บทที่ 4
อากาศหนาวเหน็บบาดกระดูก เกล็ดน้ำแข็งปกคลุมทั่วผืนดิน ม่านราตรีมืดมิดจนยื่นมือออกไปมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า แต่แสงไฟในเรือนหลักจวนเจิ้นหย่วนโหวยังคงสว่างโร่ตลอดทั้งคืน
แขนของฟู่ถิงโจวพันผ้าพันแผลแล้ว ฟังบ่าวรับใช้รายงานผลด้วยสีหน้าเย็นชา “ท่านโหว เหล่าพี่น้องค้นหากันตลอดคืน แต่ไม่พบแม่นางหวังที่ใต้หน้าผาขอรับ”
“บริเวณช่องเขาใกล้ๆ เล่า”
“ค้นหาหมดแล้วขอรับ หิมะปกคลุมพื้นเป็นปกติ ไม่มีใครไปที่นั่นขอรับ”
ฟู่ถิงโจวกดหว่างคิ้ว เขายังสวมชุดเมื่อตอนกลางวัน เพียงพันแผลที่แขนอย่างขอไปทีเท่านั้น แม้แต่อาภรณ์ก็ไม่ได้ผลัดเปลี่ยน พ่อบ้านเห็นฟู่ถิงโจวใบหน้าขาวซีดก็โน้มน้าวอย่างปวดใจ “ท่านโหว ท่านอดนอนมาทั้งคืนแล้ว ร่างกายยังมีแผลอยู่ ไปพักผ่อนก่อนเถอะขอรับ”
ฟู่ถิงโจวลดมือลง แววตาเย็นเยียบปานน้ำแข็งดูเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่โกรธเกรี้ยว แม้มิได้บันดาลโทสะก็ทรงอำนาจ “นางยังไม่กลับมา ข้าจะข่มตาหลับได้อย่างไร นางพลัดตกลงไปต่อหน้าต่อตาข้า หากไม่ได้นางบาดแผลตอนนี้ของข้าคงมิใช่แค่ที่แขนแน่นอน ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ค้นหาบริเวณเขาซีซานต่อไป อยู่ต้องเห็นคน…”
ฟู่ถิงโจวชะงัก ถึงขั้นมิอาจหักใจเอ่ยคำพูดต่อท้ายว่า ‘ตายต้องเห็นศพ’ ออกมาได้ นางจะตายได้อย่างไร เขาอายุมากกว่านางสามปี ทำชั่วมามากมาย ไร้ไมตรีไม่มีคุณธรรม เขายังมีชีวิตอยู่อย่างปกติ แล้วนางจะเกิดเรื่องได้อย่างไร
บริวารในจวนโหวเห็นฟู่ถิงโจวใบหน้าเขียวคล้ำก็ต่างพากันเงียบกริบ ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก องครักษ์กุมหมัดถอยออกไปเงียบๆ ไปค้นหาบริเวณเชิงเขาเป็นรอบที่สอง
ตอนองครักษ์ผลักประตู ลมหนาวข้างนอกพัดเข้ามา แทรกซึมเข้าไปถึงในคอเสื้อ พ่อบ้านห่อแขนประสานมือ ลังเลชั่วครู่จึงเอ่ยว่า “ท่านโหว ข้างนอกอากาศหนาวเหน็บถึงเพียงนี้ แถบชานเมืองไม่มีทางมีคนทนอยู่ได้ หากแม่นางหวังตกหน้าผาแล้วหมดสติไป เขาซีซานไม่มีสัตว์ป่า แม่นางหวังจะต้องยังอยู่ใต้หน้าผาอย่างปลอดภัยแน่ แต่หากแม่นางหวังมิได้หมดสติ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาหนทางติดต่อกับคนของจวนโหว นี่ก็ผ่านมาหนึ่งคืนแล้วยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า…แม่นางหวังไม่ได้อยู่ที่ชานเมืองแล้ว”
ฟู่ถิงโจวลุกพรวดขึ้น เอามือไพล่หลังก้าวเดินช้าๆ อยู่ในห้องหนังสือ นี่คือสิ่งที่เขาหวาดกลัวมากที่สุด ไม่ว่าเป็นหรือตายคนก็ไม่มีทางหายไปดื้อๆ ได้ แต่องครักษ์กลับบอกว่าใต้หน้าผาไม่มีร่องรอยใดๆ ด้านล่างของช่องเขาบริเวณที่พวกเขาประสบเหตุถูกหิมะปกคลุม ไม่มีแม้กระทั่งรอยเท้า
เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร…
ไม่มีร่องรอยก็คือร่องรอยที่ใหญ่ที่สุด เรื่องนี้บอกได้เพียงมีคนไปที่ใต้หน้าผาก่อนหน้าเขา ทั้งยังกลบเกลื่อนร่องรอยล่วงหน้า กล้าจู่โจมท่านโหวภายใต้ฝ่าเท้าของโอรสสวรรค์ ทั้งยังสามารถกลบเกลื่อนสถานที่เกิดเหตุได้อย่างรอบคอบไร้ช่องโหว่ นอกจาก ‘คนผู้นั้น’ แล้ว ไม่มีทางเป็นใครไปได้อีก
ฟู่ถิงโจวนวดคลึงหว่างคิ้ว ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ลู่เหิง…เขายังคงประเมินคนบ้าผู้นี้ต่ำเกินไป
ฟู่ถิงโจวกลัวว่าลู่เหิงจะลงมือกับคนสกุลฟู่ถึงได้คุ้มกันฮูหยินผู้เฒ่ากับหวังเหยียนชิงไปวัดต้าเจวี๋ยไหว้พระด้วยตนเอง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าลู่เหิงจะเหิมเกริมถึงขั้นซุ่มโจมตีเขาที่ชานเมือง ลงมือต่อหน้าต่อตาเขา
ลู่เหิงมั่นใจถึงเพียงนี้เชียวหรือว่าจะสามารถถอนตัวได้อย่างสมบูรณ์
ฟู่ถิงโจวปวดหัวยิ่งนัก หากเป็นคนอื่น เขากล้ารับรองว่าจะต้องหาหลักฐานได้ภายในสามวันแน่ จากนั้นไม่ว่าเจรจาก็ดี หรือใช้อำนาจกดดันก็ช่าง เขาจะต้องถลกหนังอีกฝ่ายออกมาชั้นหนึ่งให้จงได้ แต่หากเป็นฝีมือของลู่เหิง นั่นย่อมกลายเป็นการงมเข็มในมหาสมุทร ฟู่ถิงโจวถึงขั้นไม่มั่นใจว่าจะสืบหาที่อยู่ของหวังเหยียนชิงพบ
องครักษ์เสื้อแพรทำงานด้านข่าวกรอง หูตาของพวกเขากระจายอยู่ทั่วราชสำนักและตลาดชาวบ้าน ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรคิดจะซุกซ่อนคนคนหนึ่ง ต่อให้คนภายนอกพลิกพื้นดินในนครหลวงขึ้นมาตลบหนึ่งก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์ พ่อบ้านเห็นสีหน้าของฟู่ถิงโจวไม่ดีนัก จึงเอ่ยว่า “ท่านโหว ตอนนี้ท่านเป็นเสาหลักของจวนเจิ้นหย่วนโหวต้องรักษาสุขภาพให้มาก ท่านกลับไปพักสักครู่ดีหรือไม่ อีกประเดี๋ยวก็ต้องเข้าประชุมขุนนางแล้ว”
ตอนนี้ฟู่ถิงโจวไหนเลยจะมีอารมณ์นอน เขาโบกมือ “ไม่ต้องแล้วล่ะ สั่งให้คนเฝ้าประตูเตรียมม้า อีกประเดี๋ยวข้าจะออกไปแล้ว”
เมื่อฟู่ถิงโจวมีคำสั่ง คนในเรือนหลักที่ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนก็เคลื่อนไหว เจ้านายไม่นอน บริวารย่อมต้องอดนอนตามไปด้วย สาวใช้คนหนึ่งเดินนำคนในห้องครัวเข้ามา นางยอบกายคำนับฟู่ถิงโจว เอ่ยด้วยท่าทีประจบ “บ่าวคารวะท่านโหวเจ้าค่ะ ท่านโหว ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่าท่านจะไปประชุมขุนนาง ให้ปวดใจยิ่งนัก จึงสั่งให้บ่าวนำอาหารร้อนๆ มามอบให้ท่าน ท่านโหว บาดแผลของท่านร้ายแรงหรือไม่ หรือวันนี้จะขอลาหยุดกับที่ทำการแล้วพักผ่อนสักวันดีกว่า”
ฟู่ถิงโจวจัดชายแขนเสื้อชุดพิธีการให้เรียบร้อย ตอบโดยไม่ได้เหลือบตาขึ้น “รบกวนมารดาเป็นห่วงแล้ว แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น ข้าไม่เป็นไร”