เห็นเหล่าไท่จวินสงบลงแล้ว นายท่านใหญ่จึงส่งสัญญาณให้องครักษ์หลี่พูดต่อ หลี่ป๋อพูดต่อว่า “เดิมทีพวกเขายังบอกว่านายท่านสกุลเซียวใช้อำนาจบาตรใหญ่ในเมืองผิงหยาง ติดสินบนขุนนาง ตลอดจนความผิดอื่นๆ อีกสิบข้อ ทั้งยังนำจดหมายที่เจ้าเมืองเซียวส่งให้นายท่านสกุลเซียวออกมาแสดง แต่เนื่องจากรัชทายาท อัครเสนาบดี และขุนนางอื่นๆ คอยปกป้องอยู่ หนังสือกราบทูลฉบับนั้นจึงถูกฝ่าบาทเก็บค้าง ไว้ก่อน เพียงจำกัดการเคลื่อนไหวของคนในคฤหาสน์สกุลเซียวชั่วคราวไม่ให้ออกจากผิงหยาง เพราะอาจถูกเรียกตัวได้ทุกเมื่อ…รัชทายาทบอกว่าต้องการให้คุณชายรองสกุลเซียวถือโอกาสตอนราชโองการยังไม่ออกมารีบเดินทางออกจากผิงหยางโดยเร็ว ให้เตรียมตัวลงใต้ในทันที รัชทายาทยังบอกว่าเขาหารือเรื่องงานเสร็จแล้วจะมาที่นี่ด้วยตนเอง ต้องการให้คุณชายรองเตรียมตัวออกจากคฤหาสน์ก่อนขอรับ”
“จดหมายของนายท่านรอง?” ได้ยินว่ามีการนำจดหมายส่วนตัวของสกุลเซียวออกมาแสดง นายท่านใหญ่ลอบตระหนกในใจ คนที่สามารถเข้าห้องหนังสือของเขาได้มีเพียงคนสนิท แล้วจดหมายจะรั่วไหลออกไปได้อย่างไร พอหลี่ป๋อพูดจบ เขาจึงเอ่ยถามออกมา
หลี่ป๋อรีบตอบ “เรื่องนี้รัชทายาทตั้งใจกำชับมาว่ารัชทายาทสงสัยว่าข้างกายนายท่านสกุลเซียวจะมีสายของเยียนอ๋องอยู่ ให้นายท่านสกุลเซียวระวังคนข้างกายด้วย”
ฟังคำนี้แล้วเหล่าไท่จวินกับนายท่านใหญ่มองตากันและส่ายหน้า เหล่าไท่จวินถามว่า “รัชทายาทจะให้จวิ้นเอ๋อร์ลงใต้ไปทำอะไรหรือ”
“รัชทายาทไม่ได้บอกไว้ขอรับ บอกเพียงให้ข้าน้อยมาส่งข่าว คุณชายรองย่อมเข้าใจเอง ข้าน้อยยังมีธุระอื่นอีก ต้องขอตัวก่อน”
เห็นหลี่ป๋อขอตัว นายท่านใหญ่ก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ กล่าวขอบคุณอีกครั้งและยัดตั๋วแลกเงินร้อยตำลึงให้ เดินไปส่งเขาถึงหน้าประตู ก่อนจะหันหลังเดินกลับมา
นายท่านใหญ่กลับเข้ามาในห้องโถง เห็นเหล่าไท่จวินใบหน้าซีดเผือด ข้ารับใช้ทั้งหลายใบหน้าไร้สีเลือด ร่างกายสั่นระริก แม้แต่เซียวอวิ้นที่ปกติซุกซนขาดความรับผิดชอบยามนี้ยังทำอะไรไม่ถูก เซียวชิงที่เป็นขุนนางยังนับว่าสุขุมเยือกเย็นได้อยู่ ยามนี้กำลังปลอบโยนเหล่าไท่จวินเสียงค่อย
โบกมือไล่ข้ารับใช้ทั้งหลายออกไป บอกให้เซียวอั๋งเฝ้าอยู่หน้าประตู จากนั้นนายท่านใหญ่จึงเอ่ยปากปลอบโยน “มารดาอย่ากังวลไปเลย น้องรองแค่ถูกกักขังชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ถูกกำหนดโทษเสียหน่อย สกุลเซียวได้รับพระเมตตาอย่างยิ่ง คิดว่าครั้งนี้เคราะห์ร้ายจะต้องกลับกลายเป็นดีแน่ ก็แค่สูญเสียทรัพย์สินเล็กน้อย ยังดีที่จวิ้นเอ๋อร์ก่อตั้งกิจการทางใต้ไว้แล้ว ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของสกุลเซียวล้วนอยู่ที่นั่น ยังไม่ถึงขั้นรากฐานถูกสั่นคลอนหรอกขอรับ”
“พี่รองก่อตั้งกิจการทางตอนใต้?” เซียวอวิ้นที่ตั้งสติได้แล้วได้ยินคำพูดนี้จึงถามขึ้นมา เซียวชิงเงยหน้ามองบิดาเช่นกัน
นายท่านใหญ่พูดกับทั้งสองคน “ปีก่อนจวิ้นเอ๋อร์เดินทางลงใต้ก็เพื่อก่อตั้งกิจการใหม่ เรื่องนี้วันหน้าค่อยเล่าให้ชิงเอ๋อร์ อวิ้นเอ๋อร์ฟังอย่างละเอียด ครั้งนี้ให้พวกเจ้าเดินทางลงใต้ก่อน หนึ่งเพื่อหลบเลี่ยงเคราะห์ภัย หากรัชทายาทถูกปลดจากตำแหน่ง สกุลเซียวย่อมยากที่จะหนีรอด พวกเจ้าอยู่ทางใต้ปกปิดชื่อแซ่ ดีร้ายอย่างไรก็ยังสามารถรักษาเชื้อสายสกุลเซียวเอาไว้ได้ สองหากคฤหาสน์สกุลเซียวในผิงหยางเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าย่อมสามารถใช้กำลังทางใต้ช่วยเหลือสกุลเซียวได้ อวิ้นเอ๋อร์รีบไปเรือนเซียวเซียงถ่ายทอดคำพูดของรัชทายาทกับพี่รองของเจ้า บอกให้เขามาหารือที่เรือนโซ่วสี่ทันที ชิงเอ๋อร์ก็กลับไปเถอะ เตรียมตัวออกจากคฤหาสน์ภายในวันนี้”
“บิดา ลูก…”
“ชิงเอ๋อร์ หายนะถึงตายอยู่ตรงหน้ายังจะมัวลังเลอะไรอีกหรือ กิจการของบรรพบุรุษถูกทำลายไปต่างหากจึงจะเป็นความอกตัญญูอย่างยิ่งยวด พวกเจ้าออกไปเตรียมการกันเถอะ ออกเดินทางภายในคืนนี้เลย เกรงว่าพรุ่งนี้หากราชโองการออกมา ไม่ว่าใครก็จากไปไม่ได้ทั้งนั้น…”