ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย เล่ม 1 บทที่ 7-8
ดวงตาของลู่เหิงกลอกไปมาเล็กน้อย พิจารณาหวังเหยียนชิงอย่างละเอียดกว่าเดิม หวังเหยียนชิงถูกสายตาเช่นนี้มองจนว้าวุ่น ยิ้มพลางถาม “พี่รอง ไฉนท่านจึงมองข้าเช่นนี้ ข้าพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ”
แม้นางจะยิ้ม แต่ไหล่ก็เกร็งโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว ลู่เหิงหัวเราะเบาๆ คว้ามือหญิงสาวมาจับ พบว่าปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบ
ลู่เหิงนวดคลึงปลายนิ้วเรียวยาวของนางอย่างเชื่องช้า “ชิงชิง เจ้าไม่จำเป็นต้องเอาใจข้า อยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ ไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าข้าอยากฟังอะไร”
นางเชี่ยวชาญการอ่าน ‘สีหน้า’ คนโดยกำเนิด แยกแยะอารมณ์จากการสังเกตท่าทีตอบสนองของร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าเพียงเล็กน้อยคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายอยากฟังอะไร นี่เป็นความสามารถในการเอาตัวรอดอย่างหนึ่งจริงๆ ทว่าลู่เหิงไม่อยากให้หวังเหยียนชิงเอาความสามารถเหล่านี้มาใช้กับเขา
เขาอยากมองเห็นหวังเหยียนชิงที่แท้จริงมากกว่า
หวังเหยียนชิงอึ้งไป ถามเลียบเคียง “พวกท่านไม่ได้เป็นเช่นนี้หรือ”
ลู่เหิงกลั้นไม่อยู่ จึงหัวเราะเสียงต่ำ “ย่อมมิใช่แน่นอน หากทุกคนในโลกมีความสามารถเช่นเจ้า ฝ่าบาทคงไม่ทรงต้องกริ้วเจ้าคนโง่งมพวกนั้นทุกวันแล้วล่ะ นี่เป็นของขวัญที่สวรรค์ประทานให้กับเจ้า เจ้าเอามาใช้ป้องกันตนเองได้ แต่กับข้าเจ้าสามารถพูดตรงๆ ไม่จำเป็นต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”
หวังเหยียนชิงตระหนักเป็นครั้งแรกว่านางไม่เหมือนคนอื่น ยังคงอดสังเกตสีหน้าของลู่เหิงไม่ได้ “จริงหรือ”
“จริงสิ” ลู่เหิงนั่งลงอย่างเปิดเผย ปล่อยให้นางสังเกตอย่างเต็มที่ นี่เป็นถ้อยคำที่จริงแท้ของเขา ไม่ต้องกลัวนางจะจับโกหก ลู่เหิงกุมนิ้วมือนาง ยิ้มพูด “เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องที่โตมาด้วยกัน สนิทสนมยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ หากเจ้าไม่ตรงไปตรงมากับข้า ยังจะมีใครเตือนสติข้าได้อีก”
หวังเหยียนชิงวางใจ ร่างกายผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าก็จริงแท้มากขึ้น “ได้”
ลู่เหิงสัมผัสความรู้สึกกลางฝ่ามือที่คล้ายหินหยก มองประเมินนางอย่างเงียบๆ การจับตัวนางได้เป็นเรื่องไม่คาดคิดโดยสิ้นเชิง เดิมทีชายหนุ่มคิดจะใช้นางยื่นเงื่อนไขกับฟู่ถิงโจว แต่พอรู้ว่านางสูญเสียความทรงจำ เขาก็เปลี่ยนใจทันที เขาตั้งใจจะหล่อหลอมนางให้กลายเป็นอาวุธลับที่ใช้รับมือกับฟู่ถิงโจวโดยเฉพาะ ทว่าตอนนี้ลู่เหิงกลับพบว่าหวังเหยียนชิงมีประโยชน์กว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
พรสวรรค์ที่หาได้ยากเยี่ยงนี้ ความสามารถในการแยกแยะอารมณ์อันยอดเยี่ยมเช่นนี้ให้อยู่เรือนหลังประชันขันแข่งกับเหล่าสตรีด้วยกันออกจะน่าเสียดายเกินไป นางควรมีโลกที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่านี้
ลู่เหิงมองหวังเหยียนชิงพลางคลี่ยิ้มคลุมเครือ นั่งเหยียดกายตรงกะทันหัน ดึงมือนางมาด้วยท่าทีจริงจังอยู่บ้าง ถามว่า “ชิงชิง เจ้ายินดีช่วยเหลือพี่รองเรื่องหนึ่งหรือไม่”
“ช่วยเหลือ?” หวังเหยียนชิงเบิกตาโต แปลกใจยิ่งนัก “ข้าน่ะหรือ”
หวังเหยียนชิงแม้ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่นางรู้ว่าลู่เหิงเป็นผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ดูจากท่าทีที่ทุกคนปฏิบัติต่อเขา เขาน่าจะกุมอำนาจในมือมากล้น บุคคลเช่นนี้จะต้องการความช่วยเหลือจากนางได้อย่างไร
เมื่อคิดเช่นนี้หวังเหยียนชิงจึงเอ่ยออกไป “ข้าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง อีกทั้งยังจำผู้คนไม่ได้ ข้าจะช่วยเหลืออะไรพี่รองได้เล่า…”
ลู่เหิงออกแรงบีบมือนาง ขัดจังหวะนางกลางคัน “อย่าดูแคลนตนเองสิ สิ่งที่ชิงชิงสามารถช่วยข้าได้มีไม่น้อยทีเดียว เมื่อไม่กี่วันก่อนมีฎีกาฉบับหนึ่งส่งมา เหลียงเว่ยหัวหน้ากองพันองครักษ์เสื้อแพรในเมืองเป่าติ้งเสียชีวิต ภรรยาเขาเหลียงเหวินซื่อฟ้องว่าบุตรีคนโตลักลอบพบบุรุษในช่วงเวลานี้ ที่ว่าการเมืองเป่าติ้งตัดสินโทษตายให้สตรีผู้นี้ จึงส่งสำนวนคดีมาที่นครหลวงเพื่อพิจารณาตรวจสอบอีกครั้ง”
ท้องถิ่นไม่มีอำนาจตัดสินโทษตาย คดีที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนไม่ว่าคดีอะไรล้วนต้องส่งมานครหลวงพิจารณาซ้ำ เมื่อทางนครหลวงเห็นชอบแล้ว ที่ว่าการท้องถิ่นจึงจะลงทัณฑ์ได้ หากทางนครหลวงเห็นว่ามีปัญหา คดีนั้นจะต้องพิจารณาใหม่ทั้งหมด คดีนี้เกี่ยวพันกับองครักษ์เสื้อแพร ดังนั้นจึงไม่ผ่านหกกรม* หน่วยภายในของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเป็นผู้เขียนรายงานชี้แจง
หวังเหยียนชิงฟังแล้วนิ่วหน้า ตรึกตรองครู่หนึ่งก่อนถาม “เหลียงเหวินซื่อใช่มารดาบังเกิดเกล้าของบุตรีคนโตของเหลียงเว่ยหรือไม่”
ดวงตาของลู่เหิงทอยิ้ม ฉลาดมาก แค่นี้ก็จับจุดได้แล้ว ลู่เหิงไม่ตอบ กลับย้อนถาม “เหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้เล่า”
“เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล” หวังเหยียนชิงตอบ “บิดาล่วงลับ บุตรสาวจะมีแก่ใจคบชู้สู่ชายได้อย่างไร ต่อให้นางกระทำเรื่องเช่นนี้ในช่วงไว้ทุกข์ให้บิดาจริง มารดารู้เข้าก็ควรคิดหาทางปกปิด ไยต้องเป็นฝ่ายรายงานราชสำนักด้วยเล่า มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือเหลียงเหวินซื่อไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของนาง แต่เป็นมารดาเลี้ยง”
ลู่เหิงพยักหน้า ยืนยันการคาดเดาของนาง “มิผิด เหลียงเหวินซื่อเป็นภรรยาที่เหลียงเว่ยแต่งเข้ามาภายหลังจริงๆ แล้วอย่างไรต่อ”
หวังเหยียนชิงจนใจ “ท่านไม่บอกข้อมูลอะไรข้าเลย จะให้ข้าเดาอย่างไร ทว่ามารดาเลี้ยงปองร้ายบุตรของภรรยาคนก่อน ส่วนใหญ่ล้วนทำไปเพื่อผลประโยชน์ นางกล้าให้ร้ายบุตรสาวที่ภรรยาคนก่อนทิ้งไว้อย่างเปิดเผย เกินครึ่งตนเองคงมีที่พึ่ง นางมีทายาทหรือไม่”
“มี” ลู่เหิงผงกศีรษะ ตอบอย่างฉับไว “เหลียงเว่ยมีบุตรชายสองคน บุตรชายคนโตและบุตรสาวคนโตล้วนเกิดจากหลิวซื่อภรรยาคนแรก มีเพียงบุตรชายคนเล็กที่เกิดจากภรรยาคนที่สอง อีกทั้งข้ายังบอกข้อมูลเจ้าได้อีกเล็กน้อย หัวหน้ากองพันองครักษ์เสื้อแพรสามารถสืบทอดตำแหน่งทางสายโลหิต เมื่อเหลียงเว่ยเสียชีวิต ตำแหน่งหัวหน้ากองพันตามหลักสมควรให้บุตรชายเขาเป็นผู้สืบทอด ส่วนเรื่องที่ตำแหน่งจะตกไปอยู่กับบุตรคนใดนั้นย่อมขึ้นอยู่กับคนและอำนาจบารมี”