ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 3 ตอนที่ 5
หลี่เมิ่งซีให้จือชิวประคองเข้าไปในห้องโถงในเรือนโซ่วสี่ เดินอ้อมฉากบังลม เงยหน้าก็เห็นเซียวจวิ้นมาถึงแล้ว กำลังนั่งพูดคุยยิ้มแย้มกับเหล่าไท่จวินอยู่ เห็นหลี่เมิ่งซีเดินเข้ามา เซียวจวิ้นตะลึงไปเล็กน้อย ไฉนนางมาที่นี่ได้เล่า ยังไม่หายดีมิใช่หรือ เขาเพิ่งบอกท่านย่าไปเองว่านางต้องพักฟื้นอีกสักระยะ
หลี่เมิ่งซีให้จือชิวประคองเดินไปข้างหน้า คารวะเหล่าไท่จวินก่อน จากนั้นก็คารวะเซียวจวิ้นและนั่งลงฝั่งขวามือของเขา
รอจนหลี่เมิ่งซีนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เหล่าไท่จวินพิจารณาหลานสะใภ้ที่ไม่ได้พบหน้ากันหลายวัน นางดูผอมซูบลง เห็นทีป่วยครั้งนี้คงลำบากไม่น้อยเลย เหล่าไท่จวินจึงพูดว่า “ไม่พบกันหลายวัน ซีเอ๋อร์ผอมลงอีกแล้ว โรคของซีเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง หากไม่สบายก็อย่าฝืนเลย ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเคร่งธรรมเนียมถึงเพียงนั้นหรอก ฟื้นฟูร่างกายให้ดีก็พอ ไม่ต้องร้อนใจมาคารวะเช่นนี้ เมื่อครู่จวิ้นเอ๋อร์เพิ่งบอกว่าโรคของซีเอ๋อร์ต้องพักผ่อนอีกสักระยะ คารวะแทนเจ้าแล้ว คิดไม่ถึงว่าซีเอ๋อร์จะมาที่นี่เอง”
“ด้วยบารมีของเหล่าไท่จวิน หลานสะใภ้หายดีแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณเหล่าไท่จวินที่เป็นห่วง หลานสะใภ้อกตัญญู…”
หลี่เมิ่งซียังพูดไม่จบ นายท่านใหญ่ นายหญิงใหญ่ จางซิ่วก็เข้ามาคารวะ เซียวจวิ้นกับหลี่เมิ่งซีต่างลุกขึ้น
นายท่านใหญ่เดินนำหน้า นายหญิงใหญ่กับจางซิ่วมีสาวใช้กับบ่าวหญิงสูงวัยประคองเดินตามหลังเข้ามา ทั้งสองกำลังคุยกัน ใบหน้าของนายหญิงใหญ่มีรอยยิ้มจางๆ พอเข้าประตูมาเห็นหลี่เมิ่งซีอยู่ด้วย รอยยิ้มก็หายไป ใบหน้าพลันขรึมลง
ทั้งสามเข้ามาคารวะเหล่าไท่จวิน หลี่เมิ่งซีกับเซียวจวิ้นคารวะนายท่านใหญ่กับนายหญิงใหญ่ ก่อนจะพากันนั่งลง จางซิ่วเห็นหลี่เมิ่งซีนั่งฝั่งขวามือของเซียวจวิ้น แย่งที่นั่งประจำของนางไป ดวงตาก็ฉายแววไม่พอใจ นางบิดผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าพลันเปลี่ยนไป แต่พริบตาเดียวก็กลับเป็นปกติ ค่อยๆ เดินเข้าไปย่อกายคำนับเซียวจวิ้นกับหลี่เมิ่งซี ก่อนจะนั่งลงฝั่งขวามือของหลี่เมิ่งซีอย่างเรียบร้อย
ตั้งแต่หลี่เมิ่งซีแต่งเข้ามา จำนวนครั้งที่นางกับเซียวจวิ้นไปไหนมาไหนด้วยกันสามารถใช้มือข้างเดียวก็นับได้หมด วันนี้เห็นทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันตรงนั้น จางซิ่วจึงคิดว่าทั้งสองมาด้วยกัน นางอดรู้สึกหึงหวงไม่ได้ กวาดตามองรอบหนึ่ง เห็นไม่มีใครพูดอะไร จึงหันไปมองหลี่เมิ่งซี เผยสีหน้าเป็นห่วงและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่พบกันหลายวัน วันนี้พี่สะใภ้ว่างมาแล้วหรือ ได้ยินว่าพี่สะใภ้ป่วย ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร ถึงได้นอนซมอยู่บนเตียงหลายวัน แม้น้องสาวมิอาจไปเยี่ยมที่เรือนเซียวเซียงได้ แต่ในใจก็คิดถึงอยู่ตลอด เมื่อครู่ยังพูดกับท่านน้าว่าอยากขออนุญาตเหล่าไท่จวินไปเยี่ยมพี่สะใภ้”
หน็อย อะไรคือว่างมาแล้วหรือ! หลี่เมิ่งซีฟังแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ นางตอบเสียงค่อย “ทำให้น้องสาวเป็นห่วงแล้ว หลายวันก่อนกระอักเลือด เชิญหมอมาตรวจดูแล้ว มิได้ป่วยหนักอะไร หมอบอกว่าเลือดลมพร่อง ไม่ควรเหน็ดเหนื่อย ให้นอนพักบนเตียง นี่ข้าก็ดีขึ้นมากแล้ว”
เซียวจวิ้นฟังคำพูดหลี่เมิ่งซีแล้วร่างกายพลันสะท้านเฮือก มือที่ถือถ้วยชาสั่นระริก หน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาบางๆ
นางไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ ฟังไม่ออกหรือว่าในคำพูดของจางซิ่วมีนัยแฝงอยู่ ยังจะเออออตามนางว่าไม่ได้ป่วยหนักอีกหรือ ไม่ได้ป่วยหนักแต่ไม่ยอมมาคารวะผู้ใหญ่! นี่มิใช่พูดเปิดช่องให้คนจับผิดหรอกรึ
นายหญิงใหญ่ฟังแล้วใบหน้าพลันบึ้งตึง “การปรนนิบัติพ่อแม่สามีเช้าเย็นเป็นกฎธรรมเนียมของบรรพบุรุษ สะใภ้รองไม่รู้หลักการที่ว่าทุกสิ่งยึดความกตัญญูเป็นที่หนึ่งหรือ ในเมื่อไม่ได้ป่วยหนักอะไร ทั้งอายุเจ้าเองก็ยังน้อย ผู้ใหญ่เอ็นดูเจ้า ตามใจเจ้า สะใภ้รองก็ยิ่งต้องรู้จักละอายแก่ใจ วางตัวให้เหมาะสม เคร่งครัดในกฎธรรมเนียมจึงจะถูก ไฉนจึงเอาแต่ใจเช่นนี้ ไม่รู้กฎธรรมเนียมเลยจริงๆ สะใภ้รองลืมไปแล้วหรือว่ากฎเจ็ดออกข้อที่สำคัญที่สุดคือไม่กตัญญูต่อบิดามารดา”
หลี่เมิ่งซีฟังแล้วก็คิดในใจ ข้าก็มาแล้วนี่
นางลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้าไปคุกเข่าลงแล้วพูดอย่างราบเรียบ “นายหญิงใหญ่สั่งสอนได้ถูกต้อง ลูกสะใภ้สำนึกผิดแล้ว ขอเหล่าไท่จวิน นายหญิงใหญ่ลงโทษด้วย”
ฟังคำพูดนี้แล้ว ทุกคนในห้องโถงล้วนตะลึงไป ต่างฟังออกว่าคำพูดของนายหญิงใหญ่ออกจะฝืดฝืนไปสักหน่อย ที่จริงนางจะปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้ นางไม่รู้หรือว่าการยอมรับเช่นนี้จะต้องเผชิญหน้ากับการถูกหย่า ไฉนจึงพูดออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้
นายหญิงใหญ่รู้ดีอยู่แล้วว่าที่หลี่เมิ่งซีไม่มาคารวะเป็นเพราะเหล่าไท่จวินอนุญาต ข้อหาฝ่าฝืนกฎเจ็ดออกที่ยัดเยียดให้หลี่เมิ่งซีจึงไม่สมเหตุสมผล เดิมทีคิดว่านางจะโต้แย้ง จึงเตรียมคำพูดไว้เสียมากมาย คิดไม่ถึงว่าหลี่เมิ่งซีจะไม่เถียงสักคำ กลับยอมรับอย่างสุขุม ตัดความวุ่นวายของตนไปได้มาก
นายหญิงใหญ่ลอบคิดในใจ เป็นเจ้าเองที่บอกว่าไม่ได้ป่วยหนัก และเป็นเจ้าเองที่ยอมรับว่าฝ่าฝืนกฎเจ็ดออกข้อที่สำคัญที่สุด อย่าหาว่าข้าแล้งน้ำใจก็แล้วกัน คิดพลางกำลังจะเอ่ยปากกลับเห็นจือชิวคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะพูดว่า “บ่าวขอร้องเหล่าไท่จวิน นายท่านใหญ่ นายหญิงใหญ่โปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย หลายวันก่อนสะใภ้รองกระอักเลือด นอนอยู่บนเตียงลุกไม่ขึ้นจริงๆ เหล่าไท่จวินตามหมอที่ตรวจสะใภ้รองมาสอบถามดูก็ได้ อีกอย่างที่สะใภ้รองพักฟื้นอยู่ในเรือนก็เป็นเหล่าไท่จวินเองที่อนุญาต บ่าวบังอาจขอร้องเหล่าไท่จวิน นายท่านใหญ่ นายหญิงใหญ่ โปรดเห็นแก่ที่สะใภ้รองป่วยยังไม่หายดี ยกโทษให้สะใภ้รองด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
“บังอาจ! เจ้านายคุยกัน บ่าวมีสิทธิ์สอดปากด้วยรึ เจ้าไปเรียนรู้กับใครมาถึงได้โอหังเช่นนี้ ไม่รู้ธรรมเนียมมารยาทแม้แต่น้อย ใครก็ได้ ตบปาก!”
นายหญิงใหญ่กำลังจะพูดเรื่องการหย่าหลี่เมิ่งซี คิดไม่ถึงว่าจือชิวที่ไม่ห่วงชีวิตจะโพล่งออกมาเช่นนี้ คำชี้แจงของจือชิวทำให้นางไม่อาจเอ่ยคำพูดที่ว่าลูกสะใภ้คนนี้ฝ่าฝืนกฎข้อสำคัญของกฎเจ็ดออกได้ ด้วยความโมโหจึงหันไปตำหนิและสั่งลงโทษจือชิว
บ่าวหญิงสูงวัยสองคนเดินเข้ามา แล้วลากตัวจือชิวขึ้นมาหมายจะตบปาก ยามนี้หลี่เมิ่งซีเองก็ตกใจ!