ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย เล่ม 1 บทที่ 1-2 – หน้า 8 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย เล่ม 1 บทที่ 1-2

8 of 8หน้าถัดไป

ที่แท้ก็องครักษ์เสื้อแพร หวังเหยียนชิงเผยสีหน้าเข้าใจ ไม่ซักไซ้อีก การนินทาองครักษ์เสื้อแพรไม่ใช่เรื่องที่ฉลาด หากมิใช่เพราะอยู่ในจวนเจิ้นหย่วนโหว ข้างกายล้วนเป็นคนใกล้ชิด ฟู่ถิงโจวก็ไม่มีทางพูดเรื่องพวกนี้ออกมา

ทั้งที่เป็นตระกูลแม่ทัพและขุนพลเหมือนกัน ทว่าผู้มีอำนาจราชศักดิ์กับองครักษ์เสื้อแพรกลับเป็นสองกลุ่มที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กลุ่มของฟู่ถิงโจวเป็นทายาทขุนนางระดับสูง เกิดมาที่บ้านก็มีตำแหน่งฐานะอันสูงศักดิ์อยู่แล้ว บิดากับพี่ชายยังมีตำแหน่งในกองทัพ ส่วนใหญ่จึงรู้จักกันตั้งแต่เล็ก ส่วนองครักษ์เสื้อแพรดูแลการสืบสวนจับกุม พูดอีกอย่างคือมีหน้าที่นำความผิดของชนชั้นสูงและขุนนางฝ่ายพลเรือนไปทูลฟ้องฮ่องเต้ ที่ผ่านมาสองฝ่ายจึงเปรียบเหมือนน้ำกับไฟ

ชนชั้นสูงก็เป็นเช่นนี้เอง เด็กของสองบ้านอาจไม่รู้จักกัน แต่เกิดมาก็เป็นศัตรูกันแล้ว หลังจากนั้นก็เจ้าขุดหลุมพรางให้ข้า ข้าทำร้ายเจ้าโดยไม่ต้องถามไถ่ว่าเพราะอะไร ผู้มีอำนาจราชศักดิ์กับองครักษ์เสื้อแพรเป็นศัตรูคู่แค้นกันโดยกำเนิด หวังเหยียนชิงแม้ไม่เคยพบลู่เหิง แต่ชื่อนี้กลับเป็นที่โจษขานในนครหลวง ชาวบ้านอาจไม่สนใจว่าราชเลขาธิการเป็นใคร ท่านโหวเป็นใคร แต่ไม่มีทางไม่รู้จักองครักษ์เสื้อแพรแน่นอน

ปีนี้ลู่เหิงอายุยี่สิบสองก็กุมอำนาจที่แท้จริงของผู้บัญชาการแล้ว ช่างน่ากลัวโดยแท้ เขาไม่เหมือนทายาทสกุลสูงศักดิ์ที่เติบโตในนครหลวงอย่างฟู่ถิงโจว สกุลลู่เดิมทีเป็นองครักษ์เสื้อแพรที่สืบทอดตำแหน่งทางสายโลหิตอยู่ในเมืองอันลู่ ลู่เหิงนับเป็นรุ่นที่หก ในอันลู่จัดว่ามีอำนาจพอสมควร งานที่ต้องใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงอย่างองครักษ์เสื้อแพรสามารถสืบทอดมาได้ถึงหกรุ่นโดยไม่เกิดข้อผิดพลาด เห็นได้ว่าสวรรค์ลิขิตแล้วว่าสกุลลู่จะต้องมีผู้มีความสามารถ

ลู่เหิงก็คือผู้มีความสามารถที่รวมกาละฟ้า ชัยภูมิดิน และประชากรหนุน* ไว้ในคนคนเดียวกัน เนื่องจากฮ่องเต้เจิ้งเต๋อไร้ทายาท ซิงอ๋องจึงเดินทางมานครหลวงเพื่อขึ้นครองราชย์ ทำให้ลู่เหิงกลายเป็นคนที่โผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในชั่วเวลาสั้นๆ

กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างลู่เหิงกับฮ่องเต้หรือก็คือซิงอ๋องเดิม ยังต้องเล่าย้อนไปถึงสมัยของอดีตฮ่องเต้เจิ้งเต๋อ ฮ่องเต้จยาจิ้งองค์ปัจจุบันนี้หาใช่ทายาทของฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่ แต่เป็นญาติผู้น้อง เนื่องจากฮ่องเต้เจิ้งเต๋อมิได้ทิ้งทายาทเอาไว้เลย ทั้งตนเองก็ไม่มีพี่น้องแท้ๆ ตำแหน่งฮ่องเต้จึงตกมาถึงจยาจิ้ง เดิมทีสกุลลู่ปกครองหน่วยทหารและฝึกทหารในอันลู่มาทุกรุ่น ภายหลังซิงเซี่ยนอ๋องบิดาของฮ่องเต้จยาจิ้งได้รับการอวยยศและส่งไปอยู่อันลู่ ลู่ซงบิดาของลู่เหิงจึงถูกย้ายไปเป็นองครักษ์ที่จวนซิงอ๋อง ฟ่านซื่อมารดาของลู่เหิงก็เข้าจวนอ๋องไปเป็นแม่นม บุคคลที่นางเลี้ยงดูก็คือซื่อจื่อในสมัยนั้น ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ด้วยความเกี่ยวข้องเช่นนี้เอง ลู่เหิงจึงเข้าออกจวนอ๋องตั้งแต่เล็ก เป็นสหายกับซื่อจื่อตั้งแต่เล็กจนโต ความสัมพันธ์เทียบได้กับฟู่ถิงโจวและหวังเหยียนชิง

ซิงเซี่ยนอ๋องป่วยตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ยกตำแหน่งอ๋องให้กับซื่อจื่อ หลังจากนั้นสองปี ประหนึ่งขนมเปี๊ยะร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า* ตำแหน่งฮ่องเต้ก็ตกมาอยู่กับซิงอ๋องผู้เยาว์วัย ซิงอ๋องเดินทางเข้านครหลวงกลายเป็นฮ่องเต้ ปีถัดมาเปลี่ยนชื่อรัชศกเป็นจยาจิ้ง สกุลลู่ติดตามมานครหลวงด้วย รับหน้าที่เป็นองครักษ์ใกล้ชิดของฮ่องเต้ บิดาของลู่เหิงความสามารถธรรมดาทั่วไป แต่ลู่เหิงกลับร้ายกาจ เขามานครหลวงตอนอายุสิบเอ็ด อายุสิบแปดสอบติดจิ้นซื่อ* ฝ่ายบู๊ ใช้เวลาสั้นๆ เพียงสี่ปีสร้างผลงานโดดเด่นหลายครั้ง ตำแหน่งขุนนางทะยานขึ้นไปโดยเร็ว ปีนี้เพิ่งอายุยี่สิบสองก็เหมือนกลายเป็นผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรที่แท้จริงแล้ว

อายุน้อยแต่รั้งตำแหน่งสูงยังไม่เท่าไร ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือฮ่องเต้เชื่อใจเขา

หากเขาหมายตาฟู่ถิงโจว นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ยุ่งยากทีเดียว

คิดถึงลู่เหิงแล้วสีหน้าของฟู่ถิงโจวพลันเคร่งเครียด อารมณ์ดีหายวับไปกับตา ชายหนุ่มตบหลังมือหวังเหยียนชิง “ข้าเพียงแต่เตือนเจ้าเท่านั้น ความจริงมิได้มีอะไรร้ายแรง เจ้าไม่ต้องกังวลไป เจ้าไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว อยากออกไปพักผ่อนหย่อนใจสักหน่อยหรือไม่”

หวังเหยียนชิงมองเขานิ่งๆ เมื่อครู่ฟู่ถิงโจวเพิ่งจะบอกว่า ‘ไม่มีธุระใดอย่าออกจากจวนดีกว่า’ ไม่ผิดจากที่คิด อึดใจต่อมาฟู่ถิงโจวก็พูดต่อ “วางใจ ครั้งนี้มีข้าไปด้วย มารดานัดคนไว้จะไปไหว้พระที่วัดต้าเจวี๋ยด้วยกัน ถือโอกาสนี้ถวายน้ำมันตะเกียงให้ท่านปู่ด้วย”

หวังเหยียนชิงฟังถึงคำสุดท้ายก็รู้แล้วว่านางมิอาจปฏิเสธได้ นางชะงักไปก่อนถาม “ฮูหยินผู้เฒ่านัดใครไว้หรือ”

หางคิ้วของฟู่ถิงโจวขยับหนึ่งที รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้างอย่างหาได้ยาก “จวนหย่งผิงโหว”

หัวใจของหวังเหยียนชิงเย็นเยียบทันใด ตั้งแต่ฟู่ถิงโจวเข้ามา นางก็รู้สึกเหมือนตนเองแช่อยู่ในทะเลสาบน้ำแข็งและจมดิ่งลงไปไม่หยุด บัดนี้นางถูกคนกดลงไปใต้น้ำ กระทั่งลมหายใจสุดท้ายก็กำลังจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

ฟู่ถิงโจวหมายความว่าอย่างไร จะให้นางไปคำนับนายหญิงล่วงหน้า หรือว่าฮูหยินของหย่งผิงโหวไม่วางใจ จะกำราบอนุแทนบุตรสาว?

หวังเหยียนชิงนิ่งไปครู่หนึ่งพลันเม้มริมฝีปากยิ้มตอบ “พี่รอง ยากนักที่ท่านกับพี่สะใภ้จะได้พบกัน พวกท่านสามีภรรยาพบหน้า ข้าจะไปเกะกะขวางทางด้วยเหตุใดเล่า”

หวังเหยียนชิงยังพูดไม่จบก็รู้สึกได้ว่าข้อมือนางถูกบีบอย่างแรงหนึ่งที นางทำหน้าเย็นชา ไม่ร้องเจ็บ ทั้งมิได้ก้มหน้า

นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเหยียนชิงแสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนถึงเพียงนี้ ฟู่ถิงโจวถูกยั่วโทสะเช่นกัน เขาสะบัดแขนเสื้อลุกขึ้นยืน มองนางด้วยสายตาของผู้ที่เหนือกว่า เอ่ยโดยไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธ “วันมะรืนไปไหว้พระ ชิงชิงอย่าได้ลืมล่ะ”

กล่าวจบเขาก็ไม่สนใจว่าแผลที่ข้อมือนางหนักหนาหรือไม่ หันกายเดินจากไป

เสียงฝีเท้าทรงพลังเป็นจังหวะลอยห่างออกไป เขาจมอยู่กับความโมโหถึงขั้นไม่ทันตระหนักว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของนาง

หวังเหยียนชิงเบือนหน้าไปมองหิมะสีขาวนอกหน้าต่างที่ถูกย่ำเหยียบจนสกปรก น้ำตาพลันเก็บกลั้นไว้ไม่อยู่

ตอนท่านโหวจากไปเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ หวังเหยียนชิงเองก็ไม่ได้เรียกคนเข้าไปเป็นเวลานาน เหล่าสาวใช้เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้อง ไม่รู้หวังเหยียนชิงนั่งนิ่งอยู่นานเพียงใด รอจนน้ำตาไหลจนหมดแล้ว ดวงตาเพ่งมองจนแสบ นางจึงลุกขึ้นเดินไปยังห้องที่กั้นแบ่งด้วยฉากบังตา

การฝึกยุทธ์หลายปีถึงอย่างไรก็มีประโยชน์ หวังเหยียนชิงเปิดหีบโดยไม่เกิดเสียงแม้แต่น้อย นางวางเสื้อผ้าและเงินก้อนเล็กลงในห่อสัมภาระอย่างสงบนิ่ง สงบจนกระทั่งตัวนางเองยังนึกกลัว

บางทีนางอาจจะซักซ้อมเรื่องทั้งหมดนี้ในหัวมาตั้งแต่แรกเริ่มจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ส่งผลให้ตอนนี้สามารถทำมันจนเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาใคร่ครวญ

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรสกุลฟู่ก็มีบุญคุณต่อนาง หากไม่มีสกุลฟู่ นางก็ไม่มีทางได้เล่าเรียนและฝึกยุทธ์ บิดาช่วยชีวิตท่านโหวผู้เฒ่าไว้ ท่านโหวผู้เฒ่ามอบชีวิตที่สงบมั่นคงให้นางสิบปี เรื่องนี้สมควรยุติลงนานแล้ว ส่วนเรื่องที่นางชอบฟู่ถิงโจวกลับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย บุรุษเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตนาง ทั้งแข็งแกร่งองอาจ เย็นชา และเปี่ยมด้วยความทะเยอทะยาน นางจะไม่ชอบเขาได้อย่างไรกัน ทว่าต่อให้นางชอบเขามากเพียงใดก็มิอาจยอมให้ตนเองเป็นอนุได้

ความรู้สึกระหว่างนางกับฟู่ถิงโจวเกิดขึ้นที่นี่และควรจบลงเพียงเท่านี้ ให้ทุกอย่างยุติลงในช่วงเวลาที่งดงามที่สุดเถอะ อย่างน้อยวันหน้าตอนแก่เฒ่ามองย้อนกลับมาจะได้พบว่าทุกคนยังคงอ่อนเยาว์และงดงามดังเดิม

หวังเหยียนชิงจัดสัมภาระและของใช้ส่วนตัวเรียบร้อย ตอนวางหนังสือผ่านทางและทะเบียนครัวเรือนลงไป นางก็เริ่มลังเล

ขอเพียงก้าวเท้าข้างนี้ออกไป นางก็ไม่อาจหันหลังกลับได้อีก วันเวลาที่นางอยู่ในนครหลวง ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับฟู่ถิงโจวตลอดสิบปีจะไม่มีวันหวนกลับมาอีก

นางไม่เสียใจภายหลัง แต่จนแล้วจนรอดก็รู้สึกไม่ยินยอม สาวใช้พูดถูก ในชีวิตของสตรีคนหนึ่งจะมีเวลาสิบปีสักกี่ครั้งเชียว นางทิ้งช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของตนไว้ที่จวนเจิ้นหย่วนโหว บัดนี้แม้แต่โฉมหน้าของคู่ต่อสู้ยังไม่ได้เห็นก็จะหนีไปเสียแล้ว ออกจะขี้ขลาดเกินไปหน่อย

อย่างน้อยนางก็อยากเห็นว่าสตรีที่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้ หน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่

หวังเหยียนชิงค่อยๆ ปล่อยมือ วางห่อสัมภาระที่จัดเรียบร้อยแล้วลงที่ก้นหีบ นางมิใช่คุณหนูในหอห้องที่มือไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะมัดไก่ นางรู้ดีว่าจะหนีออกจากนครหลวงโดยเทพไม่รู้ภูตไม่เห็นได้อย่างไร หากปรารถนาแม้กระทั่งตอนนี้นางก็สามารถทำได้เลย ทว่าในใจนางยังเหลือความอ่อนแอเสี้ยวสุดท้าย นางผ่อนปรนกับตนเอง คิดในใจว่าขอเพียงกลับจากวัดต้าเจวี๋ย ได้เห็นโฉมหน้าของว่าที่ภรรยาของเขาแล้ว…นางก็จะไป

ถือว่านี่เป็นการอำลานครหลวง บอกลาโลกของชนชั้นสูงอันเพริศแพร้วแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 5 .. 66 เวลา 12.00 .

8 of 8หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ช่วงเวลาผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ก็เปรียบดั่งผ้าพันเท้าของสตรี เป็นของเก่าเน่าเหม็นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นผ้าผืนใหม่มี...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 3-4

บทที่ 3 หัวหน้าขันทีไม่แม้แต่จะเหลือบแลอวี้ฉือรุ่ย แต่ถามออกมาตรงๆ “ท่านใดคือคุณหนูเฟยเยี่ยน” เสียนเกอเอ๋อร์ข่มโทสะไม่อย...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 5-6

บทที่ 5 เถ้าแก่ร้านตกใจจนเบิกตากว้าง โบกไม้โบกมือเอ่ย “แม่นาง นี่มันสิงโตอ้าปากกว้าง นี่! เห็นว่าพวกงานปักของเจ้าเป็นงาน...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 9-10

บทที่ 9 หวังอวี้หล่างไม่นึกฝันว่าจะได้มาเจอกับองค์ชายรองที่นี่ เมื่อครู่นี้เขายังแสดงกิริยาเสียมารยาทอีกด้วย ในเวลานั้นจ...

community.jamsai.com