ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 513-515 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 513-515

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 513 เฝ้าตอรอกระต่าย

เผยซู่พูดถึงจุดนี้ก็หันไปอธิบายให้เฉินอิ๋งฟัง “ยามนี้เบื้องบนค่อนข้างสับสนวุ่นวาย เพราะคนที่รู้เรื่องราวในยามนั้นต่างพากันป่วยตายหมดสิ้น ลูกหลานของพวกเขาเองก็ไม่อาจบอกได้ชัดแจ้ง บ้างก็ว่าแปดปี บ้างก็ว่าเจ็ดปี ดังนั้นข้าเองก็ไม่อาจระบุชัดได้เช่นกัน”

เฉินอิ๋งหน้าไม่เปลี่ยนสี ทว่าในใจกลับหนาวสะท้าน

ช่วงระยะเวลาที่ว่าคล้ายมีอะไรบางอย่างลึกล้ำซ่อนงำอยู่

“ไม่รู้ว่ารูปร่างของคนผู้นั้นเป็นเช่นไร” นางเผลอถามออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าตนเองอยากได้ยินคำตอบเช่นไร

เผยซู่ไม่ทันสังเกตเห็นอาการผิดปกติของอีกฝ่าย เขาตอบออกมาอย่างรวดเร็ว “จากข่าวคราวที่ได้มา คนผู้นั้นใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ผิวค่อนข้างคล้ำ ในปากเต็มไปด้วยฟันเหลือง พูดจาเยี่ยงคนจากชนบท สำเนียงท้องถิ่นหนักชัด”

เฉินอิ๋งพยักหน้าโล่งอก นางเข้าใจผิดไปจริงๆ

เมื่อครู่มีอยู่แวบหนึ่งที่นางคิดว่าตนเองพบเจอเบาะแสที่แท้จริงของการหายตัวไปของเฉินเซ่าแล้ว

ยามนี้พอได้ยินเผยซู่พูดเช่นนั้นนางก็โยนความคิดอ่านดังกล่าวทิ้งออกจากหัวสมอง

แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไหนเลยจะใช้เป็นข้อสันนิษฐานอันใดได้ นางเลินเล่อไปแล้วจริงๆ

“เช่นนั้นเรื่องที่ท่านทำต่อจากนั้นคือการตามหาหลุมฝังศพที่พูดถึงนั่น หากข้าทายไม่ผิด หลุมฝังศพนั่นน่าจะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ท่านหาตัวเฉียนเทียนเจี้ยงพบใช่หรือไม่” เฉินอิ๋งเงยหน้ามองมาทางเผยซู่ สีหน้าท่าทางสุขุมเยือกเย็นยิ่ง

มุมปากข้างหนึ่งของเผยซู่ยกขึ้นเล็กๆ รอยยิ้มแลดูเจ้าเล่ห์อยู่หลายส่วน “ใช่แล้ว จากเรื่องดังกล่าวพวกเราสันนิษฐานว่าคนที่ชายเจ้าของสำเนียงท้องถิ่นต้องการตามหาที่แท้ก็คือคนที่รอดตายจากศึกสงครามในครั้งนั้น ครั้นคิดต่อไป สาเหตุที่เขาหาคนผู้นั้นไม่พบ นอกจากอีกฝ่ายแสร้งตายเพื่อหลบเร้นแฝงกายแล้วก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีก หลังจากเทียบรายชื่อดูแล้ว ข้าก็ไปตามหาศพที่ต้องสงสัยทั้งหมด ก่อนจะพบว่ามีศพศพหนึ่งที่ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่มี ซึ่งนั่นก็คือเฉียนเทียนเจี้ยง”

เฉินอิ๋งตะลึงงันไปชั่วขณะ ความคิดอ่านประการหนึ่งไหลเลื่อนเข้ามาในหัวสมอง

“คนที่ช่วยท่านชันสูตรศพคงไม่พ้นเหล่าฉางกระมัง” นางเอ่ยถาม นัยน์ตาจ้องนิ่งอยู่บนร่างของเผยซู่ “ที่ท่านให้เหล่าฉางอยู่ข้างกายก็เพื่อการนี้”

เหล่าฉางคือเจ้าหน้าที่ชันสูตรรูปร่างอ้วนดำผู้นั้น ยามนี้ถูกเผยซู่รับเข้ากองกำลังแล้ว เฉินอิ๋งเคยพบเจอคนผู้นี้ตอนสืบคดีไฉ่เจวี้ยนฆ่าตัวตาย

เผยซู่มองดูนาง สีหน้า ‘ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องทายได้แน่’ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาพยักหน้าตอบว่า “อาอิ๋ง เจ้าฉลาดจริงๆ” ตอนพูดรอยยิ้มบนใบหน้าของเผยซู่เพิ่มมากขึ้นทีละน้อย สีหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นอ่อนโยน

ในใจของเฉินอิ๋งแม้จะเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม ทว่าสีหน้าของนางกลับแสดงออกแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น “อาซู่ ข้ารู้สึกนับถือท่านยิ่งนัก”

วิธีการเช่นนี้จริงอยู่ที่มิอาจนับเป็นวิธีการ ‘ชาญฉลาด’ อันใดได้ แต่ถึงกระนั้นก็นับเป็นวิธีการที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด หากไม่แน่วแน่บากบั่น ย่อมไม่อาจประสบความสำเร็จ

ความมุ่งมั่นที่เขามีต่อเรื่องนี้น่านับถือยิ่งนัก

พอตระหนักได้ว่ากำลังถูกว่าที่ภรรยาผู้ฉลาดหลักแหลมยกย่องชื่นชม ใบหน้าดำๆ ของเผยซู่ก็ราวกับถูกแต่งแต้มด้วยสีสันขึ้นมาทันที

“เรื่องนี้จะว่าไปก็ยุ่งยากไม่ใช่น้อย ศพที่ต้องให้เหล่าฉางชันสูตรนั้นมีอยู่ด้วยกันถึงสามสิบกว่าศพ” มือของเผยซู่วนเวียนไปมาอยู่ที่ข้างเอวคล้ายหมายอาศัยท่วงท่านี้กลบเกลื่อนความรู้สึกอึดอัดที่มีอยู่ภายในใจ

“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ” เฉินอิ๋งพูดด้วยใจจริง

กองกำลังที่เฉียนเทียนเจี้ยงอยู่นั้นถูกทำลายไปแทบสิ้น การหาศพที่เป็น ‘ปัญหา’ ออกมาจากศพทั้งสามสิบจึงนับเป็นงานที่หนักอึ้งไม่ใช่น้อย

เผยซู่กระแอมเบาๆ ออกมาคราหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “จะว่าไปเรื่องนี้คงต้องบอกว่าเป็นเจตจำนงของสวรรค์ เป็นการชี้นำของท่านพ่อที่อยู่ในปรโลก ท่านพ่อปกครองกำลังพลด้วยความละเอียดรอบคอบ ข้อมูลของทหารกองกำลังสกุลเผยทุกหน่วย ไม่ว่าจะรายชื่อ ตำหนิลักษณะเด่นทางร่างกาย รวมถึงเรื่องราวทางบ้านล้วนได้รับการบันทึกไว้ หากทหารคนดังกล่าวตายไปก็ยังมีการลงบันทึกสาเหตุการตายไว้ชัดแจ้ง รวมถึงสถานที่ฝังศพของพวกเขา”

เผยซู่ตบโต๊ะเบาๆ พูดพลางทอดถอนใจ “โชคดีที่มีการชี้นำของท่านพ่อพวกนี้ ทำให้ข้าสามารถใช้พวกมันเป็นฐานข้อมูล ขุดเอาศพของทหารในกองกำลังดังกล่าวที่ตายไปโดยไม่อาจระบุสาเหตุการตายชัดแจ้งพวกนั้นกลับขึ้นมาทำการชันสูตรใหม่กันทีละศพ จนพบว่าศพที่ถูกฝังอยู่ในหลุมของเฉียนเทียนเจี้ยงนั้นมีร่องรอยบาดแผลเก่าบนกระดูก อย่างน้อยก็น่าจะเกินสามสิบปีมาแล้ว ต่างกับข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ว่าร่างกายของเฉียนเทียนเจี้ยงสมบูรณ์ดี ด้วยเหตุนี้ข้าจึงรู้ว่าศพที่อยู่ในหลุมนั้นหาใช่เฉียนเทียนเจี้ยงไม่”

เขายิ้มคล้ายย้อนกลับไปอยู่ในตอนค้นพบเบาะแสสำคัญนี้ “บิดามารดาของเฉียนเทียนเจี้ยงตายไปนานแล้ว หนำซ้ำเขาเองยังกำพร้า มิเคยตบแต่งภรรยา หลังจากเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในเขา ถึงจะไม่กล้าออกมาพบปะผู้คน แต่กราบไหว้เคารพศพผู้เป็นบิดามารดาไม่ว่าเช่นไรก็ยังเป็นเรื่องพึงกระทำ หาไม่แล้วเขาย่อมกลายเป็นบุตรอกตัญญู ดังนั้นสิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือเฝ้าตอรอกระต่าย รอให้เขาเข้ามาติดกับ”

เฉินอิ๋งนึกเลื่อมใสอีกฝ่าย “นี่เป็นการอนุมานที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก อาซู่ ท่านนี่ร้ายกาจจริงๆ”

เผยซู่ไม่ได้รับเอาความดีความชอบเป็นของตนเอง หากกลับพูดออกมาตรงๆ ว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดของข้า แต่เป็นแผนการของ ‘จิ่วเถียวมิ่ง’ ”

เขามุมปากยกสูงคล้ายนึกเรื่องน่าขันอะไรได้บางอย่าง “จิ่วเถียวมิ่งผู้มีนามความหมายว่า ‘เก้าชีวิต’ ผู้นี้เจ้าเองก็รู้จักดี อาอิ๋ง เจ้าคงยังจำเรื่องราวที่เขากุ่ยคูได้กระมัง”

เฉินอิ๋งตะลึงงัน แต่เพียงไม่นานนางก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันที นางเกือบหลุดหัวเราะออกมา “ที่ท่านพูดถึงคงไม่ใช่กุนซือฉลาดเฉลียวผู้นั้นกระมัง คนที่หลางถิงอวี้พุ่งทวนใส่ถึงสามครั้งสามคราแต่ก็ยังไม่ตายผู้นั้น”

“ใช่แล้ว” เผยซู่หัวเราะจนไหล่สั่น “สมญานามของเขานี้ก็ได้มาจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เพราะเจ้าบอกว่าเขาชาญฉลาดข้าจึงละเว้นชีวิตเขา จิ่วเถียวมิ่งผู้นี้เป็นคนมีไหวพริบ ช่วยข้าออกความคิดเห็นหลายต่อหลายครั้ง ไม่ผิดจากที่เจ้าคาดไว้ คนผู้นี้ฉลาดเฉลียวจริงๆ”

เฉินอิ๋งประหลาดใจยิ่งนัก

โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกประหลาดมหัศจรรย์โดยแท้ คนที่คิดวางแผนเล่นงานนางในยามนั้น เวลานี้กลับกลายเป็นแขนขาให้เผยซู่ เรื่องนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนแต่คาดไม่ถึง

“เขาอยู่ที่จวนกระนั้นหรือ” เฉินอิ๋งถามเผยซู่

หากใช่ นางก็ใคร่อยากพบเจอเขาสักครั้ง

เผยซู่โบกมือกล่าว “ยามนี้เขาไม่อยู่ เพราะที่เผิงไหลบังเอิญเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ข้าจึงส่งเขาไปที่นั่น คิดว่าอีกสองสามวันก็คงกลับมา”

เฉินอิ๋งส่งเสียง “อืม” เบาๆ ออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ เอ่ยปากบอก “เชื่อว่ายามนี้เขาคงกำลังตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถ ไม่เสียแรงที่ยามนั้นข้าได้เอ่ยปากขอให้ท่านไว้ชีวิตเขา”

เผยซู่ยิ้มกล่าว “ใช่แล้ว ข้าเองก็ต้องขอบใจเจ้ามากที่ช่วยเฟ้นหาผู้ช่วยมือดีให้กับข้า”

ทั้งสองต่างยิ้มให้แก่กัน ไม่พูดจาอันใด

ลมปลายวสันต์พัดผ่านห้องโถง แสงตะวันสาดส่อง ต้นหญ้าสองสามต้นค้อมเอวอยู่ท่ามกลางสายลมคล้ายถอนหายใจอย่างเป็นสุข

ขณะมองดูต้นหญ้าเขียวชอุ่มพวกนั้น คิ้วของเฉินอิ๋งก็ขมวดเข้าหากัน

ต่อให้ควานหาตัวเฉียนเทียนเจี้ยงออกมาได้ แต่คนผู้นี้เพลานี้ก็ตายไปแล้ว หากเขาเห็นคนร้ายที่ลงมือสังหารนายท่านเผยจริง เช่นนั้นตอนเผยซู่หาตัวอีกฝ่ายพบ ความจริงก็น่าจะกระจ่างแจ้งได้ในทันทีมิใช่หรือไร แต่จากสีหน้าท่าทางของเผยซู่ในยามนี้ เห็นได้ชัดว่ามันมิได้เป็นเช่นนั้น

เฉินอิ๋งเดาว่าคำให้การของเฉียนเทียนเจี้ยงนั้นหาได้มีประโยชน์อันใดไม่

ไม่ผิดจากที่นางคาดไว้ ยามนี้เผยซู่กล่าวขึ้นว่า “หลังพบตัวเฉียนเทียนเจี้ยง ข้าก็ให้เหอถิงเจิ้งแอบพาเขากลับเมืองหลวง หลังจากนั้นก็ส่งเขามาที่ซานตง ระหว่างนี้ข้าสอบถามเขาลับๆ หลายต่อหลายครั้ง ทว่าเขาเข้าไปอยู่ในเขาลึกนานหลายสิบปี สภาพแทบจะไม่ต่างอะไรกับคนป่า อายุหรือก็มากแล้ว ถึงจะไม่ถึงขนาดเฒ่าชราสติสัมปชัญญะเลอะเลือน แต่ความทรงจำก็ถดถอยไปไม่ใช่น้อย หลังจากสอบถามอยู่หลายวัน ที่สืบรู้ได้กลับมีเพียงแต่เรื่องราวตอนเขาหลบหนีมา ซึ่งก็คือเรื่องราวที่ข้าเล่าให้เจ้าฟังในตอนแรกพวกนั้น หามีอันใดไหนอื่นไม่”

เขาถอนหายใจยาวๆ ออกมาคราหนึ่ง เงยหน้ามองฟ้า อกกำยำล่ำสันกระเพื่อมไหวรุนแรง คล้ายพยายามควบคุมความรู้สึกกลัดกลุ้มที่มีอยู่เต็มอก

เขารู้สึกว่าตนเองไม่เอาไหนยิ่งนัก

กว่าจะหาตัวเฉียนเทียนเจี้ยงพบก็ไม่ใช่ง่าย ที่เขาลำบากลำบนพาอีกฝ่ายมาที่ซานตงก็เพื่อหลบเลี่ยงคนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง นอกจากนี้ที่ซานตงเขายังมีกำลังพลมากพอ สามารถยักย้ายถ่ายเทได้ง่าย

ทว่าเฉียนเทียนเจี้ยงกลับมาตายไปเช่นนี้

จู่ๆ เบาะแสเพียงหนึ่งเดียวก็มาตายจาก เรื่องราวที่เหลือย่อมยากจะสืบต่อได้

ที่ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกคือการตายของเฉียนเทียนเจี้ยงนี้ไม่ว่าจะดูเช่นไรก็คล้ายอุบัติเหตุยิ่งนัก

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com