ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 528-530 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 528-530

3 of 3หน้าถัดไป

บทที่ 530 ไปแล้วไม่หวนคืน

เฉินอิ๋งเงยหน้าประหลาดใจ

อาจารย์ทังผู้นี้หานายหน้าเพื่อขายบ้านของบรรพชนทิ้ง? เพราะเหตุใด

หรือว่า…

“ทังซิ่วไฉตัดสินใจจะไปจากจี่หนานใช่หรือไม่” เฉินอิ๋งถามหยั่งเชิงหม่าโหวเอ๋อร์

“ผู้น้อยรู้สึกว่าคล้ายจะเป็นเช่นนั้น” หม่าโหวเอ๋อร์พยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว ยืนยันถึงข้อสันนิษฐานของนาง ก่อนจะพูดเสริม “ทังซิ่วไฉไม่เพียงจะขายบ้าน เมื่อสองวันก่อนยังแวะเวียนไปหานายหน้าบ่อยๆ ได้ยินว่าข้าวของมีค่าในบ้านอันใดล้วนขายหมดสิ้น”

พูดถึงตรงนี้หม่าโหวเอ๋อร์ก็ขยับขึ้นหน้าเข้าไปอีกเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้าลึกลับ “เมื่อวานตอนสายผู้น้อยเห็นเขาออกมาจากสำนักศึกษา ในมือถือสัมภาระห่อใหญ่ห่อหนึ่ง มีศิษย์สองสามคนตามมาส่งเขาเดินทาง ผู้น้อยแสร้งทำเป็นเดินผ่าน แอบฟังพวกเขาพูดคุยกัน ได้ยินพวกศิษย์สองสามคนนั้นบอก ‘ท่านอาจารย์รักษาตัวด้วย’ ‘วันหน้าคงได้พบกันอีก’ อะไรทำนองนั้น มีศิษย์คนหนึ่งร่ำไห้ปาดน้ำตาอย่างกับพ่อแม่ตายก็ไม่ปาน”

เขาเบ้ปากกล่าว “ทังซิ่วไฉผู้นั้นกล่าวปลอบใจศิษย์พวกนั้นบอก ‘ถึงข้าไม่อยู่ แต่ก็ยังมีอาจารย์ท่านอื่นอยู่ พวกเจ้าตั้งใจเล่าเรียนให้ดี’ เขาพูดจาแบบพวกบัณฑิตมีการศึกษา ผู้น้อยเลียนแบบไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นผู้น้อยก็ฟังออกว่าทังซิ่วไฉพูดเช่นนี้ย่อมหมายความว่าเขากำลังจะเดินทางไกลเป็นแน่ อาจารย์ใหญ่เฉินว่าใช่หรือไม่”

เฉินอิ๋งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ทว่าสีหน้าจริงจัง

ขนาดตำแหน่งอาจารย์ในสำนักศึกษาเฉวียนเฉิงก็ยังไม่เอา งานนี้คงไม่ใช่แค่เดินทางไกลธรรมดาๆ แล้ว

การกระทำเช่นนี้ของทังซิ่วไฉเห็นชัดว่าเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ย้อนกลับมาอีก

เพียงแต่เขาคิดจะไปที่ใด แล้วเหตุใดถึงต้องไปอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ด้วย

ขายบ้านบรรพชน ลาออกจากการเป็นอาจารย์ ปิดทางถอยหมดสิ้น ไยต้องเป็นเช่นนี้

บากหน้าพึ่งพาญาติพี่น้อง หลบหนีเภทภัย หรือ…ยังมีเรื่องลับอันใด

เฉินอิ๋งยืนขมวดคิ้ว หมอกฝนพัดเข้ามาภายในร่มย้อมกระโปรงสีฟ้าอ่อนให้เข้มขึ้น

เรื่องนี้คนสำคัญยังคงเป็นสิงเหว่ย

น่าเสียดายที่สิงเหว่ยยามนี้ยังคงไม่อาจแตะต้อง เฉินอิ๋งต้องการเก็บเขาไว้ ใช้ตกทังซิ่วไฉหรือคนอื่นๆ ออกมา

“วันนี้ตอนสายทังซิ่วไฉออกจากเรือนมาอีก แต่คราวนี้เขามุ่งหน้าไปโรงรับจำนำ” หม่าโหวเอ๋อร์พูดขึ้นอีก ใบหน้าเหลืองผอมเล็กๆ นั่นเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย

“หลังออกมาจากโรงรับจำนำ ผู้น้อยก็มอบเงินเล็กน้อยให้กับเจ้าหน้าที่โรงรับจำนำ เจ้าหน้าที่คนนั้นกระซิบบอกกับผู้น้อยว่าทังซิ่วไฉมาไถ่ของ ก่อนหน้านี้เขาเงินขาดมือ จึงเอาหยกประดับมาจำนำไว้สองตำลึงเงิน ยามนี้เอาตั๋วจำนำมาไถ่ของคืน เพราะเมื่อสองวันก่อนเขาขายของออกไปไม่น้อย ยามนี้จึงมีเงินทองเหลือเฟือ หยกประดับนั้นถูกเขาไถ่กลับไปแล้ว”

เฉินอิ๋งหรี่ตา

หยกประดับนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีปัญหาอันใดบางอย่าง

หรือว่าเพราะกำลังจะเดินทางไกล ทังซิ่วไฉจึงคิดจะเก็บหยกประดับประจำตระกูลไว้เป็นของที่ระลึก?

เฉินอิ๋งถูด้ามร่มเบาๆ สัมผัสเย็นชุ่มชื้น ลมหายใจฝากแฝงไว้ซึ่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไผ่ เพียงแต่กลิ่นดังกล่าวเปียกชื้นด้วยน้ำฝน ด้ามร่มมันปลาบสีเขียวคล้ายเปียกชื้นอยู่หลายส่วน

“ทว่าชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นสองสามวันนี้กลับหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมออกมา” หม่าโหวเอ๋อร์พูดขึ้นอีก หลังจากนั้นเขาก็ค้อมตัว “ที่ผู้น้อยรู้ก็มีเพียงเท่านี้”

“ขอบใจเจ้ามาก” เฉินอิ๋งพาตนเองออกจากความคิดอ่านเหล่านั้น นางกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้อหยิบเอาเหรียญกษาปณ์ออกมาจำนวนหนึ่ง ยิ้มมอบมันให้กับเขา “เพื่อสืบข่าว เจ้าต้องลำบากไม่ใช่น้อย เงินนี้เจ้ารับไว้เถอะ เอาไปซื้ออะไรอร่อยๆ กิน”

หม่าโหวเอ๋อร์สองตาเบิกกว้าง จ้องมองดูเงินพวกนั้น น้ำลายแทบจะหกออกมากระนั้น

นึกไม่ถึงว่าแทนที่จะรับมันเอาไว้ เขากลับดึงสองมือไปทางด้านหลัง ส่ายหน้าพูดเสียงดัง “อาจารย์ใหญ่เฉินแกล้งผู้น้อยแล้ว ผู้น้อยไหนเลยจะกล้ารับเงินพวกนี้ไว้ หากผู้บัญชาการเยี่ยรู้เข้า ผู้น้อยมีหวังได้ถูกถลกหนังแน่”

เขาพูดพลางถอนสายตาออกจากเหรียญกษาปณ์พวกนั้นอย่างสุดกำลัง ชักเท้าถอยหลังไปสองสามก้าว ท่วงท่าเด็ดเดี่ยวมั่นคง สองมือไพล่หลังค้อมกายแสดงคารวะ ก่อนจะหันหลังวิ่งจากไป

“ช้าก่อน” เฉินอิ๋งรีบเรียกอีกฝ่าย

หม่าโหวเอ๋อร์ว่านอนสอนง่าย เขารีบชะงักเท้า ตอนหันกลับมาสองมือยังคงไพล่อยู่ทางด้านหลัง สีหน้าระแวดระวัง “อาจารย์ใหญ่เฉินต้องการสั่งให้ผู้น้อยทำอันใดกระนั้นหรือ” ตอนพูดเขาเชิดหน้าแอ่นอก พูดจาหนักแน่นเปี่ยมด้วยเหตุผล “หากท่านต้องการตกรางวัลผู้น้อยด้วยเงินพวกนั้น ผู้น้อยมิอาจรับได้ ขออาจารย์ใหญ่เฉินเก็บมันกลับไปเถิด”

พูดถึงท้ายสุด เขาก็ไม่วายกลืนน้ำลายลงคอสองสามคราว

เฉินอิ๋งเกือบหลุดหัวเราะ

เห็นอยู่ชัดๆ ว่ากล่าวปฏิเสธ แต่สายตาของหม่าโหวเอ๋อร์กลับราวกับมีตะของอก ถูกเหรียญกษาปณ์นั่นคว้าวิญญาณไป ใบหน้าเกือบมีคำว่า ‘ข้าอยากได้’ สลักไว้

เฉินอิ๋งยัดเงินพวกนั้นกลับเข้าแขนเสื้อ ดวงตาของอีกฝ่ายฉายแววผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด นางกล่าววาจาน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อเจ้ายืนยันว่าไม่กล้ารับไว้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ฝืนใจเจ้า ไว้อีกสักครู่ข้าค่อยมอบเงินก้อนนี้ให้ผู้บัญชาการเยี่ย ให้นางเป็นคนแบ่งให้พวกเจ้าก็แล้วกัน พวกเจ้าทำงานได้ดีมาก นี่เป็นรางวัลที่พวกเจ้าสมควรได้รับ”

หม่าโหวเอ๋อร์เบิกบานใจยิ่ง รอยยิ้มแขวนประดับอยู่เต็มใบหน้าเล็กๆ นั่น เขาพูดออกมาติดๆ กัน “อาจารย์ใหญ่เฉินดียิ่งนัก ขอบคุณอาจารย์ใหญ่เฉิน”

เฉินอิ๋งโบกมือ พูดวกกลับเข้าเรื่อง “เอาล่ะ พวกเราเข้าเรื่องกันดีกว่า รบกวนเจ้าไปเชิญผู้บัญชาการเยี่ยมา บอกว่าข้ามีเรื่องต้องการให้นางช่วยเหลือ”

หม่าโหวเอ๋อร์ขานรับเสียงดัง วิ่งจากไปด้วยท่าทีลิงโลดยินดี

เพียงไม่นาน ท่ามกลางหมอกฝน เงาร่างของเยี่ยชิงก็ปรากฏขึ้น

คราวนี้นางกลับถือร่มไว้ในมือ ร่มไหมสีดำ ท่าทางยามถือมันไว้แลดูไม่ต่างอันใดกับกุมกระบี่ ถึงจะก้าวย่างเชื่องช้า ทว่าท่าทางยามแหวกฝ่าสายฝนเผชิญหน้ารับลมนั่นหากจะบอกว่ากำลังเดินเข้าสู่ลานประหารก็หาได้เกินเลยไม่

เฉินอิ๋งมองดูนางเดินตรงเข้ามา ครั้นอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก็เอ่ยปาก “ข้ามีเรื่องเรื่องหนึ่งต้องการให้ท่านช่วยเหลือ ท่านแค่บอกว่าได้หรือไม่เท่านั้นก็พอ”

น้ำเสียงสะอาดใสที่ฝากแฝงอยู่กับสายฝนนี้ชวนให้คนฟังรู้สึกสบายใจยิ่งนัก

ใบหน้าของเยี่ยชิงยังคงร้างไร้ความรู้สึก นางเปิดปากกล่าวออกมาคำหนึ่ง “ว่ามา”

เฉินอิ๋งเรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากเสียงแผ่วเบา “ในมือของท่านน่าจะมีคนที่เชี่ยวชาญด้านการขโมยของ ข้าอยากให้เขาไปบ้านของทังซิ่วไฉสักครั้ง เอาหยกประดับชิ้นนั้นมาให้ข้าดู หลังข้าดูเสร็จค่อยเอามันคืนกลับไปให้เขา อย่าให้เขารู้ตัว”

เมื่อครู่ต่อหน้าหม่าโหวเอ๋อร์ เฉินอิ๋งไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ เกรงจะทำให้เด็กน้อยผู้นั้นเสียคน

นอกจากนี้เฉินอิ๋งเองก็ไม่มั่นใจว่าหยกประดับชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่

เพียงแต่ไม่ว่าจะสิงเหว่ยหรือทังซิ่วไฉเฉินอิ๋งล้วนไม่อาจทำการใดให้พวกเขาแตกตื่นตกใจได้ ด้วยเหตุนี้ขอบเขตการเคลื่อนไหวของนางจึงคับแคบยิ่ง นอกจากหยกประดับแล้วก็ไม่มีอื่นใดอีก

“ได้” เยี่ยชิงตอบ คำตอบของนางล้วนสั้นจนมิอาจสั้นได้อีกชั่วนิรันดร์

เฉินอิ๋งรู้ดีถึงอุปนิสัยของอีกฝ่าย ครั้นได้ยินเช่นนั้นนางก็ไม่ถามไถ่อันใดให้มากความอีก หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็เอ่ยปากกำชับ “ถ้าเป็นไปได้ คนที่ทังซิ่วไฉไปพบเจอในช่วงนี้ก็ต้องรบกวนให้ท่านช่วยส่งคนไปจับตาดูด้วย”

เยี่ยชิงมือข้างหนึ่งถือร่ม มืออีกข้างไพล่อยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยปากออกมาคำหนึ่ง “ได้”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินอิ๋งก็หยิบเงินออกมาจากแขนเสื้อ มอบมันให้กับนาง “นี่เป็นเงินเล็กๆ น้อยๆ ท่านเอาไปตกรางวัลให้พวกหม่าโหวเอ๋อร์เถิด เด็กคนนี้ท่านสั่งสอนได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”

เยี่ยชิงมองดูนาง นัยน์ตาฝากแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกประหลาดใจ

นางรับถุงเงินไว้ ชั่งน้ำหนักด้วยความเคยชิน ใบหน้าที่เรียบเฉยอยู่ตลอดกาลยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันใด นาง “อืม” ออกมาคำหนึ่งก่อนจะเก็บถุงเงินเข้าไว้ในแขนเสื้อ

ด้วยเหตุนี้เฉินอิ๋งจึงไม่พูดอันใดอีก

คนทั้งสองเดินออกจากป่าต้นหลิวไปเงียบๆ สวินเจินกับจือสือล้วนตรงเข้ามารับเฉินอิ๋ง พอเห็นเช่นนั้น เยี่ยชิงก็ประสานมือคารวะเฉินอิ๋ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

 

* กระดาษฉานอี้ (กระดาษปีกจักจั่น) เป็นกระดาษคุณภาพดีประเภทหนึ่ง เนื้อกระดาษบางมันวาว

* หวงเหลียน เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน รากมีรสขมมาก

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 29 เม.. 66 เวลา 12.00 .

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

    By

    บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงขนสิ่งเหล่านี้กลับกอง...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่าดำออกจากหมู่บ้านมาก็...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ่า เงาดำสายหนึ่งพลัน...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.4-2.6

    By

    บทที่ 2-4 สามีภรรยาปลอม   6   บนหอทองล่วงเข้ากลางคืนแล้ว รอบด้านล้วนจุดโคมไฟ เปลวไฟลุกโชติช่วง ในมุมที่ซย่าชิงยวนนั่งอยู่นางสามารถมองเห็นสัน...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเร้น ภายใต้ผืนนภาราตร...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3

    By

    บทที่ 2-1 สามีภรรยาปลอม   1   เมื่อลู่หย่วนเดินมาถึงหน้าประตูก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ผลักประตูเปิดออก สิ่งที่ทำให้เขาสติหลุดล...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญู เบื้องหน้าท้องพระโ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com