เยี่ยเหมยเห็นชุนหลันมีการตอบสนองเช่นนี้ก็รู้ว่านางพูดตรงกับอาการบางอย่างของคุณชายน้อยเข้าแล้ว ถ้าเป็นชาติก่อนของนาง ขาดแคลเซียมถึงขั้นร้ายแรงยังสามารถใช้วิทยาการขั้นสูงช่วยเร่งบำรุงแคลเซียมให้ดีขึ้นได้ แต่ในยุคสมัยนี้ไม่มียาตะวันตกและการให้ยาทางเส้นเลือด จึงเหลือแค่การใช้อาหารช่วยเยียวยารักษาแล้ว เพียงแต่นางแปลกใจยิ่งว่าเหตุใดคฤหาสน์สกุลจั่นที่มั่งคั่งร่ำรวยปานนี้ถึงมีเด็กขาดแคลเซียมอย่างรุนแรงถึงสองคน
“แม่นางเยี่ย ถ้าท่านรักษาคุณชายน้อยกับคุณหนูเล็กให้หายดีได้ ไม่เพียงบ่าวจะซาบซึ้งในบุญคุณของท่านเป็นอย่างยิ่ง ท่านใหญ่กับฮูหยินของพวกข้าก็จะตอบแทนท่านอย่างงามแน่นอน” ชุนหลันเห็นเยี่ยเหมยลังเลก็คิดว่านางกำลังลำบากใจ จึงรีบเปลี่ยนคำเรียกขานทั้งยังเอ่ยขอร้องด้วยเสียงที่อ่อนลง ถึงขนาดรับปากจะตบรางวัลอย่างหนักอย่างไม่เสียดาย
เรื่องซาบซึ้งบุญคุณอะไรนั้นเยี่ยเหมยไม่สนใจนัก กลับเป็นคำว่า ‘จะตอบแทนท่านอย่างงาม’ ที่ตรงใจนางอย่างยิ่ง บัดนี้นางตั้งท้องลูกอยู่ ต่อให้อยากทำให้ครอบครัวร่ำรวยขึ้นก็ต้องรอแตงสุกหล่นจากขั้วแล้ว หากแต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าการตั้งครรภ์ให้กำเนิดบุตรเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเงินทองอย่างที่สุด นางไม่อยากให้ตนเองกับลูกต้องลำบากก็จะต้องหาเงินก้อนใหญ่ไว้เผื่อใช้ให้ได้ การรักษาคุณชายน้อยและคุณหนูเล็กของคฤหาสน์สกุลจั่นให้หายจึงเป็นทางลัดที่เร็วที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“แม่นางเยี่ย!” ชุนหลันไม่ได้คำตอบจากเยี่ยเหมยเสียที จึงอดจะออกแรงบีบมือแน่นขึ้นไม่ได้
“เรื่องนี้…จำต้องเห็นอาการของคนป่วยก่อนถึงจะบอกได้” เยี่ยเหมยเองเอ่ยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ไป แต่หลังจากนั้นก็ถามอีกคำถามด้วยความสงสัย “ไม่ทราบว่าในคฤหาสน์มีคุณหนูคุณชายอยู่กี่ท่าน”
ตอนที่ ‘นายน้อย’ เมื่อวันนั้นสั่งสินค้าก็บอกอยู่ชัดๆ ว่าเป็นคฤหาสน์สกุลจั่น บัดนี้ยังได้เห็นสาวใช้ของสะใภ้ใหญ่จั่นอีก อันที่จริงในใจเยี่ยเหมยก็มีคำตอบอยู่แล้ว ทว่าไม่รู้เหตุใดนางถึงหงุดหงิดในใจอยู่บ้าง เจ้าว่าพวกเจ้าสองคนใช้โรงรับจำนำเป็นที่เล่นซ่อนหากันนั้นดีจริงๆ หรือ หรือว่าโรงรับจำนำจะเป็นกิจการที่ ‘นายน้อย’ ซื้อลับหลังภรรยา ดังนั้นถึงได้หลบซ่อน
“ในคฤหาสน์มีเพียงสะใภ้ใหญ่ของพวกข้าที่มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละหนึ่ง เหตุใดแม่นางเยี่ยจึงถามเช่นนี้” ชุนหลันงันไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบคำถามตามตรง
เยี่ยเหมยแจ้งใจแล้ว ทว่าในเมื่อ ‘นายน้อย’ ท่านนั้นหลบนายหญิง นางก็ไม่สะดวกใจจะเปิดโปงผู้อื่น ชี้คานหาบที่เกาต้าเหอหาบอยู่พลางว่า “ที่บ้านข้ากำลังทำของเล่นเด็กอยู่ สองวันก่อนมีคุณชายท่านหนึ่งมาสั่งให้พี่ชายรีบทำรถมาสองคัน และได้ทิ้งเงินมัดจำกับที่อยู่เอาไว้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าวันนี้ขณะนำมาส่ง พี่ชายที่เฝ้าประตูกลับบอกว่าไม่ใช่ของของที่นี่ ข้าก็เลยถามดูด้วยอยากทำความเข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่”
ชุนหลันตอบรับในลำคอเสียงหนึ่งก่อนหันกลับไปถามบ่าวเฝ้าประตูหนุ่มคนนั้นสองสามประโยค บ่าวเฝ้าประตูหนุ่มเห็นเยี่ยเหมยคุยกับชุนหลันอยู่เป็นนาน ซ้ำชุนหลันยังมีท่าทางเอาใจอีกฝ่าย เขาก็หวั่นใจอยู่นานแล้ว จึงบอกเล่าคำพูดของเยี่ยเหมยก่อนหน้านี้ออกมาหมดเปลือก
หลังจากชุนหลันทำท่าเหมือนครุ่นคิดเสร็จก็ตำหนิเขาไปหลายประโยคก่อนเดินกลับมาหาเยี่ยเหมย ใบหน้ามีแววไม่ค่อยแน่ใจ “ท่านที่แม่นางเยี่ยพูดไม่เหมือนกับท่านใหญ่ของพวกข้า กลับเหมือนท่านรองที่เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วัน แต่ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อวันนี้แม่นางเยี่ยมาแล้วก็ตามข้าไปพบสะใภ้ใหญ่สักหน่อยเถิด ของที่แม่นางเยี่ยนำมาส่ง ไม่ว่าเป็นของที่ท่านรองสั่งหรือไม่ก็นำไปให้สะใภ้ใหญ่ดูด้วยกัน”
ถ้าจะพบสะใภ้ใหญ่ก็ต้องเข้าไปที่เรือนด้านหลังของคฤหาสน์สกุลจั่น อย่าว่าแต่ชาวนาอย่างเกาต้าเหอเลย แม้แต่บ่าวชายอารักขาที่เรือนด้านหน้าก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆ ชุนหลันบอกกฎระเบียบนี้ให้เยี่ยเหมยฟังอย่างอ้อมค้อม ซึ่งก็สบกับใจของเยี่ยเหมยพอดี ตอนนี้อะไรยังไม่แน่ไม่นอน นางเองก็ไม่อยากให้มีคนรู้เรื่องเพิ่มขึ้น
เยี่ยเหมยใคร่ครวญเพียงประเดี๋ยวเดียวก็นัดแนะกับเกาต้าเหอว่าหลังตนเองทำธุระที่คฤหาสน์สกุลจั่นเสร็จ จะไปเดินในตัวเมืองอีกหน่อย ให้เกาต้าเหอไปรอที่บ้านว่าที่ลูกเขย ถ้ายามเซินยังไม่เห็นนางกลับไปค่อยมาถามบ่าวเฝ้าประตูคฤหาสน์สกุลจั่นดู
บ่าวเฝ้าประตูหนุ่มคนนั้นใจคอไม่ดี ได้ยินคำสั่งของชุนหลันไหนเลยจะกล้าดูดาย หลังจากกล่าวประจบเกาต้าเหอไปสองสามประโยคก็ยื่นมือไปรับของบนบ่าเขามา
โปรดติดตามตอนต่อไป…