ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 522-524 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 522-524

3 of 3หน้าถัดไป

บทที่ 524 เศษเสี้ยวบิดเบือน

มุมปากของเฉินอิ๋งขยับอยู่น้อยๆ ใบหน้าเผยให้เห็นถึงสิ่งที่พอจะเรียกว่า ‘รอยยิ้ม’ ได้อยู่ชั่วขณะ “ขอบคุณบิดาที่เมตตา ลูกทำบิดาลำบากแล้ว”

“พ่อเดาว่ามาถึงซานตงเจ้าคงต้องได้ใช้แน่ จึงสั่งให้คนเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า นับว่าไม่เสียทีที่ได้เตรียมไว้” เฉินเซ่าน้ำเสียงอ่อนโยน รอยยิ้มละมุนละไม “ลูกพ่อ เจ้าก็เลือกสักตัวก่อนเถิด เลือกเสร็จก็กลับบ้านไปกับพ่อ ไปคารวะท่านยายกับท่านลุงของเจ้า”

คำพูดนี้นับว่าถูกต้องด้วยเหตุผลยิ่ง เฉินอิ๋งเดินทางมาถึงจี่หนาน จำต้องไปคารวะญาติอาวุโสก่อนถึงจะสอดคล้องตามธรรมเนียมประเพณี การที่นางไม่ทันได้พบหน้าใครก็ตรงดิ่งมาคลี่คลายคดีที่จวนสกุลเผยเช่นนี้ หากพิจารณาดูให้ละเอียดถี่ถ้วน การกระทำเช่นนี้นับว่าเสียมารยาทอยู่ไม่น้อย หากพบเจอพวกชอบหาเรื่องเข้าล่ะก็ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ทำให้นางถูกวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิติติงได้แล้ว

เฉินอิ๋งย่อมไม่ปฏิเสธ นางตอบรับอย่างว่านอนสอนง่าย เลือกเสื้อคลุมสีชมพูขึ้นมาตัวหนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้พวกสวินเจินช่วยจัดการคลุมลงบนตัว

เฉินเซ่าในที่สุดก็หันมองมาทางเผยซู่ตรงๆ

“หลังจากนี้คงไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านโหวน้อยให้ออกไปส่งอีก ข้ารู้จักเส้นทางดี” น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยนเหมือนเก่า สีหน้าไม่นับว่าเย็นชา มีแต่คนที่ประจันหน้ากับเขาตรงๆ เท่านั้นถึงจะรับรู้ถึงความเย็นเยียบที่ซ่อนแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั่นได้

เผยซู่กลับหน้าไม่เปลี่ยนสี ก็แค่สายตาเย็นเยียบไม่กี่ทีของท่านพ่อตาเท่านั้น เขาไหนเลยจะทนรับไม่ได้

อย่าว่าแต่สายตาเย็นชาเลย ต่อให้เป็นเท้า รองเท้า ไม้พลองเย็นเยียบ เขาก็ล้วนยินดีรับมัน อีกทั้งยังจะกล่าวคำว่า ‘ขอบคุณยิ่ง’ เสียด้วยซ้ำ

เฉินเซ่าขมวดคิ้ว มองดูอีกฝ่าย

คนทั้งสองแม้จะยืนห่างจากกันเพียงไม่กี่ก้าว ทว่าสายตาที่ทอดมองไปของเฉินเซ่ากลับราวกับมีพันภูผาหมื่นนทีกั้นขวาง ไกลห่างไร้สิ้นสุด

เผยซู่ดึงสายตากลับ ยืนค้อมกายหน้าไม่เปลี่ยนสี

การต่อสู้กันด้วยสายตาถ้อยวาจาเฉียบคมจำพวกนี้เป็นวิธีการของปัญญาชน ส่วนตัวเขาแต่ไหนแต่ไรก็ใช้แต่กำปั้นพูดจา การตอบสนองต่อเรื่องราวจำพวกนี้ล้วนเฉื่อยชา นี่คือเหตุผลประการที่หนึ่ง ประการที่สองคือหลายปีมานี้เขาแขวนตำแหน่งอยู่ในกรมอาญา คุ้นเคยกับสายตาเย็นชาสิ้น สายตาของท่านพ่อตาที่มองมาในยามนี้ไม่ต่างอันใดกับลูกอมขนมหวานเลยแม้แต่น้อย

ครั้นเห็นเช่นนั้นนัยน์ตาของเฉินเซ่าก็เหมือนฝากแฝงไว้ซึ่งความหมายหลายหลาก สีหน้าท่าทางห่างเหินยิ่งกว่าเก่า

โชคดีที่ในที่สุดเฉินอิ๋งก็แต่งเนื้อแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อย นางเอ่ยปากขึ้นได้จังหวะพอดี “บิดา พวกเราไปกันเถิดเจ้าค่ะ”

เฉินเซ่าชักสายตากลับมาจ้องมองดูเฉินอิ๋ง ครั้นเห็นนางห่อคลุมร่างด้วยเสื้อคลุมสีชมพู ใบหน้างดงามตามธรรมชาติก็ถูกขับดุนให้งดงามมากขึ้นเป็นเท่าทวี มวยผมที่ถูกเกล้าไว้เยี่ยงบุรุษยามนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอันใด ทว่าโชคดีที่ฉีมามาเตรียมการอยู่ก่อนหน้าแล้ว ครั้นสวมหมวกม่านแพร บุคลิกลักษณะที่ปรากฏออกมาให้เห็น หากจะบอกว่าเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ เป็นกุลสตรีชั้นสูงเปี่ยมด้วยเกียรติยศสูงส่งก็หาผิดอันใดไม่

เฉินเซ่าสีหน้าเปลี่ยนแปลงเป็นอ่อนโยน เขาพยักหน้าน้อยๆ พลางเอ่ย “ดียิ่งนัก”

เฉินอิ๋งไม่พูดอันใด นางยกมือปล่อยผ้าโปร่งลง

ผ้าโปร่งยาวสีฟ้าอ่อน นุ่มละมุนไม่ต่างอันใดกับสายน้ำ กระเพื่อมไหวทั้งๆ ที่ไม่มีลม แลดูงามสง่าอยู่หลายส่วน

ครั้นเห็นเช่นนั้นมุมปากของเผยซู่ก็ไม่วายฉีกออก ในใจอดนึกเลื่อมใสในตัวเฉินเซ่าไม่ได้

ว่าที่พ่อตาของเขาผู้นี้อย่างไรก็เป็นบัณฑิตผู้รู้หนังสือ ท่วงท่างามสง่าแห่งวิญญูชนฝังลึกอยู่ในกระดูก แม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เลือกมาก็ยังงดงามไม่ธรรมดา

ช่างน่ามองยิ่งนัก

เฉินเซ่าสีหน้าเคร่งขรึมอยู่เล็กๆ เขากระแอมกระไอออกมาคราหนึ่งพลางประสานมือไปทางเผยซู่ “ลาก่อน”

“ท่านลุงถนอมตัวด้วย” เผยซู่ค้อมกายลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เขาเองรู้กาลเทศะดี ครั้นส่งถึงบันไดขั้นสุดท้ายเขาก็ชะงักเท้าอยู่ที่นั่น คล้ายจดจำคำพูดของเฉินเซ่าที่ว่าไม่ต้องไปส่งได้

เฉินเซ่าสะบัดแขนเสื้อกว้าง นัยน์ตาไม่ต่างอันใดกับแมลงปอโฉบผิวน้ำ กวาดมองไปบนร่างของเผยซู่คราหนึ่ง ก่อนจะไพล่สองแขนไปทางด้านหลัง สาวเท้ายาวๆ เดินจากไป

พวกสวินเจินห้อมล้อมเดินตามเฉินอิ๋งไป ฉีมามาเดินนำสาวใช้อยู่ทางด้านหลัง คนทั้งหมดเดินออกจากนอกประตูลานไปอย่างเอิกเกริก

เฉินอิ๋งเดินตามทุกคนออกไป ในใจสงบนิ่งดุจผืนน้ำ ไม่มีทีท่าอาลัยอาวรณ์เยี่ยงดรุณีน้อยที่ไม่มีโอกาสได้กล่าวลากับอีกฝ่าย

ลมวสันต์อบอุ่นอ่อนโยน พัดผ่านลานกว้าง ไม่รู้ฟากฟ้าฝั่งตะวันตกเต็มไปด้วยเมฆสีแดงฉานดั่งไฟตั้งแต่เมื่อใด ก้อนเมฆสีแดงเข้ม แดงดอกท้อ แดงม่วงสารพัดปะปนอยู่ด้วยกัน อาบย้อมท้องนภาไปกว่าครึ่ง ดอกถูหมีเจิดจรัส กวาดท่วงทำนองหงอยเหงายามตะวันลับฟ้าไปจนสิ้น

“อาทิตย์อัสดงนี้งดงามยิ่งนัก” สวินเจินเอ่ยทอดถอนใจเสียงแผ่ว พึมพำกระซิบว่า “ ‘เช้ามองอาคเนย์ ค่ำมองพายัพ’ พรุ่งนี้เชื่อว่าอากาศต้องดีแน่”

นางเพราะสนิทชิดเชื้อกับหลัวมามา ความเชื่อพื้นบ้านเหล่านี้นางล้วนเรียนรู้มาจากอีกฝ่ายทั้งสิ้น

เฉินอิ๋งแย้มยิ้ม ขณะกำลังจะเอ่ยปาก จู่ๆ หางตานางก็คล้ายชำเลืองเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง

นางรีบเพ่งตามองไป เห็นเฉินเซ่าที่เดินอยู่ข้างหน้าท่าทางคล้ายมีอันใดผิดปกติ ร่างกายโซซัดโซเซอย่างแรง

เฉินอิ๋งตกใจ นางรีบเดินตรงเข้าไปถามไถ่ “บิดา ท่านเป็นอะไรไป”

น้ำเสียงฝากแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกร้อนอกร้อนใจเช่นนี้ สำหรับเฉินเซ่าแล้วมันกลับเคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างอันใดกับสายป่านว่าวที่ถูกสายลมแรงพัดกระโชก ทุกตัวอักษรล้วนให้กำเนิดคลื่นสูง

เขาส่ายศีรษะ

ยามนี้เขาปวดศีรษะยิ่งนัก แม้แต่โหนกคิ้วก็ปวด มุมหน้าผากก็ยิ่งปวด คล้ายมีคนดึงรั้งเหยียดยืดเส้นเอ็นที่อยู่ใต้ผิวหนังออกตลอดสองข้าง

ท้องฟ้าหมุนคว้าง ดอกไม้ใบหญ้ารอบๆ กับเงาคนทับซ้อนอยู่ด้วยกันวนเวียนอยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อสายตาพร่าเลือนหมดสิ้น

แสงอาทิตย์สว่างไสวเจิดจ้าจนเขาลืมตาแทบไม่ขึ้น

หัวคิ้วของเฉินเซ่าขมวดอยู่ด้วยกัน ร่างกายงอโค้งไปทางด้านหน้า สองมือกุมศีรษะ เหงื่อเท่าเม็ดถั่วผุดพรายเต็มหน้าผาก

ความเจ็บปวดรุนแรงราวกับถูกขวานจามใส่นี้เขาคุ้นเคยกับมันดี

ตอนเพิ่งกลับมาถึงจวนกั๋วกงใหม่ๆ ทุกครั้งที่เขาฝืนรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต มันก็มักจบลงด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นนี้

ทว่าครั้งนี้กลับไม่เหมือนกัน

ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ไม่ต่างอะไรกับค้อนหนาหนักฟาดใส่แผ่นเหล็ก แข็งกระด้างอึดอัด คล้ายในหัวถูกของแข็งๆ อะไรบางอย่างแยกออกเป็นสองส่วน แบ่งเขากับความทรงจำที่ขาดหายไปเมื่อแปดปีก่อนไว้คนละโลก

ทว่าในเวลานี้แผ่นเหล็กที่เคยกั้นขวางอยู่ในสมองกลับแหลกสลายลงสิ้นแล้ว

ภายในสมองที่ปั่นป่วนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรุนแรงนั้นคล้ายมีภาพเลือนรางบิดเบี้ยวยากจะแบ่งแยกชัดเจนปรากฏขึ้น ระคนอยู่กับฟันเลื่อยแหลมคมเจิดจ้าที่กำลังทิ่มแทงขุดลึกลงไปในสมองของเขา

เขาครวญครางเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างไม่อาจฝืน

เฉินเซ่ารู้สึกเอือมระอากับอาการสมองหมุนคว้างที่ระคนอยู่กับความเจ็บปวดราวกับชักกระตุกนั่นเต็มที เขาอาเจียนแห้งๆ อยู่ในลำคอคล้ายจะกระอักเอาอวัยวะภายในทั้งหมดออกมา

เฉินเซ่ากุมหัวแน่น ตาเหลือกขึ้นบน เส้นเลือดปรากฏขึ้นอยู่บนตาขาวเส้นแล้วเส้นเล่า

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนมีแสงเจิดจ้าแสบตาวาดผ่านอยู่ที่ด้านหน้า อะไรบางอย่างขนาดใหญ่กำลังพุ่งตรงเข้ามาติดๆ

เขาพยายามเบิกตากว้าง รักษาสมดุลของร่างกาย หมายหาหนทางแยกแยะถึงที่มาของวัตถุดังกล่าว ต้นไม้ต้นหนึ่ง ดอกไม้ดอกหนึ่ง คนผู้หนึ่ง หรือหญ้าต้นหนึ่ง

สุดท้ายดวงตาที่ถลนออกมาของเขาก็กลับคืนสู่เบ้า เขามองเห็นแล้ว วัตถุที่พุ่งเข้าใส่หน้าเขาเป็นวัตถุสีเหลืองเข้มแกมดำ ด้านบนยังมีสีเขียวปะปน

หลังจากนั้นเจ้าสิ่งนั้นก็กระแทกเข้าใส่ร่างเขาเต็มๆ จมูกของเขาถูกล้อมไว้ด้วยกลิ่นดินเข้มๆ

ท่ามกลางสติสัมปชัญญะรางเลือนของเฉินเซ่า เขาเหมือนจะได้ยินน้ำเสียงกระจ่างชัดคุ้นเคย

“ฉีมามาไปตามท่านโหวน้อยก่อน บอกเขาให้ไปเชิญท่านหมอ พวกเจ้าไปจวนสกุลเผยยืมตั่งไม้มาตัวหนึ่ง แบกท่านพ่อข้าไปที่เรือนประธาน”

น้ำเสียงมั่นคง สงบนิ่ง เยือกเย็น แฝงไว้ซึ่งความมั่นอกมั่นใจของผู้เป็นนาย ไม่ยอมให้ผู้ใดเคลือบแคลงสงสัยดังขึ้น

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเส้นเสียงสงบนิ่งนี้ถึงทำให้เฉินเซ่ารู้สึกผ่อนคลาย คล้ายที่อยู่ข้างกายคือญาติที่สนิทที่สุด

เขาผ่อนลมหายใจออกมาคราหนึ่งก่อนจะหลับตาลงอย่างวางใจ

ก่อนจะถูกความมืดครอบงำ ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ เสียงนั่นมาจากบุตรีของตน ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตนเอง

โรคปวดหัวของเขากำเริบขึ้นอีกแล้ว

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 เม.. 66 เวลา 12.00 .

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com