อันที่จริงเยี่ยเหมยเดาผิดโดยสิ้นเชิง สาเหตุที่ลู่เฉินใส่ใจเพียงนี้เป็นเพราะตัวนาง ที่ลู่เฉินมีท่าทางอบอุ่นอ่อนโยน สุขุมลุ่มลึกอยู่ตลอดเป็นเพราะเขาเคยผ่านเรื่องดีเรื่องร้ายในชีวิตมากเหลือเกิน บัดนี้เพียงปรารถนาแต่จะสั่งสอนลูกศิษย์ และปรารถนาให้บุตรชายเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัยเป็นสุข
เยี่ยเหมยรู้สึกว่าตนเองหน้าตาธรรมดา ภูมิหลังก็ไม่ได้มีหน้ามีตา หารู้ไม่ว่าตนเองหน้าตาดีอย่างที่สุด กิริยาวาจามั่นอกมั่นใจ มีความคิดเป็นของตนเองต่างจากหญิงชนบท ทั้งยังไม่ได้เอาแต่ใจหรือเสแสร้งแกล้งทำเหมือนอย่างคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ลู่เฉินเห็นมาจนชิน ตลอดทั้งร่างนางเปล่งประกายความมั่นใจและความกระฉับกระเฉงเป็นธรรมชาติ ทำให้คนอยากใกล้ชิดนาง เข้าใจนางจากใจจริง
สุดท้ายลู่เฉินก็ต้านทานสายตาที่รอคอยอย่างเปิดเผยของเยี่ยเหมยไม่ได้ จึงหยิบเต้าหู้แห้งในกล่องมาสองชิ้นก่อนส่งเข้าปากเคี้ยวช้าๆ นางเป็นสตรีคนแรกที่เสี่ยวอันชอบในหลายปีมานี้ ชอบจนพูดถึงนางได้ทุกที่ทุกเวลา ถ้าสามารถมีสตรีที่งามสดใสมั่นใจในตนเองเช่นนี้อยู่เป็นเพื่อนเขาจนโตได้ แม่ของเขาในปรภพคงจะดีใจมากแน่นอนกระมัง
บ้านสกุลเกาถูกไฟไหม้มิผิด แต่ไม่ได้วายวอดทั้งหลังเหมือนอย่างที่ภรรยาต้าเหอกับเยี่ยเหมยคิด หลังเกาต้าเหอกับเกาเสี่ยวเหอแยกบ้านกัน ตรงกลางบ้านก็ใช้กำแพงกั้นอาณาเขต ฝั่งที่เป็นของเกาต้าเหอไหม้จนแทบไม่เหลือ กระท่อมสองห้องสร้างใหม่กับห้องที่เยี่ยเหมยและเกาจินฮวาพี่น้องนอนถูกไหม้หนักที่สุด แทบจะเหลือเพียงเถ้าถ่านสีดำ มีเพียงห้องใหญ่ของบ้านสกุลเกาที่เป็นห้องของเกาต้าเหอสามีภรรยาที่สภาพค่อนข้างดีหน่อย แต่หญ้ามุงหลังคาและเครื่องเรือนข้างในก็ถูกไฟเผาเช่นกัน ผนังทั้งสี่ด้านก็เต็มไปด้วยรอยเขม่าดำ
“ท่านกลับมาทำไม” หลังเยี่ยหย่วนเห็นเยี่ยเหมยก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว แม้น้ำเสียงจะแย่ แต่กลับเขี่ยข้าวของที่กีดขวางทางหลบไว้ข้างๆ ทันที
“เกิดอะไรขึ้น” เยี่ยเหมยเห็นภรรยาเสี่ยวเหอกำลังนั่งอาละวาดโวยวายอยู่ที่พื้นไกลออกไป เกาเสี่ยวเหอก็กำลังยื้อยุดฉุดดึงอยู่กับพี่ชาย
“เรื่องมันแปลกยิ่ง” เยี่ยหย่วนทักทายลู่เฉินแล้วก็เล่าเรื่องที่ตนรู้ออกมา
เช้าเมื่อวานเกาต้าเหอขับวัวเทียมเกวียนพาบุตรสาวทั้งสี่ไปกินเลี้ยงที่บ้านแม่ยาย ตกบ่ายบิดามารดาของเกาต้าเหอก็พาบรรดาบุตรชายของเกาเสี่ยวเหอไปบ้านแม่ยายเช่นกัน ในบ้านจึงเหลือเพียงเกาเสี่ยวเหอสามีภรรยาสองคน
ผลคือเช้าวันนี้คนในหมู่บ้านพบเห็นบ้านสกุลเกาถูกไฟไหม้จนแทบไม่เหลือสภาพ ท่านสามเกาจึงให้คนแยกไปแจ้งเกาต้าเหอสามีภรรยา คนที่ส่งไปเมืองเซิ่งโจวคือเกาเสียง เนื่องจากหาไม่พบว่าภรรยาต้าเหออยู่ที่ใด แต่นึกขึ้นได้ว่าเยี่ยหย่วนที่พักอยู่บ้านสกุลเกาเหมือนกันเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาปั้นซาน เขาถึงเกิดความคิดไปหาคนที่นั่น
ยามนี้กำลังอยู่ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศในชนบทมีความชื้นอยู่บ้างแล้ว ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ เป็นเรื่องเหลือเชื่อโดยแท้ที่บ้านจะถูกไฟไหม้จนวอดขนาดนี้ได้ ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าคือห้องนอนของเกาต้าเหอสามีภรรยาดูเหมือนจะเป็นเส้นแบ่งเขต ห้องทางขวาอันเป็นของบ้านเกาต้าเหอไหม้วายวอด แต่ทางซ้ายกลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่หญ้ามุงหลังคา
ได้ยินเสียงภรรยาต้าเหอกรีดร้องคร่ำครวญและเสียงร้องไห้ระงมของเหล่าดอกไม้สกุลเกา เยี่ยเหมยก็แน่นหน้าอกอย่างยิ่ง ไม่สนใจคำห้ามปรามของเยี่ยหย่วน เดินวนในลานบ้านที่ไหม้เกรียมทั้งยังมีไอร้อนน้อยๆ ลอยขึ้นมารอบหนึ่ง อดขมวดคิ้วไม่ได้ สุดท้ายก็เดินไปยืนอยู่ข้างภรรยาเสี่ยวเหอที่ยังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น
เยี่ยเหมยกล่าวขึ้นว่า “อาสะใภ้เสี่ยวเหอ ฟังจากที่ท่านพูด ท่านอาต้าเหอยังต้องชดใช้เงินให้ท่านอีกหรือ”
“ทำไม ไม่ควรหรือไร” ภรรยาเสี่ยวเหอมีใบหน้าดุร้ายโดยธรรมชาติ ไม่เคยกลัวจะต้องทะเลาะตบตีกับใคร แต่บัดนี้ชั่วพริบตาที่นางสบตาเยี่ยเหมยกลับยังคงทนไม่ไหวต้องเบือนหน้าหนี พลางย้อนถามอย่างแข็งนอกอ่อนในอยู่บ้าง