เซียวจวิ้นปรายตามองจางซิ่วแวบหนึ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พูดเสียงเรียบ “หมอจางบอกว่าร่างกายของซีเอ๋อร์อ่อนแออย่างยิ่ง หากคิดจะบำรุงร่างกายใช่จะกระทำได้ในชั่วเวลาสั้นๆ ต้องบำรุงในระยะยาว ยิ่งไม่ควรทำให้เหน็ดเหนื่อย”
จางซิ่วฟังแล้วอึ้งไป ไฉนพี่ชายจึงพูดแทนพี่สะใภ้เล่า คิดดูอีกที ใช่แล้ว ป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็เป็นหนึ่งใน ‘กฎเจ็ดออก’ เช่นกัน หรือว่าพี่ชายเห็นว่าเมื่อครู่นายหญิงใหญ่พูดเรื่องไม่กตัญญูต่อบิดามารดาแล้วถูกนายท่านใหญ่แย้งกลับ เกิดไหวพริบในยามคับขัน คิดจะใช้กฎข้อนี้มาหย่าพี่สะใภ้แทน คิดเช่นนี้แล้วในใจจางซิ่วพลันเบิกบาน นางเงยหน้ามองนายหญิงใหญ่
นายหญิงใหญ่ถาม “หมอพูดเช่นนี้จริงๆ หรือ”
“ขอรับ มารดา ลูกไม่กล้าโกหก”
“ในเมื่อต้องบำรุงร่างกายระยะยาว ไฉนจึงได้ยินว่าหมอไม่ได้จ่ายยาให้” นายหญิงใหญ่เห็นจางซิ่วส่งสายตาให้ตน แต่นางมิได้ฉลาดปราดเปรื่องเหมือนจางซิ่ว จึงไม่อาจคาดเดา ‘ความในใจ’ ของบุตรชายได้ในทันที
แน่นอนว่านางไม่เข้าใจว่าจางซิ่วเป็นสาวเป็นนาง ไม่อาจพูดออกมาตรงๆ ได้ว่าพี่สะใภ้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงย่อมมิอาจร่วมเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ไม่อาจมีทายาทสืบสกุลได้ นับว่าฝ่าฝืนกฎเจ็ดออกเช่นกัน จึงต้องการให้นายหญิงใหญ่เป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้ออกมา ทว่านายหญิงใหญ่กลับคิดว่าจางซิ่วต้องการให้ตนคาดคั้นว่าเหตุใดหลี่เมิ่งซีป่วยหนักแล้วจึงไม่สั่งยา อยากให้นางซักไซ้ไม่เลิกรา
ฟังคำมารดาแล้วเซียวจวิ้นก็ตกใจ เขาป่วยมาเกือบครึ่งปี เรือนเซียวเซียงจะกลายเป็นตลาดสดอยู่แล้ว ไหนเลยจะมีความลับอะไรอีก คิดถึงความเป็นศัตรูที่มารดามีต่อหลี่เมิ่งซีแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ปล่อยให้ทุกการกระทำของหลี่เมิ่งซีอยู่ในสายตาของมารดา นางมิต้องกลายเป็นแพะที่รอเชือดหรอกหรือ
เงยหน้าเห็นมารดากำลังจ้องมองมา เซียวจวิ้นรีบดึงความคิดกลับมาแล้วพูด “มารดาไม่รู้อะไร มิใช่ว่าหมอไม่สั่งยาให้ แต่แนะนำยาลูกกลอนอย่างหนึ่งของร้านยาอี๋ชุน ชื่อว่าลูกกลอนหยั่งเซิง บอกว่าเป็นยาดีที่บำรุงเลือดลม ไม่ทราบว่ามารดาเคยได้ยินชื่อร้านยาอี๋ชุนหรือไม่”
ร้านยาอี๋ชุน? นั่นเป็นกิจการที่เพิ่งมีชื่อเสียงในผิงหยางเร็วๆ นี้มิใช่หรือ ว่ากันว่ายาที่นั่นเป็นหนึ่งไม่มีสองในใต้หล้า สะใภ้รองผู้นี้มีฐานะอะไรกัน จะไปคู่ควรกินลูกกลอนหยั่งเซิงจากร้านยาอี๋ชุนได้อย่างไร ให้หมอสั่งยาบำรุงให้ก็พอแล้ว หมอจางผู้นี้มากเรื่องโดยแท้
นายหญิงใหญ่ฟังคำพูดนี้แล้วใบหน้าพลันเย็นชา เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ได้ยินน่ะเคยได้ยิน แต่จวิ้นเอ๋อร์อย่าหลงเชื่อของเหลวไหลพวกนั้นง่ายๆ เลย ยาต้มที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษเชื่อถือได้มากกว่า”
เซียวจวิ้นฟังแล้วก็ถอนหายใจ เขารู้ว่ามารดาไม่ชอบหลี่เมิ่งซี แต่คิดไม่ถึงว่ามารดาจะรังเกียจนางเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นมารดา เขาเองไม่อาจขัดคำสั่งจึงรีบผงกศีรษะ “มารดากล่าวถูกต้อง ลูกก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ไปร้านยาอี๋ชุน สองวันนี้กำลังคิดว่าจะหาหมอมาสั่งยาต้มให้”
จือชิวกับหลี่เมิ่งซีฟังคำพูดเซียวจวิ้นแล้วต่างมองหน้ากัน พวกนางคิดไม่ถึงว่าคุณชายรองที่กตัญญูเป็นที่สุดผู้นี้จะกล้าโกหกนายหญิงใหญ่ แต่ก็รู้สึกได้ว่าคุณชายรองหวังดีต่อพวกนาง
หลี่เมิ่งซีเหลือบมองเซียวจวิ้นแวบหนึ่งอย่างคลางแคลง นางสบเข้ากับสายตาเย็นยะเยือกของเขาพอดี ราวกับกำลังเตือนนางว่าอย่าพูดมาก หัวใจหลี่เมิ่งซีพลันสะดุด นางรีบเบือนหน้าไปทางอื่น
จางซิ่วมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก ไฉนจึงแตกต่างจากที่นางคาดการณ์ไว้ถึงเพียงนั้น ฟังดูแล้วไม่เห็นจะมีเรื่องหย่าพี่สะใภ้อีกแล้ว
ท่านน้าออกนอกเรื่องไปไกลถึงเพียงนี้เชียว จางซิ่วพยายามส่งสายตาให้ท่านน้าอีกครั้ง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มองนาง รู้สึกว่าหากนางยังไม่พูดอะไรอีก โอกาสนี้ก็จะหลุดลอยไปเป็นแน่
ภาษิตว่าทำเรื่องใหญ่อย่าสนใจเรื่องเล็ก ความสุขของตนเองต้องไขว่คว้ามาด้วยตนเอง คิดอย่างนี้แล้ว จางซิ่วจึงตัดสินใจไม่สนใจความสำรวมที่สตรีพึงมีอีก นางเงยหน้ากำลังจะพูด กลับได้ยินคำพูดของเหล่าไท่จวินลอยมาเสียก่อน
“เอาล่ะๆ เช้าตรู่เช่นนี้ คุยกันมาตั้งนานแล้ว ทุกคนต่างก็หิวกันแล้ว ซีเอ๋อร์กินอาหารเช้าด้วยกันเถอะ ตั้งโต๊ะ” เหล่าไท่จวินพูดจบก็ลุกขึ้นยืน
ที่แท้เหล่าไท่จวินเห็นว่าจางซิ่วนั่งอย่างไม่เป็นสุข ต้องคิดจะก่อเรื่องขึ้นอีกแน่ๆ เรื่องในวันนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะจางซิ่วทั้งสิ้น เห็นนางจะเอ่ยปากอีก กลัวเหลือเกินว่าจางซิ่วผู้ไม่รู้จักคำว่าสำรวมจะเอ่ยคำพูดน่าตระหนกตกใจอะไรออกมาอีกจนแก้ไขสถานการณ์มิได้
อย่างไรหลี่เมิ่งซีก็ต้องถูกหย่าแน่นอน แต่ยังไม่ใช่วันนี้
เหมือนที่ปฏิบัติต่อรัชทายาทและเยียนอ๋อง เวลานี้เหล่าไท่จวินไม่อยากล่วงเกินจางซิ่ว ทั้งยังไม่อยากหย่าหลี่เมิ่งซี รอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า ครั้นเห็นจางซิ่วจะเอ่ยปาก นางจึงชิงพูดขึ้นก่อน
จางซิ่วเห็นเหล่าไท่จวินเอ่ยปากและลุกขึ้นแล้ว คำพูดที่มาถึงริมฝีปากแล้วจึงติดอยู่ในปาก นางปรายตามองหลี่เมิ่งซีที่อยู่ด้านข้างลุกขึ้นยืนอย่างขุ่นแค้น จางซิ่วกัดฟันแน่นก่อนลุกตามทุกคนไป