เดิมทีเกาต้าเหอสามีภรรยาคิดจะยกห้องใหญ่ของพวกเขาให้เยี่ยหย่วน แม้จะบอกว่าคนชนบทเตียงใหญ่ใจกว้าง แต่เยี่ยเหมยก็ทนให้สามีภรรยาทั้งสองไปนอนเบียดกับบุตรสาวไม่ได้ หลังไตร่ตรองดูแล้วเยี่ยเหมยก็ตัดสินใจให้เกาจินฮวาย้ายไปห้องนอนของน้องอีกสามคน แล้วให้เยี่ยหย่วนนอนห้องเดียวกับนาง เช่นนี้นางก็สามารถจ่ายค่าเช่า พักอาศัยอยู่ได้อย่างสบายใจ
เกาต้าเหอสามีภรรยาได้แต่ยอมประนีประนอมตามการยืนกรานของเยี่ยเหมยและการยอมรับความคิดนี้ของเยี่ยหย่วน ในหมู่บ้านสกุลเกา ครอบครัวที่มีห้องน้อยหรือมีฟืนไฟไม่พอยังเบียดกันอยู่บนเตียงเดียวทั้งเด็กทั้งคนชราเลย แต่ด้านเยี่ยเหมยกับเยี่ยหย่วน แค่แขวนมู่ลี่ฟางไว้ตรงกลางเตียงเตาขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ไปครึ่งห้องก็เท่ากับได้ห้องสองห้องแล้ว
หลังจากคุยปัญหาเรื่องที่อยู่กันเสร็จเรียบร้อย เยี่ยเหมยก็ถามภรรยาต้าเหอว่าหมู่บ้านเกาจยามีช่างไม้ฝีมือดีหรือไม่
คิดไม่ถึงว่าคำถามนี้ที่เพิ่งจะถามออกไป ภรรยาต้าเหอก็จ้องเยี่ยเหมยด้วยท่าทางกรุ่นโกรธเล็กน้อย “อาเหมย เจ้าอยู่บ้านพวกเรามาตั้งหลายวันแล้ว ไม่เคยเห็นเลยหรือว่าท่านอาต้าเหอของเจ้าทำงานอะไร”
พูดตามตรง ยามเยี่ยเหมยพักอยู่ในบ้านสกุลเกาได้สัมผัสถึงความสงบอันหาได้ยาก ถ้าไม่นั่งรำลึกอดีตก็นั่งเป็นห่วงอนาคต ไม่ได้มีแก่ใจไปสังเกตอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง อีกอย่างเกาต้าเหอก็เป็นคนขยัน มักไม่ค่อยอยู่บ้าน นางไหนเลยจะรู้ว่าเขาทำงานอะไร ทว่าก็บังเอิญโดยแท้ที่เกาต้าเหอเป็นช่างไม้มือต้นๆ ของหมู่บ้านเกาจยา
เยี่ยเหมยใช้พู่กันที่อ่อนนิ่มไม่ใคร่ถนัด จึงวาดออกมาได้ไม่เป็นรูปเป็นร่างอย่างยิ่ง นางจึงได้แต่ทำท่าทางประกอบคำอธิบายให้เกาต้าเหอ ต่อมาเยี่ยหย่วนได้ยินแล้วนึกสนใจ ด้านหนึ่งใช้สายตาเหยียดหยามดูถูกมองเยี่ยเหมย ด้านหนึ่งก็แย่งกระดาษพู่กันมาวาดรูปรถเข็นเด็กและรถหัดเดินตามคำบรรยายของนาง คราวนี้เกาต้าเหอถึงพลันแจ้งใจ พยักหน้าหงึกหงักบอกว่าสามารถทำได้
ถึงเกาต้าเหอจะดูกลุ้มใจอยู่บ้าง แต่ฝีมือกลับดีกว่าที่เยี่ยเหมยคาดไว้ หลังถามขนาดแน่ชัดแล้ว วันรุ่งขึ้นพอเลือกไม้ดีมาได้ก็เริ่มลงมือทำงานทันที
สมัยโบราณไม่มีตะปู ล้วนอาศัยการเข้าเดือยไม้ยึดกันเอาไว้ เยี่ยเหมยไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ทำได้เพียงพยายามอธิบายให้เกาต้าเหอเข้าใจว่ามีข้อต่อตรงไหนของรถเข็นเด็กที่ต้องขยับหมุนได้บ้าง เดิมทีนางยังห่วงว่าล้อจะเป็นปัญหาแก้ยาก แต่ต่อจากนั้นนางก็พบว่าไม่อาจดูถูกสติปัญญาของคนโบราณได้จริงๆ
เกาต้าเหอทำไม้ทรงกระบอกออกมาท่อนหนึ่ง หุ้มหนังลงไปสองสามชั้น คว้านเนื้อไม้ตรงกลางออกแล้วใส่แหวนเพลาเข้าไป ล้อรถกันสะเทือนที่สวยงามและใช้งานได้จริงก็ปรากฏต่อหน้านาง
เยี่ยเหมยพักอยู่ที่บ้านสกุลเกาไม่ได้ไปที่ไหนทั้งสิ้น คอยช่วยงานเกาต้าเหอในส่วนที่พอจะทำได้ พวกลวดเหล็กที่ใช้ทำรถเข็นเด็กและรถหัดเดินล้วนเป็นเกาต้าเหอจัดการคนเดียว
เยี่ยเหมยไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเกลี้ยกล่อมให้เยี่ยหย่วนกลับไปเรียนต่อในสำนักศึกษา น่าเสียดายที่เด็กคนนี้บทจะดื้อขึ้นมาก็ไม่ต่างอะไรจากโคกระบือ ส่วนเยี่ยเหมยก็เป็นคนที่สีซอให้เขาฟัง
สามวันที่ทำรถ แม้เยี่ยเหมยจะยังไม่ได้ให้เงินค่าแรงแก่เกาต้าเหอ แต่กลับถือโอกาสขณะเกาเอ้อร์ฮวาไปขายแผ่นรองรองเท้าที่ตำบลหยางหลิ่ววานให้นางช่วยซื้อขาหลังหมูกลับมาทั้งขา
กระดูกนำมาต้มน้ำแกง เนื้อก็บ้างตุ๋นบ้างย่าง สามารถเห็นอาหารที่มีเนื้อสัตว์ได้ทุกวัน อีกทั้งไม่ว่าภรรยาต้าเหอจะพูดอย่างไร เยี่ยเหมยก็ยังยืนกรานให้หนึ่งวันกินสามมื้อ ถ้าเริ่มเถียงกันรุนแรงขึ้น นางก็จะยกลูกในท้องกับเกาซื่อฮวาและเกาอู่ฮวาที่ผ่ายผอมอ่อนแอมาอ้าง
ภรรยาต้าเหอกลัวจะเป็นการเอาเปรียบนางกับเยี่ยหย่วน จึงยอมให้นางผลาญเงินเช่นนี้ต่อไป แต่ลอบกำชับบุตรสาวทั้งห้าว่าเวลากินเนื้อให้บันยะบันยังบ้าง
ทว่าเรื่องนี้หักห้ามกันได้ด้วยหรือ พอเห็นใบหน้าของเหล่าบุตรสาวที่ผอมโกรกมีสีเลือดขึ้นมาแล้ว ภรรยาต้าเหอก็ไม่มีอะไรจะเถียงเยี่ยเหมยได้ ได้แต่กำชับเกาต้าเหอตอนกลางคืนว่าให้ทำงานให้เร็วให้ดีขึ้น
“สำเร็จแล้ว!” เสียงไชโยโห่ร้องจากในลานบ้านครึ่งแถบอันแคบเล็กดังลอยไปไกล เยี่ยหย่วนเข็นเกาอู่ฮวาเดินวนกลับไปกลับมาอยู่ในลานบ้าน ทำเอาเด็กส่งเสียงหัวเราะใสปานกระดิ่งเงินออกมาด้วยความชอบใจ
ภรรยาเสี่ยวเหออุ้มบุตรชายคนเล็กยืนหลบข้างประตูมองดูฉากเหตุการณ์นี้ กำแท่งเงินในแขนเสื้อ ตัดสินใจเชื่อฟังคำสั่งของคนผู้นั้น จัดการให้เสียงหัวเราะเบิกบานนี้และกลิ่นหอมของเนื้อหายไปเสียให้หมด!
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 21 พ.ค. 62