาละวาดเฉกเช่นทุกครั้ง นางกลับปลอบโยนท่านน้าอย่างอ่อนโยนใจกว้างว่า…อย่าโกรธเลย ช่วงนี้พี่ชายยุ่งมากจริงๆ ร่างกายก็ซูบผอมลงไปมาก เห็นแล้วชวนให้ปวดใจ ท่านน้าอย่าได้ตำหนิพี่ชายอีกเลย
นายหญิงใหญ่ฟังคำพูดของจางซิ่วแล้วก็ชมไม่หยุดว่าจางซิ่วรู้กาลเทศะ คิดถึงบุตรชายของตนที่หลายวันนี้ผ่ายผอมลงมากจริงๆ ยากนักที่จางซิ่วจะเข้าอกเข้าใจเช่นนี้ ไหนเลยจะเหมือนลูกสะใภ้ผู้นั้น เย็นชามิต่างจากก้อนน้ำแข็ง ไม่ห่วงใยลูกชายตนแม้แต่น้อย ยิ่งมองว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้แล้วก็ยิ่งพึงใจ ความไม่สบอารมณ์ตอนได้ยินเป่าจูมารายงานพลันหายไปสิ้น ยิ้มจนดวงตาหรี่ลงเป็นเส้นตรง
จางซิ่วกำลังคิดอะไรในใจ ปิงซินก็เดินเข้ามาอย่างร้อนใจพลางรายงานว่า “คุณหนู คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ!”
จางซิ่วเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนจะพูดเสียงค่อย “ลนลานอะไรกัน ไม่มีมารยาทแม้แต่น้อย คนอื่นเห็นเข้าจะคิดว่าปกติข้าไม่ได้อบรมสั่งสอนพวกเจ้าให้ดี!”
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู เมื่อครู่บ่าวได้ยินมาว่าตอนเช้าคุณชายรองเชิญหมอมาตรวจโรคให้สะใภ้รอง ได้ยินว่าเป็นท่านหมอที่ตรวจโรคให้คุณชายรองเป็นประจำ หากไม่นับหมอในสำนักแพทย์หลวง นั่นนับเป็นหมอที่ดีที่สุดในเมืองผิงหยางแล้ว คุณหนู บ่าวเกรงว่าคุณชายรองจะเปลี่ยนใจไปแล้ว บ่าวถึงได้ตื่นตกใจ คุณหนูโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ!”
จางซิ่วสูดหายใจดังเฮือก มือสั่นจนนิ้วกลางถูกเข็มปักผ้าแทงเข้า นางรีบยกมือขึ้นและนิ่วหน้ามอง
ปิงซินเห็นดังนั้นจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ก้าวขึ้นไปช่วยเช็ดแล้วบีบเลือดออกมา นางจ้องมองคุณหนูก่อนจะพูดอย่างเป็นกังวล “คุณหนู ท่านรีบหาหนทางขอร้องเหล่าไท่จวินกับนายหญิงใหญ่ให้รีบหย่าสะใภ้รองเถอะเจ้าค่ะ บ่าวถึงจะสบายใจ หาไม่แล้วราตรียาวนานความฝันยาวไกล จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้นะเจ้าคะ”
จางซิ่วพูดอย่างเหม่อลอย “หนทางที่คิดออกก็ล้วนคิดไปหมดแล้ว ท่านน้าพูดกับพี่ชายหลายครั้งแล้ว แต่พี่ชายยุ่งกับการใหญ่อยู่ ไหนเลยจะใส่ใจเรื่องพวกนี้ เอาเรื่องเช่นนี้ไปกวนใจเขาในเวลานี้ พี่ชายจะต้องคิดว่าข้าเป็นหญิงไม่รู้ความแน่ แค่นี้ก็ยังรอไม่ได้ เวลานี้ข้าควรยืนอยู่ข้างหลังเขาและคอยสนับสนุนเขาเงียบๆ ดีกว่า จะไปเพิ่มความยุ่งยากใจให้เขาได้อย่างไร”
“ที่คุณหนูพูดมาก็ถูก ถึงอย่างไรเหล่าไท่จวินก็แสดงเจตนาแล้ว รอมาหลายปีเพียงนี้ รออีกแค่ไม่กี่วันจะเป็นไรไป ใช่แล้ว คุณหนู บ่าวยังได้ยินว่าวันนี้ตอนเช้าหลังจากหมอตรวจชีพจรเสร็จ สนทนากับคุณชายรองลับๆ อยู่พักใหญ่ แต่กลับมิได้เขียนใบสั่งยา แม้แต่หงจูยังแปลกใจ นางพาหมอไปตรวจโรคที่เรือนปีกตะวันออกด้วยตนเอง ใบหน้าของสะใภ้รองขาวซีดเหมือนผี ครั้งก่อนแค่เป็นลมยังสั่งยาให้ ครั้งนี้กลับไม่ได้สั่งยาเลย”
จางซิ่วฟังคำพูดนี้แล้วพลันหัวเราะออกมา นางพูดกับปิงซิน “ข้าว่าแล้วเชียว พี่ชายไม่มีทางเชิญหมอให้พี่สะใภ้ด้วยความเป็นห่วงหรอก อีกหน่อยเจอเรื่องแบบนี้อีก อย่าได้ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม” พูดจบก็ก้มหน้าปักนกยวนยางต่อ นางต้องเร่งมือหน่อย ใกล้จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ว ถึงเวลาจะขาดสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่ได้ ต้องจัดเตรียมอย่างละเอียดรอบคอบ
“เหตุใดคุณหนูจึงพูดเช่นนี้เล่าเจ้าคะ คุณชายรองเชิญหมอที่ดีที่สุดมาจริงๆ นะเจ้าคะ!”
จางซิ่วมองปิงซินราวกับมองคนปัญญาอ่อน ตอนนี้นางอารมณ์ดีมากจึงไม่ถือสาสาวใช้โง่งมผู้นี้ ดังนั้นจึงอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด “ตั้งแต่พี่สะใภ้กระอักเลือดก็ไม่ได้ไปคารวะผู้ใหญ่ที่เรือนโซ่วสี่อีก ผ่านมาหลายวันแล้ว เว้นเสียแต่จะลุกไม่ขึ้น หาไม่แล้วจะไม่ไปคารวะได้อย่างไร เมื่อคืนเหล่าไท่จวินต้องบ่นพี่ชายแน่ พี่ชายถึงได้เชิญหมอมาตรวจดูให้แน่ใจว่าพี่สะใภ้ป่วยจนมิอาจไปคารวะได้จริง หากมิใช่ ย่อมสามารถหย่าพี่สะใภ้ด้วยเหตุผลไม่เคารพบิดามารดา หากใช่ พี่ชายก็ยังสามารถหย่าพี่สะใภ้ด้วยเหตุผลว่าเป็นโรคร้ายได้ เห็นทีในที่สุดพี่ชายก็มีเวลาคิดถึงเรื่องของเราเสียที”
“คุณหนูพูดมาก็ถูกเจ้าค่ะ เพียงแต่ที่สะใภ้รองไม่ไปคารวะเพราะได้รับอนุญาตจากเหล่าไท่จวิน บ่าวได้ยินมาว่าโรคร้ายที่ทำให้หย่าภรรยาได้นั้นหมายถึง ‘มิอาจร่วมเซ่นไหว้บรรพบุรุษ’ ดูเหมือนว่าโรคของสะใภ้รองจะยังไม่ร้ายแรงถึงเพียงนั้น เกรงว่า เกรงว่า…”
“เจ้านี่นะ กังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่เคยได้ยินความผิดจากการ ‘ถูกใส่ร้าย’ หรือ หลายวันมานี้เจ้ายังดูไม่ออกอีกหรือ เหล่าไท่จวิน นายท่านใหญ่ จนถึงท่านน้าต่างก็ยอมรับเรื่องนี้อย่างเงียบๆ แล้ว ขาดแค่ข้ออ้างก็เท่านั้น ทางบ้านบิดามารดาของพี่สะใภ้ก็ไม่มีอำนาจอะไรอยู่แล้ว ต่อให้คิดจะต่อสู้ก็ไม่อาจก่อคลื่นลูกใหญ่อะไรได้ ถึงเวลาจำเป็นพวกเราค่อยผลักดันอีกที จะปล่อยให้พี่ชายแบกรับคำตำหนิคนเดียวไม่ได้”
“จริงด้วย! เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่แน่สะใภ้รองอาจถูกหย่าภายในสองสามวันนี้ก็ได้ ในที่สุดพวกเราก็รอจนมาถึงวันนี้!” ปิงซินพูดอย่างหน้าชื่นตาบาน พอคุณหนูชี้แนะนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ได้ยินสายที่พวกนางวางไว้ในเรือนเซียวเซียงบอกว่าหลังงานวันเกิดของเหล่าไท่จวิน ยามที่คุณชายรองเห็นสะใภ้รองยังเดินเลี่ยงไปทางอื่นเสียด้วยซ้ำ คาดว่าคงรังเกียจสะใภ้รองอย่างถึงที่สุดแล้ว
เมื่อคืนคุณชายรองรีบร้อนเข้าไปในเรือนปีกตะวันออก คงต้องการคาดคั้นสะใภ้รองว่าป่วยเป็นอะไรถึงไม่ไปคารวะผู้ใหญ่ ภายหลังคิดว่าทำให้เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอนย่อมดีกว่า เขาจึงได้เชิญหมอมาตรวจดู จะต้องเป็นเช่นที่คุณหนูพูดแน่ๆ
คุณหนูของนางฉลาดปราดเปรื่องจริงๆ สมแล้วที่เป็นเพื่อนเล่นกับคุณชายรองมาตั้งแต่เล็ก ความคิดจิตใจถึงได้ตรงกัน ปิงซินคิดพลางมองคุณหนูของตนด้วยสีหน้าเลื่อมใส