สาวใช้ทั้งสองกล่าวขอบคุณ ยืดตัวขึ้นช้าๆ ระหว่างนี้สาวใช้ที่สวมเสื้อกั๊กสีเขียวทะเลสาบลอบชำเลืองมองแวบหนึ่ง เห็นสตรีนางหนึ่งนั่งหันข้างอยู่บนเตียงหลัวฮั่น* ไหล่แบบบาง เอวคอดกิ่ว ลำคอเรียวระหง สองขาที่วางอยู่บนแท่นวางเท้าดูเรียวยาวเป็นพิเศษ ใบหน้าของนางหันข้างจึงยิ่งขับเน้นเค้าโครงให้ดูเด่นชัด จมูกโด่งได้รูป ใบหน้าขาวผ่อง ใต้คางแทบจะเป็นเส้นสายเดียวกันยาวต่อเนื่อง ดูบริสุทธิ์เย็นชา
รูปโฉมเช่นนี้มิใช่แป้งชาดใดๆ จะปั้นแต่งออกมาได้ มิน่าท่านโหวถึงได้ชอบนาง สาวใช้ที่สวมเสื้อกั๊กสีเขียวทะเลสาบรู้สึกห่อเหี่ยว ฝืนใจคารวะทักทายหวังเหยียนชิงแล้วรีบถอยออกไป
รอจนสองสาวใช้ออกไปแล้ว เฝ่ยชุ่ยก็ระงับโทสะไว้ไม่อยู่ เอ่ยเสียงขุ่น “สาวใช้พวกนี้ช่างกำแหงจริงๆ! ถึงกับกล้าวิจารณ์แม่นางลับหลัง ข้าจะรายงานท่านโหวให้โบยพวกนางเสีย!”
“พวกนางเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ ไม่เคยออกไปพบเจอโลกภายนอก โบยพวกนางจะมีประโยชน์อันใด” หวังเหยียนชิงวางช้อนและใช้ผ้าเช็ดมือ ริมฝีปากคล้ายผุดรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง “เป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่ต้องการให้ข้าได้ยินคำพูดพวกนี้ เจ้าสามารถยืมมือพี่รองจัดการสาวใช้พวกนี้ได้ แต่จะจัดการกับฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างนั้นหรือ”
เฝ่ยชุ่ยเงียบเสียงทันใด นางมองหวังเหยียนชิง ปากขมุบขมิบเอ่ยอย่างปวดใจ “แม่นาง…”
หวังเหยียนชิงหลุบตา แววตาราบเรียบดุจทะเลสาบน้ำแข็ง ไม่มีริ้วคลื่นแม้แต่น้อย คำว่า ‘กตัญญูยิ่งใหญ่กว่าท้องฟ้า’ อย่างไรเสียผู้อื่นต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นฟู่ถิงโจวจะไม่รู้จริงๆ หรือ
ฮูหยินผู้เฒ่าสามารถใช้อำนาจของบิดามารดาเจรจาเรื่องการแต่งงานให้ฟู่ถิงโจวได้ แต่การสมรสจะสำเร็จลงได้ย่อมต้องได้รับความยินยอมจากฟู่ถิงโจว ได้ยินว่าคุณหนูสามสกุลหงท่านนั้นเป็นหลานสาวของอู่ติ้งโหว แต่งอีกฝ่ายเป็นภรรยาย่อมเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับอู่ติ้งโหวไปอีกขั้น ฟู่ถิงโจวเป็นคนฉลาดถึงเพียงนั้นย่อมรู้อยู่แล้วว่าต้องเลือกอย่างไร
หวังเหยียนชิงวางผ้าบนโต๊ะเตี้ย แล้วถอนใจเบาๆ “พวกเขาเหมาะสมคู่ควร บุรุษมากความสามารถ สตรีรูปโฉมงดงาม นี่เป็นเรื่องที่ดี สมควรแสดงความยินดีกับพี่รอง”
ความขมขื่นในใจของเฝ่ยชุ่ยที่เก็บกลั้นมาหนึ่งเดือนคล้ายดั่งทำนบพัง น้ำตาร่วงเผาะ “แต่แม่นางต่างหากที่เป็นหลานสะใภ้ที่ท่านโหวผู้เฒ่าเลือก ท่านรอท่านโหวมาสิบปี สิบปีเชียวนะ! ท่านโหวต้องฝึกยุทธ์ ท่านก็ตามไปหัดขี่ม้ายิงธนูโดยไม่สนจรรยาสตรี ท่านโหวต้องคุมกองทัพ ท่านก็ปลอมตัวเป็นบุรุษ ล้มลุกคลุกคลานในค่ายทหารไปกับเขา หลายปีมานี้เนื้อตัวท่านมีบาดแผลตั้งเท่าไร มาถึงตอนนี้พวกเขาใช้เพียงคำว่า ‘เหมาะสมคู่ควร’ ก็จะลบล้างความทุ่มเทเสียสละตลอดสิบปีของแม่นางอย่างนั้นหรือ”
เฝ่ยชุ่ยปาดน้ำตาพลางระบายความในใจ หวังเหยียนชิงกลับทำตัวเหมือนเป็นคนนอกนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน เฝ่ยชุ่ยยังคับแค้นใจถึงเพียงนี้ หวังเหยียนชิงที่เป็นคนในเรื่องจะไม่ใส่ใจจริงๆ หรือ จะเป็นไปได้อย่างไร
ช่วงวัยเด็กจนถึงวัยสาวอันงดงามตลอดสิบปี นางถูกรับมาอยู่จวนเจิ้นหย่วนโหวตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ ชีวิตของนางมีเพียงฟู่ถิงโจวเท่านั้น
บัดนี้เป็นรัชศกจยาจิ้งปีที่สิบเอ็ด ฮ่องเต้องค์ที่สิบสองของอาณาจักรต้าหมิงเดินทางมาถึงนครหลวงเป็นปีที่สิบเอ็ด ขุนนางฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน ปัญญาชนและชนชั้นสูงแบ่งแยกกันชัดเจน ขุนนางฝ่ายพลเรือนล้วนมาจากการสอบเคอจวี่ผลัดเปลี่ยนกันไปทุกรุ่น หากคนรุ่นหลังในตระกูลเล่าเรียนไม่เก่ง วงศ์ตระกูลย่อมตกต่ำได้ง่ายๆ แต่แม่ทัพขุนพลกลับสืบทอดตำแหน่งทางสายโลหิต เป็นต้นว่าจวนอู่ติ้งโหวและจวนหย่งผิงโหวล้วนเป็นตระกูลที่บรรพบุรุษหลายรุ่นปกครองกองทัพ อยู่ในนครหลวงมานานกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสียอีก
ส่วนสกุลฟู่นั้นเพิ่งเริ่มมีอำนาจเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทว่าบรรพบุรุษล้วนเป็นขุนนางทหาร เคยสร้างความดีความชอบในสมัยของฟู่เยวี่ยปู่ของฟู่ถิงโจวจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจิ้นหย่วนโหวจากอดีตฮ่องเต้เจิ้งเต๋อ ด้วยเหตุนี้เองสกุลฟู่จึงดูด้อยกว่าขั้นหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลสูงศักดิ์เก่าแก่ในนครหลวงอย่างอู่ติ้งโหวหรือหย่งผิงโหว
กระนั้นไม่ว่ารากฐานของสกุลฟู่จะไม่มั่นคงอย่างไรล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหวังเหยียนชิง เดิมทีด้วยฐานะของนางชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีทางได้ข้องเกี่ยวกับแม่ทัพและชนชั้นสูงพวกนี้อยู่แล้ว
ขุนนางฝ่ายทหารสืบทอดตำแหน่งจากรุ่นสู่รุ่น พลทหารก็สืบทอดตำแหน่งทางสายโลหิตเช่นกัน แต่ ‘พลทหาร’ กับ ‘ขุนนางทหาร’ ผิดกันแค่คำเดียวกลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว บ้านเกิดของหวังเหยียนชิงอยู่ที่เมืองต้าถง ที่บ้านเป็นครอบครัวทหาร ทายาทชายของสกุลหวังเกิดมาก็เป็นทหาร ทวด ปู่ และบิดาของนางล้วนเสียชีวิตในสงครามกับชาวเหมิ่งกู่ที่ต้าถง
รัชศกเจิ้งเต๋อปีที่สิบสอง เจิ้นหย่วนโหวฟู่เยวี่ยถูกโยกย้ายไปต้าถงรับตำแหน่งผู้บัญชาการรบ หวังชงบิดาของหวังเหยียนชิง เนื่องจากกล้าหาญมีไหวพริบจึงค่อยๆ ได้รับความชื่นชมจากฟู่เยวี่ย ในสงครามรุกไล่ครั้งหนึ่ง หวังชงเอาตัวเข้ารับลูกธนูแทนฟู่เยวี่ยจนสิ้นชีพในสมรภูมิ
ภายหลังสงครามกับชาวเหมิ่งกู่ได้รับชัยชนะ ฟู่เยวี่ยถูกย้ายไปนครหลวงเพราะสร้างผลงาน ฟู่เยวี่ยถูกใจหวังชงมาก หวังชงยังมาเสียชีวิตเพราะเขา หลังความเศร้าเสียใจผ่านพ้นไป ฟู่เยวี่ยจึงส่งคนไปที่บ้านเกิดของหวังชงเพื่อปลอบประโลมครอบครัวของอีกฝ่าย