บทที่ 2
หัสยุทธไม่ได้บอกใครเรื่องที่เขาขอเข้าพบขจรที่บ้านพักเป็นการส่วนตัว เพราะยังไม่เห็นความสำคัญว่าเรื่องนี้มีความจำเป็นที่ทุกคนในทีมต้องทราบ เขาแค่ต้องการหาข้อมูล หรือถ้ามันจะเลยเถิดเป็นการแหย่รังแตน มันก็น่าจะเป็นเรื่องดีมากกว่าให้ทุกอย่างเงียบเชียบอย่างที่เป็นอยู่ เพราะยิ่งเงียบ การตามหา Satan ก็จะยากขึ้นไปด้วย ดังนั้นเมื่ออยู่ในเวลางานหัสยุทธจึงพูดคุยกับทีมในสิ่งที่พวกเขายังค้างคาใจอยู่เท่านั้น
“ตอนนั้นผมก็รู้จักนรบดีพอสมควร เขาดูไม่เหมือนเด็กฝากของใครเลย เขาเก่งและมีความมั่นใจในตัวเอง…”
หัสยุทธพูดสรุปในห้องประชุมของหน่วยงานเจรจาต่อรองในที่เกิดเหตุอาชญากรรม หลังจากที่ลูกน้องทั้งสามของเขาผลัดกันสรุปรายงานที่ได้จากการสืบค้นประวัติของนรบดีมาให้ โต๊ะกระจกด้านหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคนที่ถูกพูดถึง
“แต่หลังจากผมไปเรียนต่างประเทศก็ไม่ได้ยินเรื่องของเขาอีก”
“แล้วหัวหน้ามั่นใจเหรอครับว่าเขาเกี่ยวข้องกับ Satan”
คำถามของวุฒิภาศทำให้หัสยุทธถอนหายใจหนัก “มันเป็นความต่อเนื่องมาจากคดีที่เกี่ยวข้องกับท่านกัมปนาทซึ่งพวกนายก็รู้กันดีอยู่แล้ว”
“ใช่ครับ พวกเราต่างก็สงสัยว่า Satan จะเป็นตำรวจ”
“นรบดีก็เป็นตำรวจ อย่างน้อยก็เคยเป็น เขารู้จักท่านกัมปนาท ไอ้โอบ แล้วก็ผม นั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่า Satan กับนรบดีมีความเกี่ยวข้องกัน”
“และเรายังมีข้อสันนิษฐานว่า Satan ทำงานกันเป็นทีม นรบดีอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น”
“ใช่ แล้วที่สำคัญที่สุด…”
“อะไรครับ” อาสดาถามเมื่อเห็นหัวหน้านิ่งไป
“ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือคนร้าย” สีหน้าของหัสยุทธดูหนักใจมาก “ในคดีของท่านกัมปนาท เขาเป็นคนเปิดโปงความชั่วของจตุรภัทร* กับตำรวจที่ประพฤติผิด แต่หลังจากนั้นเขากลับมาโจมตีผม นี่แหละเป็นจุดที่ทำให้ผมคิดว่าเขาต้องรู้จักผมดีพอสมควร”
ปารุสก์ยกมือขึ้นเหมือนขออนุญาตออกความเห็น หัสยุทธพยักหน้าให้
“การเข้าถึงข้อมูลหรือการใช้เครือข่ายของตำรวจมันไม่น่าเกิดขึ้นได้หากเขาลาออกไปแล้วนะครับ เรื่องนี้ผมยืนยันได้ว่าสิ่งที่ Satan รู้ไม่ใช่ข้อมูลทั่วไปที่หาได้ง่ายๆ”
ทุกคนในที่ประชุมเชื่อปารุสก์อย่างสนิทใจ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่โต้ตอบกับ Satan ด้วยเทคโนโลยีทางการสื่อสาร แล้ววุฒิภาศยังเสริมต่อ
“หน่วยงานที่พวกเขาเข้าถึงได้มีทั้งหน่วยสื่อสาร งานจราจร ห้องสมุด แล้วอาจจะเป็นฐานข้อมูลบางเรื่องของสถาบันตำรวจด้วย”
“ดูเหมือนจะมีเส้นสายที่ใหญ่เกินหน้าที่หรือตำแหน่งที่เขาเคยมีในสถาบันตำรวจ มันน่าแปลกไหมล่ะ ตัวไม่อยู่แต่ยังเข้าถึงหน่วยงานและข้อมูลสำคัญๆ ได้” หัสยุทธโยนคำถามไปกลางวงสนทนา
“อาจไม่ใช่แค่ทีมเล็กๆ แต่ Satan อาจจะเป็นเครือข่าย” อาสดาตั้งข้อสังเกต
“ถ้าเป็นเครือข่ายจริง มันก็ต้องมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง อย่างนั้นเราก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไร การสร้างกลุ่มหรือทีมขึ้นมาจะต้องมีจุดมุ่งหมาย มีภารกิจ มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ถ้าจะหาเครือข่ายนี้ให้เจอก็ต้องรู้เป้าหมายที่แท้จริงของพวกมัน”
“แล้วเราจะสืบจากอะไรได้บ้างล่ะครับ”
“จากผมนี่แหละ”
คำตอบของหัสยุทธทำให้ทุกคนทำตาโต
“ครั้งสุดท้ายที่สาย Unknown โทรเข้ามาคือเช้าวันที่ผมอยู่กับหมอบุษ”
“อืม…”
เสียงครางในลำคอดังขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็เกิดช่องว่างในอากาศเกือบห้าวินาที หัสยุทธหันมองทุกคนแล้วใช้สายตาแข็งกำราบไว้ ดังนั้นทุกคนจึงพร้อมใจกันทำสีหน้าจริงจังและไม่หลุดยิ้ม
“ผมไม่ได้รับ จากนั้นเขาก็ส่งข้อความมาถามว่า ‘หัวหมุนมั้ย’ …มันกำลังเล่นสงครามประสาทกับผม มันรู้จักคนใกล้ตัวผม”
“หัวหน้ากำลังจะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่าง Satan กับหัวหน้าด้วยงั้นเหรอครับ” วุฒิภาศถาม
“ยังสรุปไม่ได้ตอนนี้ มันเหมือนกับว่าผมไปขวางทางพวกมันอยู่ มันเลยต้องการจะเล่นงานผม แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรไว้”
“หรือพวกมันจะแค้นเรื่องคดีของนายจตุรภัทรมากจนปล่อยวางไม่ได้” อาสดาเสนอความคิดบ้าง “มันแค้นที่เราเข้าไปแทรกเรื่องของมันกับการเปิดโปงนายจตุรภัทรกับพวก”
“นายพูดแบบนี้ทำให้ผมคิด…” แล้วหัสยุทธก็เงียบไปอีก ทุกคนกลั้นใจรอว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป “พวกมันแสดงบทคนดีเพื่อปราบตำรวจเลว แล้วถ้ามันเป็นตำรวจจริง มีเส้นสาย มีพวกพ้อง อย่างนั้นก็แสดงว่ามันมีทั้งมิตรแล้วก็ศัตรูในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วไงต่อวะ…”
หัสยุทธจนมุมกับความคิดของตัวเองจนได้ ทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะถึงยังไงก็ไม่รู้อยู่ดีว่า Satan ต้องการอะไร
“อย่างนี้เราก็ต้องรออย่างเดียวสิครับ เพราะถ้ามันไม่ปรากฏตัวออกมาเอง เราก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหามันได้จากที่ไหน” วุฒิภาศสรุป
“นายนรบดีไง” ปารุสก์บอก “อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเขาเปลี่ยนชื่อ มีงานมีการทำ แต่เท่าที่ผมค้นดูจากแฟ้มคดีอาชญากรรมต่างๆ ไม่มีชื่อนี้อยู่เลย เขาไม่เคยทำอะไรผิด”
“ก็ทำได้อย่างมากที่สุดคือ เฝ้าดูอยู่ห่างๆ เพราะถ้ามันรู้ตัว มันอาจจะแว้งกลับมากัดเราอีก ถ้าข้อสันนิษฐานเราเป็นจริงก็อย่าเพิ่งทำให้มันโกรธตอนนี้จนกว่าเราจะรู้วัตถุประสงค์ของ Satan…เข้าใจที่ผมพูดมั้ย”
“ครับ”
ทุกคนรับปากกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ทำอย่างเงียบเชียบที่สุด