ยามเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทางใต้ ต่อให้เป็นคนทั่วไปก็มิอาจนิ่งดูดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนางที่เป็นหมอคนหนึ่ง ภาษิตว่าหมอมีใจเมตตาคนไข้ดุจบิดามารดา ต่อให้มีเหตุผลร้อยพันประการ นางก็ต้องออกจากคฤหาสน์ให้ได้
จือชิวเช็ดผมจนแห้งและส่งผ้าให้จือซย่า เริ่มสางผมเกล้ามวยให้สะใภ้รอง เห็นสะใภ้รองมีสีหน้าหม่นหมอง จือชิวตาเป็นประกายและพูดว่า “วันนี้บ่าวได้ยินเซียวซย่าบอกว่าคุณชายรองตั้งใจเดินทางลงใต้ หากเป็นเช่นนี้จริง มิสู้ท่านขอร้องคุณชายรองให้พาท่านเดินทางลงใต้ด้วยเป็นอย่างไร เช่นนี้บ่าวจะได้บอกพี่ชายกับรัชทายาท ระหว่างทางพวกเราค่อยคิดหาหนทางนัดพบกับรัชทายาท ถึงอย่างไรย่อมสะดวกกว่าอยู่ในคฤหาสน์สกุลเซียว”
นัดพบกับรัชทายาทระหว่างทาง?! จือชิวจะให้รัชทายาทส่งคนมาลักพาตัวนางระหว่างเดินทางลงใต้อย่างนั้นหรือ
ไม่พูดถึงเรื่องที่เซียวจวิ้นเดินทางลงใต้ครั้งนี้ต้องเกี่ยวพันกับเรื่องใหญ่ภายในสกุล ยังไม่แน่ว่าเหล่าไท่จวินจะให้เขาพาคนในครอบครัวไปด้วยหรือไม่ ต่อให้เซียวจวิ้นดึงดันจะพานางไปให้ได้ เขาก็ต้องปกป้องนางด้วยชีวิต หากเกิดอะไรขึ้นกับนางระหว่างทางจริง เกรงว่าเขา…นางไม่อยากทำร้ายเขาอีกแล้ว ได้ยินจือชิวเสนอความคิดเช่นนี้ หลี่เมิ่งซีเพียงปรายตามองจือชิวทางคันฉ่องอย่างไม่พอใจ ส่ายหน้าโดยไม่เอ่ยอะไร
เห็นสะใภ้รองส่ายหน้า จือชิวโน้มน้าวต่ออย่างไม่ละความพยายาม “ลองดูเถอะเจ้าค่ะ ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้ บางทีคุณชายรองอาจไม่อยากทิ้งท่านไว้ในคฤหาสน์คนเดียวก็เป็นได้ อาจมีความคิดเช่นนี้แต่แรกอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวเจ้าส่งคนไปดูที่ห้องหนังสือว่าคุณชายรองอยู่หรือไม่ ข้าจะไปเปิดเผยความจริงกับเขา บอกทุกอย่างกับเขาทั้งหมด”
“สะใภ้รอง ท่านอย่าวู่วามเป็นอันขาดนะเจ้าคะ เมื่อวานร้านยาอี๋ชุนเพิ่งจะขัดราชโองการ ถึงอย่างไรความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็มีโทษหนักถึงประหารชีวิตทั้งตระกูล ตอนนี้ต่อให้ตายก็ไม่อาจเปิดเผยฐานะของท่าน มิอาจเปิดเผยเรื่องที่ท่านอยู่ในเมืองผิงหยางได้ อีกอย่างหลายวันนี้คนของเยียนอ๋องมาก่อกวนร้านสาขาทางตอนใต้อยู่ตลอด คาดคั้นถึงเบาะแสของท่าน คิดว่าเยียนอ๋องคงหมายตาร้านยาอี๋ชุนไว้แล้ว หากเรื่องนี้รู้ถึงหูเยียนอ๋องเมื่อไร เช่นนั้นผลลัพธ์…”
เพียงเพื่อความปลอดภัยของตนเองแล้วจึงต้องหลอกลวงเขาอีกครั้ง ทำร้ายเขาที่จริงใจต่อนางถึงเพียงนั้นอีกครั้งอย่างนั้นหรือ
ฟังคำพูดจือชิวแล้ว หลี่เมิ่งซีรู้สึกเจ็บแปลบในใจ ชีวิตนี้นางไม่อยากหลอกลวงเซียวจวิ้นอีกแล้ว
เหลือบมองจือชิวแวบหนึ่งก่อนจะพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “วันนี้เจ้ารีบเตรียมการเรื่องออกจากคฤหาสน์ของพวกเราเถอะ!”
“สะใภ้รอง…”
“คุณชายรองหาใช่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะหนักเบา ยิ่งมิใช่คนที่เห็นชีวิตของราษฎรเป็นของเล่น พูดกับเขาให้ชัดเจนแล้ว ไม่ว่าเขาจะโกรธแค้นข้า หรือชิงชังข้าเพียงใด เขาจะต้องปล่อยข้าไปแน่”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย เห็นสะใภ้รองยืนกรานเช่นนี้ หน้าผากของจือชิวมีเหงื่อซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ขณะกำลังจะโน้มน้าวอีกครั้ง จือตงก็เคาะประตูเข้ามารายงาน “เรียนสะใภ้รอง อวิ๋นเยวี่ยสาวใช้ประจำตัวของสะใภ้ใหญ่มาเจ้าค่ะ”
หลี่เมิ่งซีฟังแล้วมุ่นคิ้วพูด “ให้นางเข้ามา”
ไม่นานจือตงก็พาอวิ๋นเยวี่ยเดินเข้ามา นางก้าวเข้าไปคารวะสะใภ้รอง เห็นอีกฝ่ายกำลังหวีผมแต่งตัวอยู่ อวิ๋นเยวี่ยจึงเฝ้ารออยู่ข้างๆ
หลี่เมิ่งซีเห็นแล้วเอ่ยถาม “อวิ๋นเยวี่ยมาที่นี่ สะใภ้ใหญ่มีคำสั่งอะไรหรือ”
“ยังคงเป็นเรื่องงานกิจธุระในเรือน สะใภ้ใหญ่อยากนัดท่านไปขอคำชี้แนะที่เรือนโซ่วสี่ด้วยกัน”
“ขอคำชี้แนะ! เมื่อวานเพิ่งได้ข้อสรุปมิใช่หรือ ไฉนจึง…”
“เรียนสะใภ้รอง ท่านกับสะใภ้ใหญ่จำต้องดูแลเรือนร่วมกัน แต่วันนี้เรียกพ่อบ้านเต๋อมาสั่งการแล้วจึงพบเรื่องที่ยังไม่อาจตัดสินใจได้หลายอย่าง สะใภ้ใหญ่เกรงว่าจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ไม่ดี หากทำให้เหล่าไท่จวินไม่สบายใจย่อมไม่ดีแน่ ด้วยเห็นว่าท่านจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้ดี จึงอยากเชิญท่านไปหารือและไปขอคำชี้แนะจากเหล่าไท่จวินด้วยกันเจ้าค่ะ”