อ้ายจื่อจินเห็นตู้จื่อเฟยหน้าบึ้งตึงเพราะประโยคนี้อย่างที่คิดไว้ ในใจก็ถอนใจไม่หยุด แต่เมื่อหลินเต๋ออีลั่นคำแล้ว นางก็บ่ายเบี่ยงลำบาก ทั้งเห็นภิกษุรูปนั้นเจ็บปวดทรมานยากทานทนอย่างแท้จริง ในใจก็รู้ว่าไม่อาจรักษาล่าช้าเพราะเรื่องเล็กน้อย นางจึงขยับเข้าไปสั่งเณรน้อยให้หาลำไผ่อ่อนสดใหม่ยาวราวเจ็ดชุ่นมาปล้องหนึ่ง สั่งให้เหลือข้อไผ่อ่อนด้านหนึ่งไว้ ใช้ขวานจามข้ออีกด้านหนึ่งทิ้ง เปิดส่วนด้านในปล้องให้โล่ง ใช้กริชกรีดผิวสีเขียวออกจนเหลือแต่เนื้อในสีขาวไว้อย่างละครึ่ง เจาะรูเล็กๆ รูหนึ่งที่ฝั่งข้อไผ่แล้วใช้ก้านไม้อุดแน่น จากนั้นนางก็ใส่เชียงหัว ตู๋หัว งาม่อน ใบอ้ายเฉ่า ชางผูสด ชะเอม โกฐสออย่างละห้าเฉียน ลงไปในกระบอกไม้ไผ่ ใช้ต้นหอมติดรากยัดปากกระบอกเอาไว้ แล้วค่อยสั่งให้คนนำน้ำสะอาดสิบชามเทใส่หม้อ วางกระบอกยาที่บรรจุสมุนไพรแล้วลงน้ำ ใช้หินก้อนหนึ่งถ่วงไว้ป้องกันมิให้กระบอกยาลอยขึ้นมา สุดท้ายจึงจุดเตาไฟ ใช้ไฟอ่อนต้มน้ำสะอาดในหม้อจนเดือด
หลินเต๋ออีเห็นอ้ายจื่อจินฝีมือคล่องแคล่วเช่นนี้ก็คลายใจลงได้ เขาสั่งให้ตู้จื่อเฟยหยิบกระเป๋าเข็มมา ในกระเป๋าเข็มมีเข็มเงินยาวบ้างสั้นบ้างอยู่สิบกว่าเล่ม หลินเต๋ออีเลือกหยิบเข็มกรีด ออกมาเล่มหนึ่ง เข็มกรีดเป็นหนึ่งในเข็มโบราณเก้าชนิด หนาราวสองเฟิน ครึ่งยาวสี่ชุ่นกว่า กล่าวกันว่าคิดค้นโดยฝูซีซื่อ เช่นเดียวกับเข็มอีกแปดชนิดที่เหลือ ในคัมภีร์หลิงซูบันทึกไว้ว่าเข็มกรีดเป็นเครื่องมือกำจัดฝีหนองและแผลเปื่อยร้ายแรงที่ดีที่สุด
เห็นเพียงหลินเต๋ออีใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งขวาจับตรงบริเวณที่ห่างจากปลายเข็มมาครึ่งชุ่น นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ซ้ายถ่างผิวหนังที่เป็นจ้ำแดงบริเวณข้อเท้าภิกษุรูปนั้นออก กรีดออกเป็นรูเล็กสามรูเป็นรูปอักษร ‘ผิ่น’ บนยอดตุ่มหนองอย่างระมัดระวัง ครั้นเมื่อยาในกระบอกสุกได้ที่แล้ว เขาถึงเรียกให้คนยกหม้อพร้อมกระบอกยามาที่หน้าเตียง เทยาออกจากกระบอก และรีบประกบปากกระบอกกับปากแผลตอนที่ยังร้อนๆ อ้ายจื่อจินประสานกับหลินเต๋ออีรีบใช้มือกดส่วนบนของกระบอกไม้ไผ่ให้กระบอกดูดผิวหนังได้เอง ครู่หนึ่งเมื่อกระบอกไม้ไผ่เปลี่ยนเป็นอุ่นแล้ว อ้ายจื่อจินก็ดึงก้านไม้ที่ยัดตรงข้อไผ่ไว้ตอนแรกออกอย่างเบามือ กระบอกไม้ไผ่เต็มไปด้วยหนองเลือดสีแดงข้นทันที ก่อนที่กระบอกไม้ไผ่จะหลุดออกเอง เมื่อทุกคนเห็นว่าแม้ข้อเท้าของภิกษุรูปนั้นจะยังคงแดงอยู่ แต่ไม่มีหนองเลือดที่ไม่น่าดูออกมาแล้วก็เบาใจลง
จากนั้นอ้ายจื่อจินก็ทำตามคำสั่งหลินเต๋ออี นำลูกกลอนเสี่ยวจินตัน ที่พกติดตัวตลอดออกมา บดละเอียดแล้วโรยรอบปากแผล การรักษาใช้เวลาไม่ถึงสองเค่อ จากที่ก่อนหน้าปวดทรมานจนแทบพูดไม่ได้ ภิกษุรูปนั้นก็อ้าปากพูดคุยได้แล้ว บรรดาเณรน้อยดีอกดีใจ เอ่ยขอบคุณหลินเต๋ออีไม่หยุด
หลินเต๋ออีมองอ้ายจื่อจินที่ก้มหน้าจัดเก็บกากสมุนไพรด้านข้างแวบหนึ่ง พลางยิ้มเอ่ย “โชคดีที่ศิษย์ข้าผู้นี้รู้วิธีครอบกระบอก หากให้ข้าคนเดียวทำคงจัดการไม่ไหว”
เดิมทีตลอดการรักษาตู้จื่อเฟยก็เป็นได้แค่ผู้ช่วยอ้ายจื่อจิน ทั้งตนเองยังทำเพียงเรื่องจิปาถะเล็กน้อย เขาย่อมกรุ่นโกรธอยู่ในใจ ยามนี้ยังเห็นหลินเต๋ออีชมเชยอ้ายจื่อจินต่อหน้าคนทั้งหลายอีก ไฟริษยาจึงยิ่งลุกโชน เขาทนไม่ได้จนพูดออกมา “อาจารย์ ไม่เห็นท่านเคยใช้วิธีนี้มาก่อน”
หลินเต๋ออีหาได้สนใจท่าทีของตู้จื่อเฟย ตรงกันข้ามกลับใช้วาจากระทบใจทำให้อีกฝ่ายขุ่นมัวมีความรู้สึกซับซ้อนอยู่ในดวงตาทั้งเคารพ เจ็บปวด และรู้สึกผิดพัวพันกันอยู่เลือนราง “ข้าไม่เคยใช้ต่อหน้าเจ้าจริงๆ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มาจากสหายเก่าคนหนึ่ง เขาเกิดในตระกูลแพทย์ เชี่ยวชาญการครอบกระบอก ฝังเข็ม รมยา และการใช้หินกดจุดเป็นพิเศษ ทว่าน่าเสียดาย…” หลินเต๋ออีเพียงถอนใจครั้งหนึ่งราวกับพริบตาเดียวก็แก่ชราลงไปอย่างรวดเร็ว