ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน สามีสกุลดี สตรีมากวาสนา บทที่ 14
เยี่ยเหมยยังไม่ทันตอบ ลู่อันหร่านที่สานจิ้งหรีดอยู่พลันกะพริบๆ ตาพลางกล่าว “พี่เยี่ยหย่วนไม่มีใครส่งเสียเขาเรียนเสียหน่อย ค่าอาหารทุกเดือนล้วนเป็นท่านพ่อข้าจ่าย” พูดจบถึงได้เห็นสายตาพิฆาตจากลู่เฉิน เขางับปากลง ซุกตัวเข้าอ้อมแขนเยี่ยเหมย “ก็จริงนี่นา ปีก่อนพี่เยี่ยหย่วนจ่ายค่าเล่าเรียนเพียงครั้งเดียว หลังเขาสอบได้ถงเซิงก็ไม่คิดจะเรียนต่อ ต่อมาเป็นท่านพ่อให้เงินเขาถึงเรียนต่อได้”
“เสี่ยวอัน มาหาป้านี่ อย่าไปเบียดน้องชายน้อยในท้องท่านน้าเจ้า” ภรรยาต้าเหออ้าปากน้อยๆ ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว หากแต่ยังมีสติอยู่จึงรีบจับลู่อันหร่านที่ทำกิริยาไม่เรียบร้อยมาขังไว้ในอ้อมแขนของตนอีกครั้ง
เยี่ยเหมยถูกคำพูดเปิดโปงเบื้องหลังของลู่อันหร่านทำเอาตกใจอึ้งไป มิน่าเยี่ยหย่วนถึงได้ตามนางออกมาได้ง่ายๆ เพียงนี้
ไม่รู้ว่าสกุลเยี่ยนี่อย่างไรกันแน่ ถึงกับทำเรื่องไม่จ่ายค่าเล่าเรียนให้เยี่ยหย่วนออกมาได้ ทว่าเยี่ยเหมยเองก็นึกไปถึงสภาพซับซ้อนในครอบครัวสกุลเยี่ย ความโดดเด่นของเยี่ยหย่วนจะต้องไปกระทบผลประโยชน์ของคนไม่น้อยแน่นอน ได้ยินว่าเยี่ยเซิ่งเป็นคนขี้เหนียวที่ไม่สนใจเรื่องหลังบ้าน คนหลังบ้านจะทำอะไรลับหลังเขาก็ง่ายดายเหลือเกิน นับประสาอะไรกับก่อนหน้าเยี่ยหย่วนยังมีพี่ชายคนละแม่ที่โตแล้วอยู่ถึงสามคน
เรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยมากเกินไป เยี่ยเหมยจึงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรไปชั่วขณะเช่นกัน หากแต่นางรู้ว่าถ้าไม่มีท่านลู่ที่อยู่ตรงหน้านี้เมตตาช่วยเหลือ เยี่ยหย่วนก็ไม่แน่ว่าจะทนมาได้ถึงก่อนปีใหม่
เยี่ยเหมยมองลู่เฉินด้วยความซาบซึ้งใจ “ท่านลู่ ข้าเป็นพี่สาวของเยี่ยหย่วน อาหย่วนไม่เคยบอกเรื่องที่สำนักศึกษากับที่บ้านเลย พวกข้าเองก็ไม่รู้เรื่องเหล่านี้ หากแต่ตอนนี้อาหย่วนกับข้าแยกออกมาอยู่ตามลำพังแล้ว ค่าเล่าเรียนของภาคการเรียนนี้ข้าจะจ่ายและให้เขากลับไปเรียนอีกครั้งแน่นอน นอกจากนี้เงินที่ท่านเคยจ่ายแทนเขา ข้าก็จะหาทางคืนให้ท่านเช่นกัน”
ไม่ว่าอย่างไรผู้เป็นอาจารย์ทำได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าหาได้ยากโดยแท้ อีกทั้งในเมื่อเยี่ยหย่วนมีพรสวรรค์ เยี่ยเหมยก็จะสนับสนุนเต็มที่
นึกถึงน้องชายที่ปากแข็งใจอ่อนของนางขึ้นมา เยี่ยเหมยก็แจ้งใจอยู่บ้างแล้วว่าเหตุใดเขาถึงไม่แก้ตัวอธิบายอะไรเลย คิดว่าเพราะได้เรียนกับอาจารย์อย่างลู่เฉินทำให้เขาพลอยเรียนรู้ที่จะปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยหลักการสุภาพชนไปด้วย แต่กลับไม่รู้ว่าเรื่องราวบนโลกหาใช่ใช้หลักการสุภาพชนมาจัดการได้ทุกอย่างไม่
ลู่เฉินนิ่งงันไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบโบกมือพร้อมกับกล่าว “ข้ามิได้มาเพื่อค่าเล่าเรียน เพียงแต่ไม่อยากให้เขาเสียเวลาการเรียนเท่านั้น”
“ข้าเข้าใจๆ” เยี่ยเหมยเข้าใจความคิดความอ่านของลู่เฉินจริงๆ จึงเกิดความเคารพนับถือต่อเขา
นางไม่คิดจะกลับไปสถานที่วุ่นวายอย่างสกุลเยี่ยแล้ว คาดว่าเยี่ยหย่วนก็น่าจะคิดเหมือนกับนาง หวังว่าพวกตนสองพี่น้องจะลงหลักปักฐานได้โดยเร็วที่สุด แล้วจะได้รับมารดาที่อ่อนแอเหมือนปั้นจากน้ำท่านนั้นออกมาอยู่ด้วยกัน
ในเมื่อมีเรื่องต้องคิดจึงรู้สึกว่าเรือแล่นไวราวกับบิน จนกระทั่งภรรยาต้าเหอบอกว่าถึงแล้ว เยี่ยเหมยถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองถึงกับนั่งเหม่อมาตลอดทาง
ด้านเยี่ยหย่วนกะเวลามารออยู่ที่ท่าเรือ ขณะมองเห็นสองพ่อลูกลุกขึ้นยืนบนเรือก็อดจะตกใจอึ้งไปไม่ได้ จนกระทั่งลู่อันหร่านโผมาหยุดเบื้องหน้าเขา กอดเอวเขาไว้ เขาถึงได้ส่งเสียงงึมงำออกมา “อาจารย์ลู่ เสี่ยวอัน”
“อาหย่วน เวลาไม่เช้าแล้ว เชิญอาจารย์ไปที่บ้าน กินข้าวแล้วคุยไปด้วยจะดีกว่า” เยี่ยเหมยหยิบห่อผ้ามา ก่อนยัดแท่งเงินแท่งหนึ่งให้ภรรยาต้าเหอ “อาสะใภ้ต้าเหอ เกรงว่าจะต้องรบกวนท่านไปซื้อไข่ไก่กับผักกลับมาอีกแล้ว” ยังดีที่วันนี้มีรายรับก้อนใหญ่ ขณะอยู่ที่เมืองเซิ่งโจวเยี่ยเหมยก็ซื้อเนื้อซื้อผักมาไม่น้อย มิเช่นนั้นอยู่ในหมู่บ้านกันดารห่างไกลนี้ นางก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรให้การรับรองแขกอย่างไร
“ข้าจะเอาของเจ้าได้อย่างไร ข้ายังทุกข์อยู่เลยว่าไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเจ้าดีๆ” ภรรยาต้าเหอเบี่ยงตัวหลบมือที่ยื่นมาของเยี่ยเหมย ก่อนจะเดินลิ่วๆ ไปร้านขายของในหมู่บ้าน
เยี่ยเหมยอยากจะรับรองสองพ่อลูกให้ดี จึงลงครัวทำอาหารที่มีครบทั้งสีกลิ่นรสมาหลายอย่าง รวมถึงอาหารว่างสำหรับเด็กอีกสองสามอย่างด้วย
เกาต้าเหอกับเยี่ยหย่วนนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนลู่เฉินอยู่ในห้องใหญ่ที่ดีที่สุดของบ้านสกุลเกา เดิมทีลู่อันหร่านก็อยู่ด้วย แต่ต้านทานเสียงหัวเราะพูดคุยครื้นเครงของเยี่ยเหมยกับดอกไม้ทั้งห้าแห่งสกุลเกาที่ในห้องครัวไม่ไหว จึงมาเบียดเสียดแย่งอาหารกับบรรดาสตรีในห้องครัวด้วย
หลังกินเสร็จก็ได้เวลาเข้านอน บ้านสกุลเกาย่อมไม่มีที่ให้สองพ่อลูกพัก เกาต้าเหอจึงพาลู่เฉินไปบ้านท่านสามเกาผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ส่วนว่าเหตุใดลู่อันหร่านไม่ได้ไปด้วยก็เพราะเขาเล่นหนีเข้าไปหลบในห้องเยี่ยเหมย เนื่องจากติดที่เรื่องชายหญิงมีความแตกต่างกัน ลู่เฉินไม่อาจไล่ตามเข้าไป ทำได้เพียงคาดโทษบุตรชายในใจ หลังขอโทษขอโพยแล้วถึงได้ไปบ้านท่านสามเกา
ลู่อันหร่านไม่เพียงฉลาดมากไหวพริบ แต่ยังมองสีหน้าคนเก่งด้วย พอเยี่ยเหมยกลับมาเขาก็แสดงท่าทางน่าสงสารเป็นหนักหนาออกมา ทำเอาเยี่ยเหมยที่ชอบเด็กเป็นทุนเดิมใจอ่อนยวบจนเผลอตอบตกลงให้ลู่อันหร่านนอนข้างนางได้ ซ้ำยังเล่านิทานก่อนนอนไปหลายเรื่อง
เดิมนึกว่าลู่อันหร่านจะค้างด้วยเพียงคืนเดียว คิดไม่ถึงว่านิทานหลายเรื่องนี้จะนำเรื่องยุ่งยากมาให้นาง
วันรุ่งขึ้นลู่เฉินจะพาลู่อันหร่านไปเยี่ยมสหายสองคนที่ตำบลหยางหลิ่ว เขากลับยืนกรานจะไม่ไปด้วย ซ้ำยังมีเหตุผลเต็มที่ บอกว่าเยี่ยหย่วนก็ต้องกลับสำนักศึกษา เขาจะไปกับเยี่ยหย่วนแต่ไม่อยากตามลู่เฉินไปเยี่ยมสหายเก่า
ดีที่เยี่ยเหมยกำลังคิดจะพาภรรยาต้าเหอกับซื่อฮวาไปเมืองเซิ่งโจวตามข้อตกลงกับสะใภ้ใหญ่จั่น คิดดูเห็นว่าลู่เฉินพาลู่อันหร่านไปตระเวนตามตรอกซอกซอยก็ไม่ค่อยสะดวกนัก จึงเป็นฝ่ายเสนอว่านางจะพาลู่อันหร่านไปเมืองเซิ่งโจวก่อน แล้วพอถึงเวลาจะให้เยี่ยหย่วนพาเขาไปส่งที่สำนักศึกษาปั้นซาน
เดิมทีเป็นเพราะไม่มีใครช่วยเขาดูลู่อันหร่าน ลู่เฉินถึงได้ต้องกระเตงบุตรชายไปด้วยทุกที่ บัดนี้มีเยี่ยเหมยกับภรรยาต้าเหอช่วยดูถึงสองคน ทั้งยังมีเยี่ยหย่วนที่ลู่อันหร่านคุ้นเคยอยู่ด้วย ลู่เฉินย่อมจะไม่ห่วงความปลอดภัยของบุตรชาย ข้อเสนอของเยี่ยเหมยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา
ยิ่งกว่านั้นลู่เฉินก็เพียงแค่สุภาพ แต่มิได้เป็นคนลังเลไม่เด็ดขาด หลังตัดสินใจแล้วก็กำชับกำชาลู่อันหร่านหลายประโยค ก่อนจะเดินไปตำบลหยางหลิ่วตามทิศทางที่คนในหมู่บ้านบอก
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 28 พ.ค. 62