ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน อัตตา บทที่ 1-บทที่ 2 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน อัตตา บทที่ 1-บทที่ 2

ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าจัดและแทบไม่มีเมฆก้อนใหญ่เลย สภาพเช่นนั้นทำให้อากาศบริเวณสนามกอล์ฟมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่พระอาทิตย์ยังไม่ตรงศีรษะ ก๊วนนักกอล์ฟในชุดสีขาวกำลังยืนจ้องหนึ่งในสมาชิกตั้งวงสวิงของตน เมื่อเขาหวดลูกออกไปแล้วทุกคนก็ปรบมือให้ทั้งที่ไม่มีใครสนใจผลลัพธ์หรือปลายทางของเจ้าลูกกอล์ฟลูกนั้นเลย และแทนที่นักกีฬาทุกคนจะมีความสุขกับการออกกำลังกายยามเช้า พวกเขากลับมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าก๊วน เขายื่นไม้ให้แคดดี้แล้วเดินกลับไปที่รถกอล์ฟซึ่งจอดอยู่ริมสนามหญ้า เพื่อนร่วมก๊วนคนหนึ่งเดินมาประกบเขาในขณะที่อีกสองคนที่เหลือแยกไปขึ้นรถอีกคัน

เมื่อทุกคนนั่งประจำที่รถก็เคลื่อนกลับไปยังสโมสร สีหน้าที่เป็นกังวลของพุฒิสรรค์ทำให้คนที่กำลังเป็นสารถีให้อยู่นั้นไม่กล้าตั้งคำถาม เพียงแต่รอให้ผู้เป็นนายพูดขึ้นมาเอง

“กัมปนาทมารอแล้วใช่ไหม”

“ครับท่าน ผมเพิ่งรับรายงานเมื่อประมาณยี่สิบนาทีที่แล้ว”

เมื่อได้เอ่ยชื่อนั้นขึ้นมาแล้วสีหน้าที่เคยเคร่งยิ่งเพิ่มความดุดันขึ้น นั่นคงเป็นไปตามอารมณ์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบันที่กำลังโกรธอยู่

“เรื่องนี้มันอาจจะถูกใช้เป็นข้ออ้างทำให้อั๊วหลุดจากตำแหน่งได้เลยนะ ไอ้บ้าเอ๊ย…ทำอะไรไม่รู้จักระวังตัว”

ต้นปาล์มขวดที่ปลูกไว้สองข้างทางกับพื้นสนามหญ้าสีเขียวสดไม่ได้ช่วยทำให้อารมณ์ของท่านพุฒิสรรค์ดีขึ้นเลย แต่เขาก็สามารถควบคุมความโกรธเหล่านั้นไว้ได้ดีทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่พาลกับคนอื่นที่อยู่ใกล้ เมื่อรถกอล์ฟเคลื่อนไปจอดที่หน้าบันไดหินอ่อนของอาคารสโมสรนักกอล์ฟก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบอีกนายหนึ่งเดินเข้ามากระซิบกระซาบข้างหูของ ผบ.ตร. คนปัจจุบันทันที

“ท่านกัมปนาทรอท่านอยู่ที่ห้องกระทิงครับ”

“ใครมาบ้าง” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คนเดียวครับ”

“อือ”

เขารับคำแค่นั้นแล้วก้าวลงจากรถ จากนั้นคณะติดตามเล็กๆ ก็เริ่มเดินตามคนเป็นนายไปอีกทอดหนึ่ง

 

ห้องกระทิงเป็นห้องพบปะขนาดเล็กที่มีชุดรับแขกไม้ฝังมุกตั้งอยู่ชุดหนึ่ง บรรยากาศภายในตกแต่งด้วยศิลปะแบบจีน มีทั้งภาพวาดและธงอักษรจีนซึ่งมีความหมายถึงความมั่งคั่งรุ่งเรืองแขวนอยู่บนผนัง ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนั่งหน้าซีดอยู่บนเก้าอี้ แม้เขาจะรออยู่ที่นี่ราวครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ในฐานะของเขาที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะบ่นอะไรทั้งนั้น กัมปนาทเหงื่อแตกซิกทั้งที่นั่งอยู่ในห้องปรับอากาศอย่างดี หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก และเมื่อประตูถูกเปิดออกกัมปนาทก็เลื่อนตัวลงจากเก้าอี้ทันทีโดยที่ไม่มีใครสั่ง เข่าทั้งสองข้างถูกวางไว้บนพื้นห้องที่แข็งและเย็นเฉียบ

ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงฝีเท้าของคนที่เข้ามายืนจนประชิดตัว ชายที่สวมกางเกงขายาวสีขาวกับรองเท้าสีเดียวกันยืนอยู่ห่างจากหัวเข่าของกัมปนาทไปไม่ถึงฟุต เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา ตอนนี้ทำได้แค่เพียง…รอเท่านั้น

ผัวะ!

มือข้างหนึ่งฟาดลงบนใบหน้าซีกซ้ายเต็มแรงจนใบหน้าของกัมปนาทสะบัดแต่ก็ยังไม่มีเสียงพูดใดๆ ต่อกัน จากนั้นการลงไม้ลงมือครั้งที่สองก็ตามมา แต่คราวนี้เป็นบริเวณกกหู คนถูกทำร้ายรู้สึกเหมือนแก้วหูของเขาเกือบแตก มันเจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่เขายังคงกัดฟันแน่นไม่ยอมให้มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของตนเองได้ เพราะไม่เช่นนั้นสถานการณ์คงแย่ไปกว่านี้

“โง่! โง่คนเดียวไม่พอ เกือบจะทำให้กูซวยไปด้วย”

น้ำเสียงที่ด่าทอนั้นมีทั้งความโกรธและรังเกียจ เขาเดินวนกัมปนาทอยู่สองสามรอบก่อนจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นเตะไปที่ชายโครงของคนที่นั่งอยู่

ปึ้ก!

ร่างใหญ่ของกัมปนาทเกือบล้มลง ดีที่สามารถคว้าขอบโต๊ะไม้ฝังมุกไว้ได้ทัน เขารีบกลับมานั่งคุกเข่าลำตัวตรงอีกครั้งและยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพุฒิสรรค์

“นายกฯ หงุดหงิดมากที่รู้ว่ามึงเป็นคนของกู ไอ้พวกที่รอดูอยู่ก็รีบใส่ไฟกันใหญ่ นี่โชคดีแค่ไหนที่มึงไม่ถูกอุ้ม กลับไปขอบคุณบรรพบุรุษมึงได้เลย เพราะถ้าไม่ใช่คนในตระกูลสายตำรวจเก่าแล้วล่ะก็ ป่านนี้มึงได้เข้าไปอยู่ในถังแดง แล้ว”

“ขอโทษครับๆ…ขอบคุณครับท่าน”

กัมปนาทพูดเสียงสั่นพร้อมกับยกมือไหว้ปลกๆ จากนั้นเขาต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกว่าขาของพุฒิสรรค์ขยับเข้ามาใกล้ตนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ถูกทำร้าย ความจริงคือพุฒิสรรค์แค่ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งประจันหน้าแทน

“มองกู…มอง!”

กัมปนาทกลั้นหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ มือสองข้างของเขาทำงานอัตโนมัติทันที นั่นคือการยกขึ้นมาประนมเหนือหน้าผาก สายตาของพุฒิสรรค์แทบจะมีประกายไฟลุกโชนอยู่ในนั้น ใบหน้าที่เคยเห็นว่าใจดีมีเมตตาบัดนี้มันแทบจะกลายเป็นใบหน้าของนักรบที่มีแต่ความโหดเหี้ยม คนแบบนี้แหละที่เขาเรียกกันว่า…ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา

“มึงต้องหายตัวไป…”

“หะ…หาย…ทะ…ท่านครับ อย่าฆ่าผมเลย อย่าทำอะไรผมเลย ไว้ชีวิตผมด้วย”

กัมปนาทมีสภาพที่น่าเวทนานัก เขาร้องไห้ฟูมฟายและกำลังร้องขอชีวิต

“กูไม่ได้จะฆ่ามึง แม้ความจริงอยากจะทำ ถ้าพี่มึงไม่เคยเป็นใหญ่ในกรมกูเก็บมึงไปนานแล้ว ตอนนี้มึงต้องหายหน้าไป เพราะถ้ามึงยังอยู่เรื่องมันจะไม่จบง่ายๆ มึงจะกลายเป็นจุดอ่อนให้กลุ่มของเราโดนโจมตี เข้าใจไหม”

“ละ…แล้วท่านจะให้ผมทำยังไง บอกผมมา ผมยอมทำทุกอย่าง แต่อย่าฆ่าผมเท่านั้น”

“ดี…มึงต้องชดใช้ความผิดที่ได้ทำไว้แน่”

กัมปนาทรู้สึกเสียวสันหลังวูบ แต่ก็ยังดีกว่าต้องตายในถัง เขาไม่อยากถูกเก็บ ถูกฆ่าโดยที่ไม่สามารถหาศพพบ ตอนนี้มีทางเดียวที่จะรักษาชีวิตไว้ได้ นั่นคือการทำตามคำสั่งทุกอย่างของพุฒิสรรค์

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com