‘หมอหลวงผู้นั้นสกุลหลิง ถือเป็นต้นตระกูลเหมือนกับหมอหลวงสกุลเฉียว’ เสิ่นซือขมวดคิ้วเล็กน้อย ประกายตาลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ ‘ปีนั้นสาเหตุที่ลูกกลอนแดงกลายเป็นยาต้องห้ามก็เพราะหมอหลวงสกุลเฉียวร้องเรียนว่าในตำรับยามีส่วนประกอบของตะกั่วแดง’
‘ท่านจะบอกว่าเป็นเพราะหมอหลวงสกุลเฉียว หมอหลวงผู้นั้นถึงได้ถูกตัดสินโทษประหาร?’
‘มีความเป็นไปได้มากว่าเฉียวเหยี่ยนอาจรู้ตำรับยาเดิมของลูกกลอนแดง’
‘รู้ตำรับยาเดิมแล้วอย่างไร ท่านรู้หรือไม่ว่าในตำรับยา ไม่เพียงแต่ตัวยาหลัก ยารอง ยาช่วย และยาประสาน ที่สำคัญยิ่ง ปริมาณของยายิ่งเป็นแก่นสำคัญ ความแตกต่างเพียงหนึ่งเฉียนครึ่งตำลึง ก็ทำให้ผลของการรักษาต่างกันราวฟ้าดิน บรรพบุรุษสกุลเฉียวเพียงบอกตัวยาหนึ่งตัวในนั้นออกมา อาศัยเพียงข้อนี้ก็ชี้ชัดว่าคนสกุลเฉียวรู้ส่วนประกอบของลูกกลอนแดงแล้ว? ไม่มักง่ายเกินไปหน่อยหรือ!’
‘ย่อมมีเหตุผลอื่นด้วย ครั้งอดีตฮ่องเต้ประชวรหนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าเฉียวเหยี่ยนจ่ายยาอะไร’
‘ยาอะไร’
‘โหราเดือยไก่!’
‘โหราเดือยไก่เป็นยาดึงลมปราณหยางกลับฉุกเฉิน อดีตฮ่องเต้ประชวรหนักจ่ายยานี้ต้องเป็นเพราะหยางเดิมอ่อนแอ จากมุมมองหมอย่อมไม่ใช่ความผิด ยิ่งกว่านั้นหมอหลวงหาใช่มีหมอหลวงเฉียวเพียงผู้เดียว อดีตฮ่องเต้ประชวรหนักมาก ใคร่ครวญดูแล้วนี่ย่อมจะเป็นวิธีของคณะหมอหลวงที่ปรึกษาหารือกัน ไยจึงกล่าวโทษคนผู้เดียว!’
‘ปัญหาอยู่ที่หมอหลวงคนอื่นยืนยันหนักแน่นว่าหมอหลวงเฉียวดึงดันจะใช้โหราเดือยไก่ อีกทั้งยังเป็นโหราเดือยไก่ดิบ’
‘โหราเดือยไก่ดิบ?!’ อ้ายจื่อจินสูดลมหายใจเฮือก ‘โหราเดือยไก่ดิบมีพิษรุนแรง! เขาจ่ายโหราเดือยไก่ดิบจริงหรือ ข้าไม่เชื่อว่าคนในสำนักแพทย์หลวงจะไม่มีสักคนมายับยั้ง!’
‘ทีแรกจ่ายโหราเดือยไก่ผัดน้ำผึ้งจริง เพียงแต่เมื่อใช้กลับเป็นโหราเดือยไก่ดิบ’
‘เช่นนั้นก็เป็นความผิดของข้าหลวงต้มยา เหตุใด…’
‘ข้าหลวงต้มยากล่าวว่าเฉียวเหยี่ยนเปลี่ยนใบสั่งยากะทันหัน’
‘อาศัยเพียงคำให้การด้านเดียว จะนำมาตัดสินได้เยี่ยงไร!’ อ้ายจื่อจินอดอารมณ์ร้อนขึ้นมาไม่ได้
‘ยังมีใบสั่งยาซึ่งเขียนด้วยลายมือของเฉียวเหยี่ยนเป็นหลักฐาน นอกจากนี้องครักษ์อยู่ยามบอกว่าก่อนต้มยาเสร็จ เฉียวเหยี่ยนไปหาข้าหลวงต้มยาจริง’
อ้ายจื่อจินตะลึงงัน พักใหญ่ถึงส่ายหน้าพลางงึมงำ ‘เป็นไปไม่ได้ ท่านพ่อระมัดระวังรอบคอบมาแต่ไหนแต่ไร ถึงเขาคิดเปลี่ยนยาจริง ก็ไม่มีทางทิ้งใบสั่งยาให้คนใช้เป็นหลักฐาน ยิ่งกว่านั้นเขามุ่งมั่นเป็นหมอรักษาคน ย่อมไม่มีทางกระทำเรื่องทำร้ายคนทำร้ายตนเองประเภทนี้เป็นอันขาด!’
‘เจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับสกุลเฉียวแล้ว ก็ยังเรียกเขาว่าท่านพ่อ?’ เสิ่นซือดูไม่พอใจ แต่ไม่นานก็สะกดอารมณ์พลางพูดชี้แนะอย่างหวังดี ‘เดิมทีเรื่องเหล่านี้บอกคนนอกไม่ได้ ในเมื่อเจ้าถามข้า ข้าย่อมต้องพูด จื่อจิน ช่วงนี้อยู่ในระยะสุ่มเสี่ยง เจ้าอย่าข้องเกี่ยวกับบ้านสกุลเฉียวจะดีกว่า’