เมื่อบุษบงกชกับหัสยุทธจูงมือกันเข้ามาพบชนกานต์กับพิมพ์กมลอย่างเป็นทางการแล้ว ทุกคนในบ้านต่างก็รู้ทันทีว่าจะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้นในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน เพราะหัสยุทธแสดงถึงความมุ่งมั่น จริงใจ และตัวบุษบงกชเองก็ต้องการให้บิดามารดาของตนเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกเขาในครั้งนี้ ด้วยอายุและวุฒิภาวะของคนทั้งคู่นั้นไม่มีสิ่งใดบกพร่องหรือจะเอามาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ได้ ชนกานต์กับพิมพ์กมลจึงอนุญาตให้คนทั้งคู่แต่งงานกัน ส่วนรายละเอียดในเรื่องพิธีการนั้นว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะรับผิดชอบเองทั้งหมด คนทั้งคู่ไม่ต้องการให้ผู้ใหญ่ต้องเดือดร้อนวุ่นวายไปด้วย
“หลังจากแต่งเขาจะไปอยู่กันที่ไหน…คอนโดฯ ยายบุษเหรอ”
คนที่ทำท่าว่ากำลังสนใจอ่านหนังสือพิมพ์ในมือนั้นจู่ๆ ก็ตั้งคำถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พิมพ์กมลต้องวางมีดปอกผลไม้ในมือลงก่อนตอบสามี
“ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับลูกเลยค่ะ แต่เห็นว่าสารวัตรเขาก็มีทาวน์เฮ้าส์อยู่”
“แต่ป้าของเขาก็อยู่ด้วย…มันจะสะดวกเหรอ”
พิมพ์กมลยิ้มน้อยๆ คนที่วางท่าเหมือนไม่มีอะไรเป็นกังวลต่อหน้าลูกนั้นขณะนี้กลับดูแอบห่วงอยู่ ชนกานต์เป็นพ่อที่ห่วงใยลูกสาวแต่ไม่ชอบพูดจากันตรงๆ มักจะคอยเซ้าซี้ถามจากคนเป็นแม่ นัยว่าไม่กล้าวุ่นวายกับลูกแต่ก็อยากรู้
“ก็คงแบ่งเป็นสัดเป็นส่วนแหละค่ะ สารวัตรเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาเข้าใจโลกและคงไม่ปล่อยให้ลูกของเราลำบากหรืออึดอัดใจหรอก อีกอย่างยายบุษเองก็น่าจะจัดการทุกอย่างได้”
“อย่าเพิ่งให้ลูกขายคอนโดฯ ทิ้งก็แล้วกัน เผื่อว่า…”
“อะไรคะ นี่ลูกยังไม่ทันแต่งก็จะให้เตรียมตัวหย่าแล้วเหรอ”
ชนกานต์พับหนังสือพิมพ์ในมือแล้วถอนหายใจหนัก “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็พูดเผื่อไว้ว่าถ้าเกิดเบื่อบ้านของสารวัตรขึ้นมาจะได้หลบมานอนคอนโดฯ บ้างต่างหาก”
“อ๋อ…” พิมพ์กมลแอบขำ
“เฮ้อ ตอนที่เจ้าลูกชายแต่งเขาขอให้เราช่วยจัดการเรื่องบ้าน เรื่องโน้นเรื่องนี้ นี่ลูกสาวแท้ๆ กลับไม่ขอความช่วยเหลืออะไรเลย”
“เหงาเหรอคะ หรือน้อยใจ”
“ก็…ไม่เชิง” ชายชรายังไม่อยากยอมรับความจริง
“เราต่างก็รู้นิสัยของลูก ให้เขาทำเอง ตัดสินใจเองเถอะ วันหน้าถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาเขาจะได้ไม่โทษเราได้ว่าเป็นต้นเหตุ ยายบุษเป็นพวกหัวแข็ง ขืนไปยุ่งมากๆ จะรำคาญเราเอาได้”
“ดูคุณจะทำใจได้ดีกว่าผมนะเนี่ย”
พิมพ์กมลหัวเราะคิกคัก “พออะไรๆ มันลงตัวแล้วฉันก็พอทำใจได้แหละ สารวัตรดูรักลูกของเราดี ยายบุษก็ไม่เคยมีใคร เห็นมองเขาตาหวานเชื่อมขนาดนั้นฉันก็คิดว่าคงเป็นคนนี้จริงๆ นั่นแหละค่ะ แต่ความรู้สึกของคุณ ฉันคิดว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวมากกว่า คุณก็เลยห่วงยายบุษมากกว่าตาวุฒิ ยิ่งเขาไปอยู่กันไกลหูไกลตาก็เลยห่วงมากหน่อย แต่เดี๋ยวก็ชินค่ะ จำไม่ได้เหรอว่าตอนลูกซื้อคอนโดฯ เราก็เป็นแบบนี้กันไปรอบหนึ่งแล้ว”
“ก็จริง ยิ่งโตก็ยิ่งห่างจากอกไปเรื่อยๆ แล้วนี่ป้าของเขานัดเราเมื่อไรนะ”
“สัปดาห์หน้าค่ะ นัดทานข้าวประจำเดือนของครอบครัวเรานั่นแหละ ยายบุษว่าสะดวกดี”
“อืม ก็ดี เขาอายุเยอะกว่าเรานิดหน่อยนี่นะ ให้เกียรติเขาหน่อย”
“คนแบบไหนกันนะที่ยอมเลี้ยงเด็กที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวมานานหลายสิบปี ฉันอยากรู้จักจริงๆ”
คู่ชีวิตวัยเกษียณที่ไม่มีเรื่องอะไรคิดนอกจากเรื่องของลูกหลานยังคงนั่งคุยกันไป ปรับทุกข์กันไป แต่โดยรวมแล้วทั้งสองก็มีความสุขกับการตัดสินใจแต่งงานของบุษบงกชอยู่มาก คงเหลือแต่การค่อยๆ ปรับตัวรับหัสยุทธเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกคน ด้วยความที่มีเวลาทำความรู้จักกันน้อยจึงทำให้ไม่รู้สึกสนิทสนมกันมากนัก นั่นก็กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ทั้งสองยังคงเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวของพวกเขาอยู่