ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าถังพูดคำนี้ เฮ่อหลันซีพลันหน้าซีดเผือด สัมผัสได้ถึงแววตาเย็นชาอันเข้มงวดของถังเหอถลึงมองมาทางตนเอง นางจึงลนลานแก้ต่าง “นี่ก็คือเมล็ดเจวี๋ยหมิง หากใต้เท้าไม่เชื่อ สามารถเชิญตู้จื่อเฟยแห่งสำนักซิ่งหลินมาแยกแยะจริงเท็จได้”
“ไฉนจึงไม่ให้ท่านหมอหลินเต๋ออีมาแยกแยะจริงเท็จเล่า” เฉียวจือซูถามต่อ
“หมอหลินยุ่งเกินไป ไฉนเลยจะมีเวลาสนใจเรื่องเหล่านี้!” เฮ่อหลันซียังคงปากแข็ง ดึงฮูหยินผู้เฒ่าถังไว้ แล้วเอ่ย “ท่านแม่ ท่านอย่าได้ฟังคนต่างถิ่นผู้นี้กล่าววาจาเพ้อเจ้ออีกเลย พี่หญิงตอนนี้ถูกเขาทำร้ายจนต้องนอนอยู่เลยนะเจ้าคะ! เขากับน้องหญิงสี่อาจจะนัดแนะกันมาแล้วก็ได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าถังได้ฟังสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันใด พลางเอ่ยกระแทกเสียง “เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดต้องทำร้ายชิงเหยียน นางหนูสี่สั่งให้เจ้าทำใช่หรือไม่ เจ้ากับนางมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่ ผู้มีพระคุณ? หมอเทวดาอะไรนั่นก็คงกุขึ้นมาส่งเดชทั้งนั้นกระมัง อย่าคิดว่าข้าแก่แล้วมองไม่ออก ข้าขอบอกเจ้าไว้เลย ดวงตาข้ายังแจ่มชัดยิ่งนัก!”
ถังเหอฟังออกว่าถ้อยคำนี้มีความหมายแฝงอยู่ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่านแม่ ที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างไร”
“หมายความว่าอะไร” ฮูหยินผู้เฒ่าถังชายตามองเฉียวจือซูแวบหนึ่งอย่างเหยียดหยาม “เอาตัวนางจิ้งจอกนั่นออกมา!”
ไม่นานนัก คนรับใช้สองสามคนก็ลากเจิ้งหนานชิงที่มีสภาพอ่อนโรยเข้ามาในห้อง ถังเหอเห็นเจิ้งหนานชิงปล่อยผมสยาย ใบหน้าสีขาวเนียนแต่เดิมบวมแดง เห็นได้ชัดว่าถูกคนตบมา ก็ปวดใจสุดแสนทันที
“เหล่าถังเจ้าพูด!” แต่แล้วน้ำเสียงเด็ดขาดของฮูหยินผู้เฒ่าถังก็หยุดยั้งฝีเท้าของถังเหอที่จะก้าวไปหาเจิ้งหนานชิง
“ใต้เท้าขอรับ วันนั้นท่านให้ข้าจับตาดูฮูหยินสี่ ข้าเห็นฮูหยินกับคนแซ่ซูผู้นี้กอดกัน แต่ภายหลังเกิดเรื่องเมล็ดอวิ๋นไถขึ้น ข้า ข้าจึงไม่ได้บอกกับท่านขอรับ” เหล่าถังกล่าวเสียงค่อย โดยไม่กล้าเงยหน้ามองถังเหอ
สีหน้าถังเหอในยามนี้ดูมิต่างจากถูกคนตบบ้องหู ฮูหยินผู้เฒ่าถังประเดี๋ยวร้องไห้ประเดี๋ยวถอนใจไม่หยุด “บุรุษพเนจรไม่รู้ที่มาที่ไปผู้นี้ต้องการทำลายบ้านสกุลถังของพวกเรา! ไม่เพียงล่อลวงฮูหยินสี่ยอดดวงใจของเจ้า ยังทำให้ชิงเหยียน…ชิงเหยียนนางตอนนี้ยังไม่ฟื้น หนึ่งวันหนึ่งคืนไปแล้ว ไม่รู้เขาใช้วิธีมารอันใด เมื่อครู่แม้พวกเราจะใช้น้ำแกงโสมป้อนนางก็ไม่ตื่น!”
“น้ำแกงโสม?!” เฉียวจือซูสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันตา ทั้งยังหัวเราะลั่นออกมากะทันหัน “ฮ่าๆ ฮูหยินผู้เฒ่า ลูกสะใภ้คนดีของท่านคงได้ตายจริงแล้วล่ะ ทั้งยังตายด้วยน้ำมือของท่าน!”
ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจจนหน้าถอดสี ตะคอกว่า “เจ้าคนต่ำช้า พูดเหลวไหลกระไร!”
“หรือว่ามิใช่ขอรับ เห็นได้ชัดว่าฮูหยินใหญ่ลมปราณอุดตันทรวงอก ไฟเสมหะรบกวนจิตใจ ใช้การระบายเป็นดี ท่านไม่เพียงไม่ขับระบาย ยังจะใช้น้ำแกงโสมอีก หากมิใช่ทำร้ายนางแล้วยังจะเป็นอะไรได้” เฉียวจือซูเอ่ย
“ท่านแม่ใช้น้ำแกงโสมเพื่อบำรุงพลังชีวิตของพี่หญิงใหญ่” เฮ่อหลันซีรีบพูด
“ที่แท้เป็นความคิดของท่านหรือความคิดของฮูหยินผู้เฒ่ากันแน่” ประโยคนี้ของเฉียวจือซูพาให้เฮ่อหลันซีพูดไม่ออก เขาหันหน้ามองไปทางถังเหออย่างสงบนิ่งเยือกเย็น ถังเหอก็กำลังมองเขาอย่างเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง ก่อนขยับมุมปากเล็กน้อยคล้ายต้องการกล่าวอะไร ทว่าเฉียวจือซูกลับเปล่งวาจารวดเร็วกว่าเขา “ใต้เท้าถังไม่เชื่อข้าได้ แต่ควรจะเชื่อภรรยาของตนเองยิ่งกว่าผู้ใด”
ถังเหอพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ได้แต่จ้องมองเจิ้งหนานชิงอย่างปวดใจและทุกข์ระทม ส่วนฝ่ายหลังกลับเบือนหน้าไปไม่ยอมมองเขา