ช่วงนี้ตนเองคงเศร้าซึมจริงๆ ลำบากสาวใช้พวกนี้ไม่น้อยเลย ตอนนี้นางอารมณ์ดีแล้ว ได้ยินจือชิวพูดถึงจึงรู้สึกละอาย ขณะกำลังจะพูดอะไร จือชุนที่เงียบมาตลอดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงถามอย่างระมัดระวัง “สะใภ้รอง บ่าวไม่เข้าใจ เปิดร้านสาขาอีกสองร้านก็ใช้ชื่อร้านยาอี๋ชุนเหมือนกัน ดึงดูดความสนใจเหมือนกัน แล้วจะเป็นแหล่งพักพิงที่ดีได้อย่างไรเจ้าคะ”
หลี่เมิ่งซีฟังแล้วก็ตอบ “การค้าถ้าจะทำต้องทำให้ใหญ่ไปเลย หรือไม่ก็เปิดแบบเล็กๆ แต่ที่ไม่ควรกระทำที่สุดคืออย่างพวกเรา ฟังดูแล้วชื่อเสียงโด่งดังมาก แต่อันที่จริงกลับไม่มีกำลังอะไรเลย หากไม่มีรัชทายาทช่วยสนับสนุน ไม่แน่เท้าของสกุลเซียวข้างเดียวก็ขยี้พวกเราได้แล้ว อาศัยตอนนี้ที่ยังมีรัชทายาทช่วยเหลืออยู่ เปิดอีกร้านสองร้านลองโยนก้อนหินถามทางดูก่อน ร้านสาขานี้ไม่ขายยาแบบชั้นสอง แต่จะขายเพียงยาธรรมดาทั่วไปแบบชั้นหนึ่งเท่านั้น เช่นนี้ย่อมไม่โดดเด่นเกินไปนัก”
หลี่เมิ่งซีพูดถึงตรงนี้ก็หยิบชาขึ้นจิบคำหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “หากเปิดแล้วกิจการไม่ดี ย่อมไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน ออกจากคฤหาสน์แล้วย่อมไปพักที่ร้านสาขาได้ หากเปิดแล้วกิจการดี พวกเราก็ขยายให้ใหญ่เสียเลย ทำตามแนวทางนี้แล้วให้ร้านยาอี๋ชุนเป็นเช่นดอกไม้ที่ผลิบานไปทั่วผืนดินต้าฉี รอให้ร้านยาอี๋ชุนมีกำลังพอจะงัดข้อกับสกุลเซียวแล้ว ค่อยใช้บารมีของร้านยาอี๋ชุนบีบให้คุณชายรองยินยอมหย่า พวกเราก็สามารถออกจากคฤหาสน์สกุลเซียวได้อย่างเปิดเผย”
“ผลิบานไปทั่วผืนดิน!”
“ยินยอมหย่า?”
หลี่เมิ่งซีเพิ่งจะพูดจบ สาวใช้สองคนก็เอ่ยถามพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย หลี่เมิ่งซีกุมหน้าผาก ที่นี่ไม่ใช่ยุคโบราณในโลกที่นางจากมาสักหน่อย เห็นทีต้าฉีจะไม่มีคำว่า ‘ยินยอมหย่า’ จริงๆ
ขบคิดอยู่นาน ไม่รู้จะอธิบายกับสาวใช้สองคนอย่างไร เกรงว่าพวกนางจะหาว่าความคิดตนน่าตื่นตกใจอีก กระแอมไอแล้วจึงพูดกลบเกลื่อน “ยินยอมหย่าก็คือให้คุณชายรองเขียนหนังสือหย่าให้ข้าด้วยตัวเอง”
“สะใภ้รอง ท่านคิดจะ…จะให้คุณชายรอง…” จือชุนฟังคำพูดหลี่เมิ่งซีแล้วก็เบิกตาโต ท่าทางไม่อยากเชื่อ นางถามรอบหนึ่งอย่างไม่แน่ใจนัก
เห็นท่าทางของจือชุนแล้วจิตใจของหลี่เมิ่งซีพลันหดหู่ จึงหันไปมองจือชิว นางเกลียดเซียวจวิ้นเป็นที่สุด น่าจะสนับสนุนให้ตนหย่ากับเขากระมัง!
มองไปทางจือชิวแล้ว ก็เห็นนางปากอ้าตาค้างเช่นเดียวกัน ไม่ด้อยไปกว่าจือชุนเลย
ลอบถอนหายใจในใจ เห็นทีความคิดของสตรียุคโบราณที่ว่าบุรุษเป็นใหญ่สตรีต่ำต้อย สตรีต้องมีสามีเพียงคนเดียวจะเป็นความคิดที่ฝังแน่นอยู่ในหัว มิอาจเปลี่ยนแปลงความคิดได้ในวันสองวัน จือชิวสนับสนุนนางถึงเพียงนี้ กล่าวได้ว่าบุคคลข้างกายนางที่เกลียดเซียวจวิ้นที่สุดก็คือจือชิว แต่พอดูจากสีหน้าของอีกฝ่ายแล้ว เห็นทีคงยินดีให้ตนอาศัยอยู่ในคฤหาสน์สกุลเซียวต่อไปในนามของสะใภ้รองยังดีกว่าถูกหย่า หากคิดจะทำให้เด็กสองคนนี้ยอมรับความคิดของตน ยังคงต้องใช้เวลาอีกมาก!
หลี่เมิ่งซีคิดถึงตรงนี้จึงกลืนคำพูดที่หมายโน้มน้าวทั้งสองกลับลงไป นางพูดต่อโดยไม่สนใจจือชุน “เรื่องนี้ตกลงตามนี้ จือชิวไปบอกหลี่ตู้ ไม่ต้องรีบร้อนเปิดหลายสาขา ลองเปิดดูสักร้านสองร้านก่อน คลำทางดูว่าเป็นอย่างไร รอให้มั่นคงแล้วค่อยว่ากันใหม่ หากมีเงินพอ ทางที่ดีหาซื้อบ้านพักสักหลังไว้ด้วย วันหน้าที่พวกเราออกไปแล้ว ย่อมไม่อาจพักอยู่ในร้านยาตลอดไปได้”
“เจ้าค่ะ พรุ่งนี้บ่าวจะออกไปแต่เช้า บ้านพักของสะใภ้รองอยากได้ทิวทัศน์ดีหรือเข้าออกสะดวกเจ้าคะ”
“ทางที่ดีขอให้ได้ทั้งสองอย่าง วันหน้ายามที่ปรุงยาจะได้ส่งออกไปได้อย่างสะดวก” หลี่เมิ่งซีเปลี่ยนเรื่องพูดไป “เดินเที่ยวมาตลอดช่วงเช้า ข้ารู้สึกหิวแล้วจริงๆ ตั้งสำรับเถอะ”
จือชิวกับจือชุนเหลือบมองสะใภ้รองแวบหนึ่ง สะใภ้รองผู้นี้ช่างละโมบจริงๆ
( ติดตามตอนต่อไปวันที่ 23 เม.ย 62 )