ซั่งกวนหงฮุยพูดจบก็เห็นร่างกายของหลี่เมิ่งซีโงนเงน ใบหน้านางขาวซีด เขารีบปรับเสียงให้อ่อนโยนแล้วพูด “เรื่องนี้นอกจากคนสนิทของเจ้า ข้า และหลี่จั้นแล้ว ก็มีแค่เซียวจวิ้นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ หลี่จั้นไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแน่”
หลี่จั้นที่อยู่ด้านข้างรับคำติดๆ กัน กลับได้ยินหลี่เมิ่งซีพูดอย่างดื้อรั้น “ข้าเชื่อคุณชายรอง เขาไม่มีทางทำร้ายข้าแน่!”
เห็นหลี่เมิ่งซีปกป้องเซียวจวิ้นถึงเพียงนี้ ดวงตาซั่งกวนหงฮุยพลันฉายความขุ่นเคือง “ซีเอ๋อร์ โลกนี้มีหลายคนที่ความรักแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น เจ้าอย่ายึดติดงมงายนักเลย ปล่อยให้ความรักผูกมัดตนเองเช่นนี้มีแต่จะเป็นการทำร้ายตนเอง”
หลี่เมิ่งซีกำลังจะพูดกลับได้ยินหลี่อี้พูดว่า “ทูลรัชทายาท บ่าวก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของคุณชายรองสกุลเซียวเช่นกัน ตอนบ่าวมาที่นี่ ระหว่างทางได้ยินคนพูดว่าเจ้านายสกุลเซียวหลอกลวงเบื้องสูง ทำผิดต่อพระมหากรุณาธิคุณจึงถูกปลดออกจากการเป็นสกุลสูงศักดิ์และโดนยึดทรัพย์ สกุลเซียวเองก็ถูกจับกุมทั้งบ้านเหมือนกัน บ่าวได้ยินเช่นนี้จึงตั้งใจตามไปดู เห็นเหล่าไท่จวิน นายท่านใหญ่ คุณชายรอง และคนอื่นๆ ในสกุลเซียวถูกคุมตัวขึ้นรถนักโทษ ส่งไปยังที่คุมขัง หน้าประตูคฤหาสน์สกุลเซียวมีคนมามุงดูแน่นขนัด เรื่องที่สะใภ้รองสกุลเซียวเป็นลูกอนุแต่งงานแทนลูกภรรยาเอก มีฐานะต่ำต้อย…ตลอดจนเรื่องในอดีตที่สกุลเซียวถูกนายท่านสกุลหลี่หลอก รวมถึงข่าวลืออื่นๆ ล้วนแพร่ไปทั่วเมืองผิงหยางแล้ว กิจการในเมืองผิงหยางของสกุลเซียวก็ถูกปิด ครั้งนี้สกุลเซียวดับสิ้นแล้วจริงๆ ตอนนี้บนถนนมีป้ายประกาศจับกุมเจ้านาย หลงจู๊ใหญ่ คุณชายใหญ่ และคุณชายสามสกุลเซียวแปะอยู่เต็มไปหมด”
ฟังคำพูดนี้แล้วซั่งกวนหงฮุยก็เหม่อลอยไปครู่หนึ่ง ใบหน้าขาวซีดขณะพึมพำ “ใครกันที่แพร่ข่าวนี้ออกไป นี่สวรรค์จะกำจัดข้าจริงๆ หรือ!”
หลี่จั้นเห็นดังนั้นจึงรีบค้อมกายโน้มน้าว “รัชทายาท ท่านจะดูถูกตนเองไม่ได้เป็นอันขาด นักปราชญ์ว่า เมื่อสวรรค์จะมอบหมายภารกิจใหญ่ให้ผู้ใด ย่อมต้องทำให้จิตใจของคนผู้นั้นเจ็บปวด ทำให้เส้นเอ็นและกระดูกเหนื่อยล้า ทำให้เรื่องราวมีอุปสรรควุ่นวาย นี่เป็นบททดสอบที่สวรรค์มีต่อท่าน เยียนอ๋องผิดศีลธรรม ไม่สนใจชีวิตของราษฎรชาวต้าฉี แล้วจะปล่อยให้อำนาจปกครองแผ่นดินตกอยู่ในมือคนเช่นนี้ได้อย่างไร เซียนปรุงยาแฝงตัวอยู่ในสกุลเซียวมาตลอด สองปีมานี้ล้วนปลอดภัยราบรื่น จู่ๆ สวรรค์กลับส่งนางมาให้รัชทายาทก่อนที่สกุลเซียวจะต้องรับโทษ นั่นก็เพื่อมอบทางรอดให้แก่ท่าน สวรรค์กำลังช่วยเหลือท่านอยู่ ตอนนี้สิ่งที่รัชทายาททรงต้องทำก็คือสืบดูให้แน่ชัดโดยเร็วว่าฮ่องเต้ทรงมีท่าทีอย่างไรต่อเรื่องนี้ และพาเซียนปรุงยาเดินทางลงใต้โดยด่วน ขอเพียงราษฎรปลอดภัย พวกเขาต้องสนับสนุนท่านแน่ วิกฤตของรัชทายาทย่อมคลี่คลายไปได้เอง”
หลี่จั้นพูดจบ หลี่เมิ่งซีจึงพูดต่อ “คุณชายหลี่กล่าวได้ถูกต้อง ยิ่งในช่วงเวลานี้ พี่ใหญ่ยิ่งต้องเด็ดเดี่ยวและมีความมั่นใจให้มาก ท่านต้องจัดการเรื่องราวต่างๆ อย่างสุขุม น้องสาวเชื่อว่าพี่ใหญ่ต้องไม่เป็นไรแน่นอน”
หลี่ตู้ที่เงียบมาตลอดพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาตบหน้าผากพลางพูดทันที “เจ้านาย บ่าวคิดออกแล้ว เมื่อวานคุณชายรองมาหาท่านที่ร้านยาอี๋ชุน ท่าทางดูร้อนใจมาก บ่าวโมโหที่เขาเขียนหนังสือหย่าให้ท่านแล้วยังจะตัดบัวเหลือใยอีก บ่าวจึงสั่งให้คนไล่เขาออกไป เมื่อวานตอนบ่ายเขาได้ทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง บอกบ่าวว่าต้องมอบให้ท่านให้ได้ บ่าวไม่อยากให้ท่านข้องเกี่ยวกับเขาอีกจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับท่าน บัดนี้มาย้อนคิดดูแล้ว เกรงว่าคุณชายรองคงรู้ว่าคฤหาสน์สกุลเซียวมีคนแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ถึงได้ร้อนใจส่งข่าวนี้ให้ท่าน”
“จดหมายของคุณชายรองเล่า”
“อยู่ที่ร้านยาอี๋ชุนขอรับ บ่าวไม่ได้นำมาด้วย”
“เจ้า!” ยามเผชิญหน้ากับหลี่ตู้ที่จงรักภักดีมากเกินไปจนทำให้เสียเรื่อง ชั่วขณะหนึ่งที่หลี่เมิ่งซีไม่รู้จะพูดอะไรดี กระนั้นนางก็ยังรู้สึกอบอุ่นที่เซียวจวิ้นเป็นห่วงนาง จากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาถูกจำคุกไปแล้ว ใบหน้านางพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด
ระหว่างนิ่งเงียบ หลี่จั้นก็ตบต้นขาเอ่ยว่า “รัชทายาท พอหลงจู๊หลี่พูด กระหม่อมก็นึกขึ้นได้เช่นกัน เมื่อวานเซียวจวิ้นมาหากระหม่อม บอกว่ามีเรื่องด่วนอยากพบท่าน บังเอิญท่านอยู่ในวัง กระหม่อมบอกว่าจะนำคำพูดไปถ่ายทอดแทน แต่เขากลับบอกเพียงจะคุยกับท่านต่อหน้าเท่านั้น รออยู่เกือบหนึ่งชั่วยาม ภายหลังได้ยินว่าท่านออกจากวังแล้วตรงไปค่ายทหารทันที กระหม่อมยังบอกเขาว่ามะรืนนี้รัชทายาทต้องเสด็จไปแน่นอน มีเรื่องอะไรค่อยพูดตอนนั้นก็ยังไม่สาย เซียวจวิ้นบอกเพียงจะไปหาท่านที่ค่ายทหาร จากนั้นก็ไม่ทราบข่าวคราวของเขาอีก คิดว่าเซียวจวิ้นคงไม่ได้เข้าไปในค่ายทหารกระมัง…”