ไม่ว่าเป็นอี๋เหนียงสามหรืออี๋เหนียงสี่ก็ล้วนมีฐานะเป็นอนุภรรยาของนายท่านสกุลเยี่ย ซ้ำรอบๆ ยังมีบ่าวหญิงและบ่าวรับใช้อื่นๆ ที่ยังไม่สลายตัวไปมองอยู่อีก เยี่ยหย่วนที่นับว่าได้รับความโปรดปรานในสกุลเยี่ยก็ยังอยู่ด้วย อี๋เหนียงสามไม่กล้ารับการคุกเข่ากราบกรานจากอี๋เหนียงสี่โดยไม่สนใจอะไร จึงกระทืบเท้าหลบไปด้านข้างด้วยความเจ็บใจ “คอยดูเถอะว่าวันพรุ่งนายท่านมาถึงจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร!”
“นายท่านจะมา?” ครั้นได้ยินดังนั้นอี๋เหนียงสี่ก็ยังคุกเข่าตะลึงงันอยู่บนพื้น ทั้งหน้าซีดจนเหมือนผี หันตัวไปดึงแขนเสื้อของเยี่ยหย่วน “อาหย่วน จะทำอย่างไรดี”
เห็นดังนี้ เยี่ยเหมยก็คิดในใจว่า ตัวนางเป็นผู้ใหญ่ไม่คิดหาทางแก้ปัญหา แต่กลับมาถามเด็กแทน ยังมีอะไรพึ่งพาไม่ได้มากกว่านี้อีกหรือไม่
ทว่าด้วยเพราะท้องปวดตุบเป็นระลอกและตัวเย็นวาบขึ้นมาอีกครั้ง เยี่ยเหมยจำต้องเอ่ยเตือนสองแม่ลูกที่ยังขวางทางอยู่ข้างหน้า “ถ้าวันนี้ข้ายังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำร่างกายให้อุ่นอีก จะสามารถเห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งได้หรือไม่ก็ยากจะบอกได้แล้ว” ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นฤดูอะไร แค่ลมพัดมาหอบหนึ่งถึงกับทำให้เธอตัวสั่นไม่หยุด
ครั้นพูดจบก็เห็นเยี่ยหย่วนกับอี๋เหนียงสี่ต่างแสดงแววตาประหลาดใจออกมา ดวงตากลมโตที่คล้ายคลึงกันมองเธอเขม็ง
เยี่ยเหมยสูดหายใจลึกคำรบหนึ่ง ก่อนฝืนแสดงสีหน้าท่าทางเศร้าสร้อยออกมา “เดินผ่านประตูผีมารอบหนึ่ง ขอเพียงยังสามารถเห็นท่านกับอาหย่วนได้ ข้าก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” ยังไม่แน่ใจว่าควรต้องเรียกอี๋เหนียงสี่ว่าอะไร เยี่ยเหมยจึงได้แต่ใช้คำเรียกเลี่ยงๆ ไป
ดีที่อี๋เหนียงสี่กำลังเสียใจเลยไม่ได้สังเกตเห็น นางลุกขึ้นมาประคองเยี่ยเหมยเดินเข้าข้างในด้วยตนเองพลางพูดเจือสะอื้น “อี๋เหนียงเองก็คิดเช่นนี้ ขอเพียงอาเหมยยังมีชีวิต อี๋เหนียงก็ยังคงมีพร้อมทั้งบุตรชายบุตรสาว”
“ถ้าไม่ใช่…ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าอี๋เหนียงสี่จะเสียใจ ขะ ข้าก็คร้านจะสนใจท่าน” เยี่ยหย่วนกลับแสดงสีหน้าท่าทางเดียดฉันท์ออกมา น่าเสียดายที่เขายังเบ้าตาแดงอยู่ แววห่วงกังวลในดวงตาก็ยังไม่ทันเก็บลง พอได้ยินเช่นนี้ คิ้วเข้มก็บิดเหมือนหนอนผีเสื้อ ดูน่าขันเป็นที่สุด
เยี่ยเหมยไม่ได้เปิดโปงเขา ก้มหน้าเดินตามอี๋เหนียงสี่เข้าประตู ด้านในประตูมีสาวใช้อายุราวยี่สิบยืนตาแดงมองอี๋เหนียงสี่สามแม่ลูกอยู่ “อี๋เหนียงสี่ คุณหนูเหมย…คุณหนูเหมย นาง…”
“จะแข็งตายแล้ว ยังไม่รีบไปยกน้ำขิงมาให้ข้าอีก!” เยี่ยหย่วนชิงก้าวไปนั่งลงริมโต๊ะกลมตัวหนึ่งภายในห้อง ทางหนึ่งก็ตบโต๊ะสั่ง
สาวใช้อายุราวยี่สิบนางนั้นมองเยี่ยเหมยที่ใบหน้าเล็กซีดขาว ทั้งตัวเปียกโชก ก่อนมองไปยังเยี่ยหย่วนที่นั่งอยู่ริมโต๊ะ เปียกเพียงชายชุด อีกทั้งยังมีเหงื่อออกอีก ฝีเท้านางก็ละล้าละลังอยู่บ้าง
“ข้างนอกไม่มีใครได้ยินหรือไร!” เยี่ยหย่วนตะโกนไปทางด้านนอกอีกครั้ง แต่สายตากลับมองตรงไปที่สาวใช้อายุราวยี่สิบนางนั้น โบกมือพลางพูดกับนางว่า “ช่วยประคองอี๋เหนียงสักหน่อย ระวังอย่าหกล้มเล่า”
ในห้องแบ่งเป็นส่วนในและนอกสองส่วน ส่วนนอกสามารถรับรองแขกได้ ส่วนในใช้สำหรับพักผ่อน กล่าวตามตรง เห็นเตียงเตาขนาดใหญ่ยักษ์ที่ส่วนในแล้วเยี่ยเหมยก็ตะลึงไปเล็กน้อย แต่ทันทีหลังจากนั้นก็ถูกอี๋เหนียงสี่กับกุ้ยฮวาช่วยกันถอดเสื้อผ้าหลายชั้นบนตัวออกแล้วรุนตัวไปนอนลงบนเตียงนั้น ครั้นดื่มน้ำขิงที่บ่าวหญิงข้างนอกห้องนำมาให้เยี่ยหย่วนเสร็จ ผมก็ถูกเช็ดจนแห้งแล้วเช่นกัน
พอกินอิ่มใส่อุ่นก็ทำให้เยี่ยเหมยที่เดิมทียังคิดจะสืบข่าวดูสักหน่อยเคลิ้มหลับไป ก่อนจะหลับ เธอยังหวังอย่างมากว่าพอตื่นขึ้นมาต่อให้ไม่สามารถกลับไปยุคปัจจุบันได้ อย่างน้อยก็มอบความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมให้เธอด้วยเถิด
โปรดติดตามตอนต่อไป…