เยี่ยเหมยต้องใช้เรี่ยวแรงอย่างมากกว่าจะเอามือของอี๋เหนียงสี่ออกไปพ้นจากปากได้ จากนั้นก็รีบขัดจินตนาการของอีกฝ่าย “แต่ว่าอี๋เหนียง ข้าจำได้เพียงว่าท่านเป็นแม่ของข้า อาหย่วนเป็นน้องชายของข้า ส่วนอย่างอื่นแค่นึกขึ้นมาก็ปวดหัวแทบแตกแล้ว อา…ปวดยิ่งนัก…”
“น้ำแกงยายเมิ่ง…ตำนานเล่าว่าดื่มน้ำแกงยายเมิ่งจะทำให้ลืมความทรงจำทั้งหมดในอดีตชาติไป” อี๋เหนียงสี่ลงไปยืนบนพื้นก่อนเดินกลับไปกลับมา พึมพำพูดกับตนเองด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “บอกนายท่าน? ไม่ได้ บอกอาหย่วน? ก็ไม่ได้อีก ไม่อาจให้ผู้อื่นรู้ได้ว่าอาเหมยเดินข้ามสะพานไน่เหอและดื่มน้ำแกงยายเมิ่งแล้ว มิเช่นนั้นจะต้องถูกเห็นเป็นปีศาจร้ายแล้วถูกเผาตายแน่นอน”
“อี๋เหนียง ท่านอย่าเดินไปเดินมา ข้ามองแล้วยิ่งปวดหัว เอาอย่างนี้สิเจ้าคะ ท่านรีบถือโอกาสขณะพวกเขาไม่อยู่บอกเรื่องที่ข้าควรระวังมา”
เยี่ยเหมยจงใจแสร้งทำท่าทางเจ็บปวดทรมาน อี๋เหนียงสี่ก็ปราดมาอยู่ข้างเธออีกครั้งด้วยความเป็นห่วงอย่างที่คิดไว้
ยังดีที่ชีวิตของเจ้าของร่างเดิมไม่มีอะไรซับซ้อน พอมีเยี่ยเหมยเอ่ยเตือน อี๋เหนียงสี่ก็บอกเล่าเรื่องที่เธออยากทำความเข้าใจออกมาได้เกือบครบถ้วนในเวลาเพียงไม่นาน
ตำบลหยางหลิ่วเป็นตำบลเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองใหญ่หน้าด่านชายแดนและเมืองเซิ่งโจวอันเป็นเมืองท่าติดน้ำของอาณาจักรต้าฉี่ สกุลเยี่ยเปิดโรงเตี๊ยมสามแห่งและสำนักคุ้มกันสินค้าอีกหนึ่งแห่งในตำบลหยางหลิ่ว กิจการนับว่าไม่เลว บิดาของเยี่ยเหมยมีนามว่าเยี่ยเซิ่ง ปีนี้อายุสี่สิบ มีภรรยาห้าคน นอกจากอี๋เหนียงสามที่ไม่มีลูกแล้วก็นับว่ามีบุตรธิดาเป็นโขยง เนื่องจากอี๋เหนียงสี่ทางบ้านยากจนจึงถูกขายมาเป็นบ่าวรับใช้ นางได้ให้กำเนิดบุตรสาวและบุตรชายสองคนคือเยี่ยเหมยและเยี่ยหย่วน
บัณฑิตและขุนนาง ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า กลุ่มคนในสังคมทั้งสี่ระดับนี้พ่อค้าจัดอยู่ในระดับสุดท้าย แม้สองปีมานี้ทางราชสำนักจะสนับสนุนทางด้านกิจการค้าขาย แต่จะอย่างไรก็ยังมีเกียรติสู้ตระกูลที่มีคนสอบเป็นขุนนางสำเร็จไม่ได้ ในจำนวนบุตรชายทั้งสี่คนของเยี่ยเซิ่งมีเพียงเยี่ยหย่วนที่มีแววด้านการร่ำเรียน ฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปีกลายเพิ่งจะสอบถงเซิง ทำให้เยี่ยเซิ่งตกใจอย่างยิ่ง
เดิมทีอี๋เหนียงสี่กับบุตรสาวบุตรชายทั้งสองเป็นพวกถูกกดขี่รังแกแล้วไม่รู้จักตอบโต้ในสกุลเยี่ย แต่พอเยี่ยหย่วนเริ่มมีอนาคตก็ทำให้เยี่ยเซิ่งพลอยกำชับภรรยาเอกให้คอยดูแลอี๋เหนียงสี่สามแม่ลูกให้ดี
นิสัยของเจ้าของร่างเดิมเหมือนกับอี๋เหนียงทุกกระเบียดนิ้ว ถึงขนาดว่าอ่อนแอพูดน้อยเสียยิ่งกว่าฝ่ายหลังเนื่องจากถูกละเลยมองข้ามมาหลายปี แทบจะนับได้ว่าเป็นอากาศธาตุ แต่ทว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนจู่ๆ อากาศธาตุผู้นี้กลับแล่นไปขโมยของกินที่ครัว ซ้ำยังถูกบ่าวหญิงที่นั่นจับได้ หลังถูกจับได้ก็ไม่มีบุคลิกท่าทางของเจ้านายสักนิด ถึงกับตาเหลือกเป็นลมหมดสติไป
ให้ถูกละเลยอย่างไรก็ยังเป็นเจ้านาย บ่าวหญิงนางนั้นกลัวจะถูกลงโทษจึงไม่กล้ารายงานเบื้องบน เพียงแต่หาหมอพเนจรมาตรวจชีพจรเยี่ยเหมยอย่างเงียบๆ แต่พอตรวจดูกลับพบว่าเยี่ยเหมยตั้งท้อง ซ้ำยังท้องได้สองถึงสามเดือนแล้ว
ในเมื่อบ่าวหญิงนางนั้นหาหมอพเนจรจากข้างนอกมาตรวจเยี่ยเหมยได้ก็แสดงชัดว่านางพอจะมีความฉลาดอยู่ รู้ดีว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะต้องทำให้เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงแน่นอน จึงไล่หมอพเนจรไปแล้วไปหาอี๋เหนียงสี่ เดิมทีบ่าวหญิงนางนั้นคิดจะหาผลประโยชน์เล็กๆ จากในมืออี๋เหนียงสี่ แต่ใครเลยจะรู้ว่าอี๋เหนียงสี่จะรู้จักแต่ร้องไห้จนกลายเป็นถูกอี๋เหนียงสามที่พักร่วมเรือนกับนางได้ยินเข้า
อี๋เหนียงสามเป็นคนใจดำ นางนำเรื่องนี้ไปรายงานฮูหยินทันที พร้อมทั้งยุยงให้อีกฝ่ายจับเยี่ยเหมยใส่กรงหมูถ่วงน้ำเพื่อไม่ให้ข่าวแพร่กระจายออกไปแล้วทำให้สกุลเยี่ยต้องอับอาย
เรื่องที่เล่ามาแน่นอนว่าไม่ใช่คำพูดดั้งเดิมของอี๋เหนียงสี่ ถ้าให้นางพูดมีแต่จะบอกว่าผู้อื่นดีอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนตนเองก็แย่อย่างนี้อย่างนั้น เยี่ยเหมยได้แต่เรียบเรียงข้อมูลด้วยตนเอง พร้อมทั้งยังจับช่องโหว่ที่ค่อนข้างสำคัญไว้ได้ช่องหนึ่ง “อี๋เหนียง เช่นนั้นเด็กในท้องข้ามาได้อย่างไร”