“ไม่ได้ คุณหนูเล็กกะโหลกศีรษะอ่อน เดี๋ยวชนนั่นชนนี่จะทำอย่างไร” เฝิงหมัวมัวหยุดไปได้ครู่เดียวก็กระโดดออกมาใหม่
เมื่อครู่นางโวยวายเรื่องอาหารบนโต๊ะ ตอนบอกว่ายังดีไม่เท่าที่บ่าวไพร่สกุลจั่นกิน เยี่ยเหมยก็พยายามอดกลั้นแล้ว แต่คราวนี้เยี่ยเหมยต้องวางตะเกียบ “เฝิงหมัวมัว ท่านจะกลับไปแล้วเปลี่ยนคนที่ไม่พูดมากมา หรือท่านจะอยู่เงียบๆ โปรดเลือก”
“เจ้า…เจ้าเป็นแค่หญิงบ้านนอก อย่านึกว่าสามารถรักษาคุณชายน้อยกับคุณหนูเล็กได้ก็จะได้ใจไป” เฝิงหมัวมัวโมโหจนหน้าแดงก่ำ
ควรต้องรู้ว่านางนับว่าเป็นคนที่มีปากมีเสียงต่อหน้าสะใภ้ใหญ่จั่น บ่าวหญิงในสกุลจั่นมีใครไม่ต้องมองสีหน้านางบ้าง แม้แต่เรือนด้านหลังของจวนเจ้าเมืองอวี๋เจ้านายคนก่อน นางก็ยังเดินกร่างได้ ใครจะรู้ว่ามาถึงเรือนเล็กนี้จะถึงกับถูกเยี่ยเหมยต่อว่าต่อขานครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้แม้แต่คำขู่ก็ยังตามออกมา แล้วนางจะยังเหลือศักดิ์ศรีหน้าตาอะไรต่อหน้าคนที่พามาด้วย
“ถูกต้อง ท่านพูดถูกต้อง ข้าเป็นแค่หญิงบ้านนอกที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่ดันรักษาโรคของเด็กเป็น ข้ายโสโอหัง ข้าถือดีด้วยเรื่องนี้ ถ้าท่านขัดตาก็กลับไปบอกเจ้านายท่านให้เปลี่ยนข้าเป็นคนอื่นเสียสิ” เยี่ยเหมยหักใจไม่ยอมปล่อยเฝิงหมัวมัวให้ทำตามต้องการอีก ถ้านางอยู่ด้วย เกิดขณะเด็กเล่นชนกระแทกอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่านางจะโวยวายขนาดไหน
“เจ้าๆๆๆ…” เยี่ยเหมยไม่รู้ว่าสะใภ้ใหญ่จั่นต้องทุ่มแรงกายแรงใจไปมากเท่าไรเพื่อรักษาลูก และตอนนี้อยากรักษาพวกเขาให้หายดีมากเพียงไร แต่เฝิงหมัวมัวรู้ดีทุกอย่าง ทว่านางมีฐานะเป็นแม่นมที่มาจากจวนเจ้าเมือง ทั้งยังขัดตาที่เห็นเยี่ยเหมยเลี้ยงคุณชายน้อยและคุณหนูเล็กเหมือนเด็กชนบทจริงๆ เมื่อพิจารณาชั่งน้ำหนักดูแล้ว เฝิงหมัวมัวก็หันหลังเดินออกจากเรือน “ข้าจะทำให้หญิงบ้านนอกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอย่างเจ้าต้องเสียใจภายหลังแน่นอน!”
“เฝิงหมัวมัวเดินดีๆ ข้าไม่ส่งล่ะ” เยี่ยเหมยแค่นเสียงเบาๆ ก่อนหันหน้ามาตบแก้มป่องของเยี่ยเอ๋อร์เบาๆ “เยี่ยเอ๋อร์ อยากไปเด็ดดอกไม้ตรงนั้นเองหรือไม่”
นางไม่เก็บเรื่องที่เฝิงหมัวมัวเดินออกไปมาใส่ใจแม้แต่น้อย กลับเป็นชุนหลันที่ได้สัมผัสคลุกคลีกับเยี่ยเหมยมาหลายครั้ง รู้สึกว่าเยี่ยเหมยแตกต่างจากหญิงชนบททั่วไป จึงคิดจะเตือนนางสักหน่อย “แม่นางเยี่ย เฝิงหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ในจวนใต้เท้าเจ้าเมือง ลูกชายนางตอนนี้ยังเป็นพ่อบ้านรองของจวนเจ้าเมืองด้วย”
“ไม่เป็นไร ต่อให้ใต้เท้าเจ้าเมืองมา ข้าก็จะถามเขาว่ายังอยากเห็นหลานแข็งแรงอยู่หรือไม่” ภพก่อนเยี่ยเหมยมิใช่ไม่เคยเจอผู้ใหญ่ที่รักและตามใจเด็ก แต่แค่บอกเหตุผลกันให้เข้าใจ คนที่ฉลาดเฉียบแหลมสายตากว้างไกลย่อมแยกแยะผลดีผลเสียได้ชัดเจน มีก็แต่คนโง่เหมือนเฝิงหมัวมัวที่มองดีเลวไม่ออก ถ้าสะใภ้ใหญ่จั่นเป็นคนประเภทนั้น เช่นนั้นก็หมดหนทางแล้ว
สะใภ้ใหญ่จั่นย่อมจะไม่โง่เขลาเหมือนอย่างเฝิงหมัวมัว ในเมื่อตัดสินใจมอบเด็กไว้ในมือเยี่ยเหมยหนึ่งเดือนก็แสดงว่าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นางไม่กล้าคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงได้มากมาย สามารถเปลี่ยนแปลงได้เท่าเกาซื่อฮวา นางก็พอใจแล้ว
ส่วนเรื่องว่าเฝิงหมัวมัวเป็นคนเช่นไรนั้น สะใภ้ใหญ่จั่นย่อมรู้ดียิ่ง หลังจากปลอบอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำไพเราะน่าฟังแล้ว สะใภ้ใหญ่จั่นก็ไม่ส่งคนไปคุมเรือนเล็กอีก เพียงแต่ให้ชุนเถานำปิ่นเงินประณีตงดงามอันหนึ่งไปให้เยี่ยเหมย
เยี่ยเหมยรับปิ่นมาอย่างเปิดเผยท่ามกลางแววตาลังเลของชุนเถาก่อนเอ่ยขอบคุณ ทำเอาชุนเถากลับไปร่วมแนวรบกับเฝิงหมัวมัวด้วยความโมโห ถ้าอีกครึ่งเดือนคุณชายน้อยกับคุณหนูเล็กยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร พวกนางสองคนก็จะจัดการเยี่ยเหมยให้น่าดูชม
มิใช่ว่าเยี่ยเหมยมองความคิดอยากขอรางวัลของชุนเถาไม่เข้าใจ เพียงแต่เยี่ยเหมยให้เกียรติคนที่ไม่ให้เกียรติตนเองพรรค์นั้นไม่ลง ถ้าชุนเถามีนิสัยได้ครึ่งของชุนหลัน เยี่ยเหมยก็คงไม่งกเงินรางวัลเพียงเศษตำลึง น่าเสียดายที่หางคิ้วหางตานางส่อแววรังเกียจเดียดฉันท์ แล้วจะให้เยี่ยเหมยยินดีให้รางวัลอีกฝ่ายได้อย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไป…