ดังนั้นหวังเหยียนชิงจึงตั้งใจเล่าเรียน ฟู่ถิงโจวเรียนรู้สิ่งใดนางก็เรียนรู้สิ่งนั้น ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยยาก เวลาฟู่ถิงโจวไปสนามฝึกยุทธ์เพื่อฝึกวรยุทธ์ พวกสาวใช้ต่างบอกว่าหวังเหยียนชิงเป็นสาวเป็นนางไยต้องลำบากเช่นนี้ด้วย แต่หวังเหยียนชิงไม่ปริปากบ่นสักคำ นางอดทนจนผ่านพ้นมาได้
สกุลหวังเป็นครอบครัวทหาร ก่อนหน้านี้ก็เป็นทหารมาทุกรุ่น ดังนั้นเรื่องการแต่งงานจึงไม่แน่ไม่นอน บ่อยครั้งมักจะเกี่ยวดองกันภายในกลุ่มครอบครัวทหาร ท่านย่าและมารดาของหวังเหยียนชิงล้วนเป็นบุตรสาวครอบครัวทหาร เมืองต้าถงก็เป็นหนึ่งในเก้าเมืองยุทธศาสตร์ชายแดนที่รายล้อมนครหลวง ด้วยต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งกับชาวเหมิ่งกู่เป็นเวลานาน นิสัยของชาวต้าถงจึงห้าวหาญ ไม่ว่าชายหญิงผู้เฒ่าผู้เยาว์ อึดใจก่อนหน้ายังถือจอบทำไร่ไถนา อึดใจต่อมากลับสามารถเงื้อดาบฟาดฟันศัตรูได้ แม้เป็นสตรีในร่างกายก็มีสายเลือดของนักรบที่กล้าหาญ
หวังเหยียนชิงเติบโตขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงจึงรู้ความกว่าเด็กในวัยเดียวกัน งานหนักที่สตรีในนครหลวงรู้สึกว่าเหนื่อยยาก นางล้วนสามารถอดทนทำได้ ช่วงปีแรกๆ ยังทำเพื่อเอาใจฟู่เยวี่ย ช่วงปีหลังๆ กลับเพื่อเอาใจฟู่ถิงโจว
ฟู่ถิงโจวสืบทอดความรู้ความสามารถของผู้เป็นปู่ รูปร่างสูงใหญ่ห้าวหาญ คิ้วกระบี่ดวงตาสุกสกาว เฉียบขาดหนักแน่น อีกทั้งเนื่องจากถือกำเนิดในนครหลวงจึงเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบมากกว่าฟู่เยวี่ย แม้อยู่ในกลุ่มผู้สูงศักดิ์ที่มีมังกรซุ่มพยัคฆ์ซ่อนฟู่ถิงโจวก็ยังเป็น ‘แม่ทัพผู้มีพรสวรรค์’ ที่ผู้คนยกย่องชื่นชม ฟู่เยวี่ยพอใจหลานชายคนนี้มาก ขณะเดียวกันเพื่อดูแลบุตรสาวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นเด็กกำพร้าจึงเคยเอ่ยปากเป็นการส่วนตัวว่า ‘น้ำดีมิพึงปล่อยให้ไหลเข้านาผู้อื่น’* บอกให้หวังเหยียนชิงแต่งให้ฟู่ถิงโจว
ฟู่เยวี่ยพูดเช่นนี้มิใช่เพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่หวังเหยียนชิงยิ่งเติบโตก็ยิ่งงดงามปานบุปผา อีกทั้งนางยังเข้าอกเข้าใจผู้อื่น เฉลียวฉลาดรู้ความ สามารถน้าวคันศรยิงเกาทัณฑ์ ขณะเดียวกันก็สามารถอ่านหนังสือเขียนอักษรได้ มิใช่ดียิ่งกว่าคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ที่อ่อนแอขลาดเขลาพวกนั้นหรือ ฟู่เยวี่ยเห็นเด็กสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กจนกลายเป็นหนุ่มสาว เหมาะสมหรือไม่เขารู้ดีแก่ใจ
ก่อนตายฟู่เยวี่ยทิ้งคำสั่งเสียไว้สองอย่าง หนึ่งคืออ้อมผ่านฟู่ชาง ยกตำแหน่งโหวให้ฟู่ถิงโจวโดยตรง สองคือให้ฟู่ถิงโจวไม่ต้องไว้ทุกข์ รีบแต่งงานโดยเร็ว
อันที่จริงคนฉลาดล้วนดูออกว่าคำสั่งที่สองของฟู่เยวี่ยเป็นไปเพื่อหวังเหยียนชิง แต่เมื่อร่างของฟู่เยวี่ยถูกฝังเสร็จเรียบร้อย ฟู่ชางสามีภรรยากลับเปลี่ยนใจ พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เจตนาของฟู่เยวี่ย เจรจาเรื่องคู่ครองให้ฟู่ถิงโจวอย่างเปิดเผย
แม้ฟู่เยวี่ยจะบอกว่าไม่ต้องไว้ทุกข์ แต่ลูกหลานกลับไม่อาจก้าวล่วงธรรมเนียมนี้ ตลอดหนึ่งปีนี้ฟู่ถิงโจวมิอาจไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์หาความสำราญ มิอาจแต่งภรรยาตามใจได้ ทว่าแม้ไม่อาจหมั้นหมาย แต่การไปดูตัวแบบเงียบๆ กลับสามารถทำได้ ฟู่ชางสามีภรรยาเลือกไปเลือกมาสุดท้ายก็ถูกใจจวนหย่งผิงโหวที่เพิ่งเดินทางกลับนครหลวงมารายงานตัว
ก่อนหน้านี้หย่งผิงโหวรักษาการณ์พื้นที่แถบทิศตะวันตกของมณฑลซื่อชวนบุตรีคนที่สามยังมิได้หมั้นหมาย สองครอบครัวความเห็นตรงกัน ฟู่ถิงโจวไปเยือนจวนหย่งผิงโหวอย่างลับๆ กลับมาก็ตอบตกลง คุณหนูสามจวนหย่งผิงโหวดีใจที่ได้สามีที่ดี จวนเจิ้นหย่วนโหวได้ลู่ทางเกี่ยวดองกับตระกูลสูงศักดิ์เก่าแก่ อู่ติ้งโหวได้ดึงคนหนุ่มมากความสามารถมาเป็นพวก ทุกคนต่างยินดีปรีดา…เว้นเพียงหวังเหยียนชิง
ฟู่ถิงโจวจะแต่งบุตรสาวจวนหย่งผิงโหว เช่นนั้นนางเล่า
ตั้งแต่ท่านโหวผู้เฒ่าฟู่เยวี่ยจากโลกนี้ไป ฐานะของหวังเหยียนชิงในสกุลฟู่ก็กระอักกระอ่วน บัดนี้จวนโหวเจรจาเรื่องการแต่งงานให้ฟู่ถิงโจวอย่างเปิดเผย แม้แต่มารยาทฉาบฉวยภายนอกยังไม่อยากจะทำแล้ว การที่สาวใช้พวกนี้ซุบซิบนินทานางเป็นเพียงภาพสะท้อนเล็กๆ เท่านั้น
เฝ่ยชุ่ยรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนเจ้านายของตน แต่หลังจากร้องไห้เสร็จ ตนก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอย่างไรได้ ปู่และบิดาของหวังเหยียนชิงล้วนตายในสงครามทั้งหมด นางไม่มีพี่น้อง พอท่านโหวผู้เฒ่าจากไปก็ไม่มีใครให้การสนับสนุนนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้สกุลหวังของนางมีญาติพี่น้องอยู่ แต่ยามอยู่ต่อหน้าจวนเจิ้นหย่วนโหวยังจะมีสิทธิ์โต้แย้งอะไรได้
เอ่ยวาจาที่ไม่น่าฟังสักคำ ด้วยฐานะของหวังเหยียนชิง นางได้เป็นอนุในจวนเจิ้นหย่วนโหวก็นับว่าอาจเอื้อมเกินฐานะแล้ว
เฝ่ยชุ่ยสะอึกสะอื้น ส่วนหวังเหยียนชิงกลับไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น นั่งสงบนิ่งดุจภาพวาด เฝ่ยชุ่ยเห็นแล้วรู้สึกทุกข์ใจ หาข้ออ้างออกไปเสียเอง
หวังเหยียนชิงนั่งอยู่ในห้องคนเดียว ทำเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมานับไม่ถ้วน อ่านหนังสือ คัดอักษร ศึกษาตำราพิชัยยุทธ์ ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเพียงใด เสียงลมระลอกหนึ่งลอยมาจากหน้าประตู เงาดำสายหนึ่งนั่งลงตรงหน้านาง ดึงสิ่งที่อยู่ในมือนางออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ “ ‘คัมภีร์หู่เฉียน’ ? จะสิ้นปีแล้ว เจ้ายังไม่เลิกอ่านอีกหรือ”
นิ้วมือของหวังเหยียนชิงกำเข้าหากันแน่น นางเงยหน้า พยายามเผชิญหน้ากับเขาด้วยรอยยิ้มที่ไร้พิรุธ “พี่รอง”