ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย เล่ม 1 บทที่ 1-2 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย เล่ม 1 บทที่ 1-2

กระนั้นไปถึงแล้วจึงทราบว่าช่วงหลายปีที่หวังชงไม่อยู่จวน เสิ่นหลันผู้เป็นภรรยาคลอดบุตรแล้วร่างกายอ่อนแอจนจากโลกนี้ไป หลี่ซื่อผู้เป็นมารดาอายุปูนนี้แล้วยังต้องทำนาปลูกข้าวหาเลี้ยงหลานสาว เมื่อต้นฤดูใบไม้ผลิหกล้มและป่วยตาย ครอบครัวทั้งหมดจึงเหลือเพียงบุตรสาวที่ยังเล็กวัยเจ็ดขวบ…หวังเหยียนชิงคนเดียวเท่านั้น

ชายแดนมีเด็กกำพร้าอย่างหวังเหยียนชิงมากมาย แต่เรื่องราวเกิดขึ้นภายใต้เปลือกตาของฟู่เยวี่ย เขาย่อมมิอาจไม่ไยดี หลังจากผู้ใต้บังคับบัญชากลับนครหลวงมารายงานฟู่เยวี่ย ฟู่เยวี่ยตรึกตรองครู่หนึ่งและตัดสินใจรับเลี้ยงหวังเหยียนชิง

ด้วยอำนาจบารมีของจวนเจิ้นหย่วนโหว การเลี้ยงดูแม่นางน้อยคนหนึ่งมิใช่ปัญหา แต่หากเขาไม่สนใจเด็กคนนี้จะต้องตายอยู่ข้างนอกแน่

ตอนที่หวังเหยียนชิงอายุเจ็ดขวบ โชคชะตาของนางพลิกผันครั้งใหญ่ ปีนั้นนางสูญเสียคนในครอบครัวคนสุดท้ายไป ด้วยการช่วยเหลือของเพื่อนบ้าน นางจึงสามารถจัดงานศพให้ผู้เป็นย่าจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นที่ดินบรรพบุรุษของพวกเขาก็ถูกญาติห่างๆ ยึดไปจนหมด แต่เรื่องการรับเลี้ยงหวังเหยียนชิงกลับเป็นเหมือนลูกหนังที่ถูกเตะไปเตะมา ไม่มีใครเต็มใจอยากเลี้ยงคนเพิ่มขึ้นอีกคน

หลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งมาหานาง ผ่านไปพักหนึ่งคนกลุ่มนั้นกลับมาอีกครั้ง ทั้งยังนำแพรพรรณและผู้คนมามากกว่าเก่า พวกเขาจุดธูปเซ่นไหว้หวังชง ยังบอกว่าจะรับตัวหวังเหยียนชิงไปนครหลวง

ท่าทีของพวกญาติๆ เปลี่ยนไปทันใด บ้านใกล้เรือนเคียงต่างรู้กันทั่วว่าสุสานบรรพบุรุษสกุลหวังมีควันสีฟ้าหวังชงได้รับความนิยมชมชอบจากผู้สูงศักดิ์ หวังเหยียนชิงกำลังจะเดินทางเข้านครหลวงไปเสพสุขแล้ว คนในหมู่บ้านไม่รู้ว่า ‘เจิ้นหย่วนโหว’ คืออะไร รู้เพียงว่าเป็นขุนนางตำแหน่งสูงมาก ควบคุมดูแลกองกำลังทั้งหมดในเมืองต้าถง ลุงป้าน้าอาที่เคยแล้งน้ำใจเหล่านั้นพากันเปลี่ยนสีหน้าและแย่งชิงตัวหวังเหยียนชิงกัน ยังคิดจะหลอกให้หวังเหยียนชิงเปลี่ยนคำเรียกขาน หมายจะส่งบุตรสาวของตนไปนครหลวงแทน

หวังเหยียนชิงแม้อายุเพียงเจ็ดขวบ แต่ประสบการณ์ชีวิตได้สอนให้นางล่วงรู้จิตใจคน รู้จักฟังน้ำเสียงดูสีหน้านานแล้ว นางไม่ทิ้งเงินไว้ให้พวกญาติๆ แม้แต่เหรียญเดียว ติดตามกองกำลังของฟู่เยวี่ยไปเงียบๆ จนกระทั่งมาถึงนครหลวงเป่ยจิงที่นางไม่รู้จัก

เวลานั้นนางยังไม่รู้ว่าตนเองกำลังจะเข้าสู่โลกที่เป็นอย่างไร นางรู้ว่าในใต้หล้านี้มีทั้งคนจนและคนรวย มีทั้งขุนนางและชาวนา แต่คิดไม่ถึงว่าความแตกต่างทางชนชั้นจะมากมายถึงเพียงนี้

หลังเข้าประตูเซวียนอู่* แล้ว ข้าวของริมทางแต่ละอย่างล้วนเป็นความหรูหราที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึง นางเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามรถม้าไปอย่างมึนงง สุดท้ายรถม้าก็แล่นเข้าไปในคฤหาสน์ที่โอ่โถงใหญ่โตแห่งหนึ่ง

ตอนหวังเหยียนชิงลงจากรถ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอานางตกใจจนไม่กล้าปริปากแม้แต่คำเดียว ไม่กล้าย่างเท้าสักก้าวเดียว ประตูสูงใหญ่คฤหาสน์หลังโตดูทรงอำนาจในตนเอง บ่าวรับใช้ประสานมือเดินขวักไขว่ไปมา แค่หญิงรับใช้สูงวัยที่ทำหน้าที่กวาดพื้นคนหนึ่งยังแต่งตัวดีกว่าครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน นี่ก็คือสถานที่ที่นางจะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อจากนี้หรือ

ขณะที่หวังเหยียนชิงตะลึงงันทำอะไรไม่ถูกนั้นเอง เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งพลันดังขึ้นข้างหลัง ‘นี่ใครกัน’

นางหันกลับไปก็มองเห็นเด็กหนุ่มท่าทางสูงศักดิ์สง่างามคนหนึ่ง เขาอายุราวสิบปี รูปร่างสูงโปร่งองอาจ บุคลิกผึ่งผาย คนข้างกายท่าทีพลันเปลี่ยนไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงประจบ ‘คุณชายรอง นี่ก็คือเด็กกำพร้าที่ท่านโหวจะรับเลี้ยงคนนั้นขอรับ’

เด็กหนุ่มจ้องนางอยู่พักใหญ่ ดูคล้ายในที่สุดก็พอจะจำได้ จึงถาม ‘ชื่ออะไร’

‘เรียนคุณชายรอง นางชื่อหวัง…’

‘ไม่ได้ถามเจ้า’ เด็กหนุ่มปรายตามองบ่าวรับใช้เรียบๆ พยักพเยิดคางกับหวังเหยียนชิง ‘ให้นางพูด’

แม้จะยังมิได้แนะนำ แต่หวังเหยียนชิงเข้าใจสถานการณ์แล้ว นางก้มศีรษะตอบอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ‘เรียนคุณชายรอง ข้าชื่อหวังเหยียนชิง’

เด็กชายคล้ายไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พบคนในวัยใกล้กัน เขาพานางไปพบเจิ้นหย่วนโหวด้วยตนเอง หลังจากนั้นหวังเหยียนชิงจึงได้รู้ว่าเด็กชายที่เป็นคนนำทางให้นางคือหลานชายของฟู่เยวี่ย…ฟู่ถิงโจว แม้ทุกคนต่างเรียกเขาว่า ‘คุณชายรอง’ แต่ทายาทชายรุ่นหลานที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีเขาเพียงคนเดียว เขาจึงนับเป็นซื่อจื่อ* ที่ทุกคนยอมรับโดยปริยายแล้ว เหตุที่จวนเจิ้นหย่วนโหวครึกครื้นถึงเพียงนี้ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของฟู่ถิงโจวพอดี

ภายหลังฟู่ถิงโจวมักพูดเล่นอยู่เสมอว่าหวังเหยียนชิงเป็นของขวัญวันเกิดที่สวรรค์ประทานให้เขา ประจวบเหมาะกับตอนเขาอารมณ์ไม่ดีออกมาเดินเล่น เดินเลี้ยวก็พบกับหวังเหยียนชิงเข้าพอดี

ฟู่เยวี่ยเห็นหวังเหยียนชิงแล้วดีใจมาก หวังชงอายุไล่เลี่ยกับบุตรชายของฟู่เยวี่ย เป็นคนมีไหวพริบและน่าเอ็นดู ในใจเขาเห็นหวังชงเป็นเหมือนบุตรคนหนึ่งเสมอมา ไม่คิดว่าบุตรสาวของหวังชงกลับน่ารักเรียบร้อย ไม่ซุกซนเหมือนหวังชงเลยสักนิด

ฟู่เยวี่ยกรำศึกมาทั้งชีวิต นิสัยเฉียบขาดดุดัน เวลาฝึกทหารเสียงดังก้องจนได้ยินทั่วทั้งในและนอกค่าย ได้พบแม่นางน้อยที่อ่อนโยนนุ่มนวลเช่นนี้เป็นครั้งแรก หัวใจก็แทบจะละลาย ประจวบเหมาะอายุของหวังเหยียนชิงกับฟู่ถิงโจวต่างกันไม่มาก ฟู่เยวี่ยจึงให้เด็กทั้งสองอยู่ข้างกาย อบรมเลี้ยงดูด้วยตนเอง

กล่าวถึงตรงนี้อันที่จริงยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฟู่เยวี่ยทำศึกอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน เวลาเกิดสงครามเขาไม่กลับจวนติดต่อกันนานหลายปี ฟู่ชางบุตรชายของฟู่เยวี่ยถูกภรรยาของเขาตามอกตามใจ ภายหลังย้ายมานครหลวงก็กลายเป็นบุตรชายท่านโหวอีก นิสัยเสียจึงถูกบ่มเพาะขึ้นมาอย่างช้าๆ

ตอนฟู่เยวี่ยถูกย้ายจากต้าถงกลับมานครหลวงแล้วเห็นบุตรชายเที่ยวหอคณิกา แข่งม้าชนไก่ เขาก็โมโหจนอาละวาดยกใหญ่ ทว่าตอนนั้นฟู่ชางใกล้จะสามสิบแล้วจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเองได้อย่างไร ฟู่เยวี่ยตีก็แล้วด่าก็แล้ว ท้ายที่สุดก็แก้นิสัยบุตรชายไม่ได้จริงๆ จึงตัดสินใจว่ามองไม่เห็นเป็นดีที่สุด และตั้งหน้าตั้งตาอบรมหลานชาย

หลายปีมานี้เขาผ่านการทำศึกมาอย่างไม่ง่าย จะยกทรัพย์สมบัติมหาศาลให้กับลูกหลานที่ดีแต่ล้างผลาญไม่ได้เป็นอันขาด เคราะห์ดีที่ฟู่ถิงโจวยังเล็ก สั่งสอนตอนนี้ยังทันกาล

หวังเหยียนชิงมาอยู่สกุลฟู่ในเวลานี้เอง ฟู่เยวี่ยให้ฟู่ถิงโจวกับหวังเหยียนชิงเรียกขานกันแบบพี่น้อง สอนพวกเขาเล่าเรียนฝึกยุทธ์ด้วยตนเอง เวลาว่างพาฟู่ถิงโจวไปเยี่ยมสหายขุนนางและสหายร่วมรบของตน อบรมชี้แนะโดยไม่ผ่อนปรนแม้แต่น้อย หวังเหยียนชิงรู้ฐานะของตนเองเป็นอย่างดี นางเป็นบุตรีของผู้ใต้บังคับบัญชาของฟู่เยวี่ย ฐานะต่างจากสกุลฟู่ลิบลับ ฟู่เยวี่ยเห็นแก่บุญคุณที่บิดานางเคยช่วยชีวิตเลี้ยงดูนางไว้ข้างกาย แต่ตัวนางเองกระจ่างแจ้งดีว่าคนที่ฟู่เยวี่ยสอนคือหลานชายของตนเอง นางเป็นเพียงตัวเสริมที่เขาถือโอกาสชี้แนะไปพร้อมกัน

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com