แต่หลี่เมิ่งซีกลับร้อนใจเหลือเกิน! เวลาออกจากบ้านต้องเตรียมทั้งรถเอย ม้าเอย ของกินเอย ของใช้เอย สิ่งที่ต้องจัดเตรียมมีมากมายนัก เจ้าไม่ต้องจัดการ เจ้าถึงได้ไม่ร้อนใจ ยังมานั่งดื่มน้ำชาอยู่ตรงนี้อีก อย่างน้อยก็ควรให้ข้ารีบไปจัดเตรียมได้แล้ว
เนิ่นนานผ่านไป เซียวจวิ้นจึงวางถ้วยชาแล้วเงยหน้าพูด “ซีเอ๋อร์ คือว่าข้าไปตรวจตรากิจการทางใต้ครั้งนี้ เหล่าไท่จวินให้ข้าพาภรรยาหรืออนุไปด้วย เจ้าเห็นว่า…”
“เช่นนั้นคุณชายรองอยากพาใครไปหรือเจ้าคะ ภรรยาผู้น้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” หลี่เมิ่งซีถามจบ เห็นเซียวจวิ้นเงียบไปนานจึงถามหยั่งเชิง “หากจะพูดถึงการออกจากบ้าน สี่คนในเรือนหลังที่สะดวกพาไปด้วยมีเพียงหงอวี้กับชุ่ยอี๋เหนียง สองคนนี้คล่องแคล่ว นิสัยละเอียดเอาใจใส่ หงอวี้ปรนนิบัติคุณชายรองมานานกว่า รู้นิสัยและความเคยชินของคุณชายรอง ตามความเห็นของภรรยาผู้น้อยพาหงอวี้ไปดีกว่า ภรรยาผู้น้อยจะไปสั่งให้นางเตรียมตัว”
เซียวจวิ้นฟังคำพูดนี้แล้วใบหน้าพลันเย็นชา เขาวางถ้วยชาแล้วลุกเดินออกไปทันที
หรือว่านางเดาใจเขาผิด ที่จริงเขาอยากพาจางอี๋เหนียงไปหรือ แต่ผิงเอ๋อร์ของจางอี๋เหนียงเพิ่งอายุเพียงสี่ขวบเท่านั้น นางจะยอมตัดใจทิ้งบุตรสาวไว้ในคฤหาสน์ตามลำพังหรือ หรือเขาคิดจะพาทั้งครอบครัวเดินทางลงใต้ไปทำงานด้วยกัน
ถึงอย่างไรเซียวจวิ้นก็อารมณ์แปรปรวนเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หลี่เมิ่งซีไม่สนใจอะไรมากมาย เพียงรีบสั่งให้คนไปตามอี๋เหนียงทั้งหลายจากแต่ละเรือนมา จากนั้นก็ยุ่งง่วนเตรียมการเรื่องการเดินทางของเซียวจวิ้น
สมแล้วที่เป็นสกุลสูงศักดิ์ เมื่อมีคนมีเงินแล้วทำอะไรก็ล้วนง่ายไปหมด เรื่องที่เดิมทีกระชั้นมาก หลี่เมิ่งซีกลับใช้เวลาแค่ช่วงบ่าย ตอนหัวค่ำทุกอย่างก็จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว นางให้หงจูไปรายงานเซียวจวิ้น ส่วนตนเองกับพวกจือชิวกลับไปพักผ่อนที่เรือนปีกตะวันออก
เซียวจวิ้นเอนกายอยู่บนเตียงอย่างหงุดหงิด วันนี้เขารวบรวมความกล้าอย่างถึงที่สุด พูดกับซีเอ๋อร์ว่าเขาจะพาภรรยาหรืออนุคนหนึ่งไปด้วย ไม่ว่าใครใช้หัวเข่าคิดก็เดาได้ว่าน้ำเสียงที่เขาใช้บอกชัดว่าต้องการพานางลงใต้ไปด้วยกัน พานางไปเพียงคนเดียวเท่านั้น จากนั้นพวกเขาจะได้ใช้ชีวิตครองคู่กันเพียงสองคน
ทว่านางโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ทั้งที่รู้ดีว่าหงอวี้กับชุ่ยอี๋เหนียงเป็นสองคนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด คนหนึ่งเป็นคนที่เขาไม่ชอบ อีกคนหนึ่งเป็นคนที่เขารังเกียจ ทว่านางกลับให้เขาเลือกเอาหนึ่งคนจากสองคนนี้ ทำให้เขาแทบจะโมโหตายแล้ว
เขาโมโหตนเองเช่นกันที่พอเผชิญหน้ากับนางก็ขาดความสุขุมในยามปกติไป พอปะทะกันก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทุกที สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นฝ่ายสะบัดมือเดินจากมา ตอนนี้ไหนเลยจะมีหน้ากลับไปขอร้องให้นางเดินทางลงใต้ไปกับเขาเล่า!
ขณะรู้สึกจนใจ หงจูก็เข้ามารายงาน “คุณชายรอง เซียวซย่ากลับมาแล้ว บอกว่ามีเรื่องด่วนต้องการพบท่านเจ้าค่ะ”
“เรื่องด่วนอะไร รอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้หรือ ดึกป่านนี้แล้วยังจะเข้ามาในเรือนในอีก”
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ บ่าวถามแล้วแต่เขาไม่พูด เดิมทีบ่าวคิดว่าถึงอย่างไรพรุ่งนี้เขาก็ต้องออกเดินทางพร้อมกับท่าน มีเรื่องอะไรค่อยคุยระหว่างทางก็ได้ แต่เขาบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องพบท่านตอนนี้เลยเจ้าค่ะ”
“เรื่องใหญ่มาก?! แล้วเขาเล่า”
“รออยู่นอกประตูเจ้าค่ะ”
“บอกให้เขาไปรอที่ห้องหนังสือ ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า” เซียวจวิ้นพูดจบก็ลุกขึ้นลงจากเตียง
หงจูเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูด “คุณชายรอง ดึกป่านนี้แล้ว พรุ่งนี้ท่านยังต้องตื่นแต่เช้าเร่งเดินทางนะเจ้าคะ”
ฟังหงจูพูดแล้ว เซียวจวิ้นขบคิดก่อนจะเปลี่ยนใจ “ให้เขามาที่นี่!”
หงจูรับคำแล้วเดินออกไป ไม่นานก็พาเซียวซย่าเดินเข้ามา
เซียวซย่าเดินเข้ามาในห้องด้านใน เห็นเซียวจวิ้นสวมเพียงชุดชั้นกลางนั่งอยู่บนเก้าอี้และกำลังดื่มน้ำชา
เห็นเซียวซย่าเข้ามาเซียวจวิ้นจึงเอ่ยถาม “เรื่องอะไร เร่งด่วนถึงเพียงนี้!”
“คุณชายรอง…” เซียวซย่าร้องเรียกหนึ่งคำแล้วเงียบไป เขามองหงจูที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เซียวจวิ้นเห็นดังนั้นจึงพูดกับหงจู “หงจู เจ้าออกไปก่อน เฝ้าหน้าประตูอย่าให้ใครเข้ามา”
หงจูรับคำ หมุนตัวเดินออกไป ก่อนจะหันกลับมาปิดประตู
เซียวซย่าเห็นประตูปิดลงแล้วจึงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หยุดตรงหน้าเซียวจวิ้นแล้วพูดเสียงค่อย “คุณชายรอง คนที่ส่งไปสกุลหลี่ก่อนหน้านี้กลับมาแล้ว เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไร สืบอะไรกลับมาได้”
“คุณชายรอง บ่าวรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรส่งคนออกไปมากนัก หาไม่หากเรื่องที่คุณชายรองแอบสืบประวัติสะใภ้รองอย่างลับๆ แพร่ออกไปจะไม่น่าฟัง เพื่อความเหมาะสมบ่าวจึงส่งเซียวเหิงออกไปคนเดียว เซียวเหิงเพิ่งกลับมาและบอกบ่าวว่าเขาเช่าบ้านหลังหนึ่งใกล้กับบ้านสกุลหลี่ ใช้ชื่อว่าหลี่เหิง พักอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาเดือนกว่าจึงสืบเรื่องราวมาได้อย่างกระจ่างชัดแจ้ง”