จือชิวถูกเหล่าไท่จวินลงโทษ เซียวจวิ้นกลับถึงเรือนเซียวเซียงแล้วก็โมโหเดือดดาล บอกว่าเขาป่วยมาเกือบครึ่งปี ยามนี้พวกข้ารับใช้ก็ไม่รู้ธรรมเนียมมารยาทแล้วหรือ ถึงขั้นทำให้เหล่าไท่จวินโมโห จึงถือโอกาสนี้สั่งสอนบ่าวในเรือนเสียเลย
จือชิวที่น้อยอกน้อยใจหลั่งน้ำตาไม่หยุด แม้นางจะฝ่าฝืนกฎธรรมเนียมจริง แต่นั่นก็เพื่อปกป้องสะใภ้รอง กลับมาถูกสะใภ้รองตำหนิก็น่าจะพอแล้ว คุณชายรองกลับเอาเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่าง ด้วยการอบรมบ่าวทั้งเรือน ราวกับกลัวว่าบ่าวในเรือนจะไม่รู้ว่านางละเมิดกฎธรรมเนียมและถูกลงโทษอย่างไรอย่างนั้น
เห็นทีคุณชายรองคงแค้นที่ตนทำลายเรื่องดีของเขา ทำให้วันนั้นเขาไม่อาจหย่าสะใภ้รองได้ นับแต่นั้นมาจือชิวกับคุณชายรองจึงมีความแค้นต่อกัน ทว่าจือชิวรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้านายที่มิอาจล่วงเกินได้ นางจึงจัดการเรื่องต่างๆ อย่างระวังยิ่งขึ้น
การบันดาลโทสะของเซียวจวิ้นทำเอาพวกหงจู หงซิ่งอกสั่นขวัญแขวนทุกวัน พวกนางแทบอยากจะลืมตานอนเสียด้วยซ้ำ กลัวว่าคุณชายรองจะจับผิดและไล่ตนออกไป
หลายวันนี้เซียวจวิ้นไล่คนออกไปไม่น้อย เขาเด็ดขาดมาก คนที่เขาไม่ต้องการแล้ว เขาก็ไม่อนุญาตให้ไปอยู่ที่เรือนอื่น แต่ส่งออกจากคฤหาสน์ไปเลย แม้นายหญิงใหญ่จะมาเกลี้ยกล่อมด้วยตนเองหลายหน แต่ก็มิอาจทัดทานบุตรชายได้ แค่สาวใช้ไม่กี่คนจะให้ทำลายสัมพันธ์แม่ลูกไปนั้นย่อมไม่คุ้ม นายหญิงใหญ่จนใจจึงได้แต่เออออตามบุตรชายและซื้อสาวใช้ชุดใหม่เข้ามา ทำให้ทุกคนในเรือนเซียวเซียงต่างระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น เห็นต้นหญ้าเป็นข้าศึกกันไปหมด
หลายวันนี้เซียวจวิ้นเองก็กลุ้มใจมากเช่นกัน คิดถึงตอนไปคารวะผู้ใหญ่ครั้งนั้นแล้ว เพราะคำพูดเรียบเฉยไม่กี่คำของหลี่เมิ่งซี ทำให้เขาเกือบถูกบังคับให้หย่ากับนาง จนถึงตอนนี้เรื่องนั้นยังทำให้เขาหวาดกลัวไม่หาย
ด้วยไหวพริบของหลี่เมิ่งซี นางไม่น่าจะผิดพลาดเรื่องง่ายๆ เช่นนี้ เขามักรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เรื่องในวันนั้นเขาคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังคิดไม่ออกว่าผิดปกติที่ตรงไหน ความไม่สบายใจพลันปกคลุมใจเขา ทำให้เขาเห็นหลี่เมิ่งซีแล้วรู้สึกขัดแย้ง เดิมทีอยากดีต่อนาง แต่พอสบกับดวงตาราบเรียบคู่นั้นแล้วก็มักทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายจึงทำในสิ่งที่ขัดกับใจตนเอง โดยไม่รู้ตัวความสัมพันธ์ของทั้งสองที่เพิ่งดีขึ้นเพราะไปไหว้พระด้วยกันก็กลับตึงเครียดถึงที่สุดอีกครั้ง
วันนี้นายท่านใหญ่เรียกตัวเซียวจวิ้นไปที่ห้องหนังสือ และหารือเรื่องการเดินทางลงใต้ ช่วงนี้แม้รัชทายาทจะหายดีแล้ว แต่อำนาจบารมีของเยียนอ๋องกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน ประกอบกับการสนับสนุนจากไทเฮา เมืองผิงหยางเริ่มมีข่าวลือว่าตำแหน่งของรัชทายาทไม่มั่นคงออกมาให้ได้ยินแล้ว เรื่องนี้ทำให้นายท่านใหญ่รู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมตะปู เกรงว่าช้าไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจึงอยากให้เซียวจวิ้นเร่งเดินทางลงใต้ตามแผนการเดิม
การเดินทางลงใต้เป็นเรื่องที่เซียวจวิ้นเตรียมการมาตลอด งานในผิงหยางจัดการเรียบร้อยเกือบหมดแล้ว เรื่องนี้เขาร้อนใจยิ่งกว่าบิดาเสียอีก ฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก ฟังคำพูดของบิดาแล้ว เซียวจวิ้นขบคิดดู สุดท้ายจึงกำหนดวันกับนายท่านใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะออกเดินทาง
นายท่านใหญ่กับเซียวจวิ้นกำหนดวันที่จะเดินทางลงใต้ได้แล้วจึงไปรายงานเหล่าไท่จวิน เดิมทีเหล่าไท่จวินรู้สึกว่าเวลาเดินทางออกจะกระชั้นเกินไป ออกเดินทางไกลถึงอย่างไรก็ต้องดูฤกษ์ยามบ้าง ควรเลือกวันให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อมจึงจะดี แต่ทัดทานการโน้มน้าวของสองพ่อลูกไม่ได้ พวกเขาบอกว่าพรุ่งนี้วันที่หกเดือนเก้า เหมาะแก่การเดินทาง ทั้งยังเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้ฟัง เหล่าไท่จวินเป็นคนเฉียบขาด รู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ของสกุลเซียว จัดการเร็วย่อมดีกว่าจัดการช้า นางจึงเห็นดีด้วย
เห็นเรื่องใหญ่กำหนดลงได้แล้ว เซียวจวิ้นกำลังจะขอตัว เหล่าไท่จวินพลันนึกขึ้นได้ว่าการจากไปครั้งนี้ต้องใช้เวลาไม่น้อย เกรงว่าเรื่องทายาทสืบสกุลจะต้องล่าช้าออกไป นางยังไม่มีเหลนชายเลยสักคน จึงเสนอให้เซียวจวิ้นพาภรรยาหรืออนุไปด้วย จะได้ช่วยดูแลความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันได้
แน่นอนว่าควรถือโอกาสนี้ให้กำเนิดเหลนและพากลับมาย่อมดีที่สุด
ฟังคำพูดของท่านย่าแล้ว เซียวจวิ้นก็ขมวดคิ้วมุ่น อุบายเล็กน้อยของท่านย่านี้เขารู้ดีแก่ใจ อ้าปากจะปฏิเสธ เงาร่างของหลี่เมิ่งซีพลันปรากฏตรงหน้า เขาบังเกิดความคิดทันที ในเมื่อนางไม่ชอบคฤหาสน์สกุลเซียว หากได้พาซีเอ๋อร์ออกไปจากที่นี่ บางทีนางอาจจะสบายใจขึ้นก็ได้
มิสู้พานางลงใต้ เมื่อไม่มีมารดากับจางซิ่วอยู่ใกล้ๆ เวลาหนึ่งปีนี้นางน่าจะเปิดใจให้เขาได้กระมัง
คิดเช่นนี้เซียวจวิ้นจึงผงกศีรษะรับคำ เร่งร้อนกลับเรือนเซียวเซียง
( ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 เม.ย 62 )