LOVE
ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน อัตตา บทที่ 1-บทที่ 2
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จคนทั้งคู่ก็กลับมาที่คอนโดมิเนียมของบุษบงกชอีกครั้ง วันหยุดของพวกเขากลายเป็นวันเตรียมการจัดงานแต่งงานไปด้วย เนื่องจากคุณหมอกับสารวัตรต่างก็มีภารกิจรัดตัวด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นการวางแผนที่ดีจึงเป็นเรื่องจำเป็น หัสยุทธอาบน้ำเสร็จแล้วก็มาสมทบกับบุษบงกชที่โซฟาในห้องรับแขก อีวี่กำลังเดินไปมาทั่วพื้นห้อง แต่แขกร่างใหญ่ก็ดูเหมือนจะเริ่มคุ้นชินกับมันแล้ว นึกเสียว่าเป็นเจ้าเดือนเสี้ยวอีกตัวที่เขาต้องคอยระวังไม่เดินไปเหยียบมันเข้า
ว่าที่เจ้าสาวนุ่งกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด เธอนั่งขัดสมาธิ กางสมุดบันทึกที่มีตารางนัดต่างๆ ไว้บนตัก มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ ส่วนข้างตัวอีกฝั่งเป็นโน้ตบุ๊กที่เปิดเว็บไซต์เกี่ยวกับบริษัทจัดงานแต่งงานไว้ ตอนนี้ผมยาวของคุณหมอกึ่งเปียกกึ่งแห้งมันจึงดูฟูฟ่องกว่าที่เขาเคยเห็น ใบหน้าขาวกระจ่างไม่มีเครื่องสำอางหลากสีนอกจากครีมบำรุงผิว ริมฝีปากขมุบขมิบคล้ายกับกำลังท่องจำอะไรบางอย่าง หัสยุทธเดินมาหยุดหน้าโซฟาแล้วกอดอกมองเธอด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“ยากกว่าผ่าศพไหม”
บุษบงกชหยุดสนใจงานในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนกวน “ยากกว่าค่ะ เพราะผ่าศพมีลูกมือ แต่งานนี้ต้องทำคนเดียว”
ปลายประโยคกดเสียงต่ำจนคนถามเสียวสันหลัง เขายิ้มเอาใจแล้วพยายามหาที่นั่งข้างตัวเธอจนสำเร็จ
“ผมไม่รู้จะช่วยยังไงนี่นา คอยตามใจอย่างเดียว อยากได้อะไรบอกเดี๋ยวจัดการให้ สั่งมาเลย”
คุณหมอทำปากยื่น แกล้งงอนแล้วหันไปสนใจแผนงานของตัวเองอีกครั้ง หัสยุทธรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวแถมยังไงชอบกล ระหว่างนั้นก็เอาแต่นั่งมองอีวี่วิ่งไปวิ่งมาทั่วห้อง เจ้าเครื่องดูดฝุ่นยังมีประโยชน์มากกว่าเขาเลย บุษบงกชพอจะจับความรู้สึกของเขาได้ เธอจึงวางสมุดบันทึกในมือลงแล้วหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาวางบนตักแทน
“งั้นเลือกชุดดีกว่า คุณชอบแบบไหน” เธอยิ้มหวานฉ่ำอย่างเอาใจ “ช่วยคิดหน่อยสิคะ”
ดวงตาใสแป๋วคู่นั้นมันทำให้คนอยู่ใกล้ใจสั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ แล้วจู่ๆ หัสยุทธก็เอี้ยวตัวแล้วประคองใบหน้าของเธอด้วยมือใหญ่ทั้งสองข้างของเขาก่อนที่จะประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อื้อ…”
คนถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวอุทธรณ์เล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยเลยตามเลยให้เขาจูบจนพอใจ รสจูบคราวนี้ไม่หวือหวา ร้อนแรง แต่กลับบรรจงอ้อยอิ่งคล้ายกับกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุข เมื่อหัสยุทธผละออกแล้วบุษบงกชก็เอาแต่จ้องมองเขานิ่งด้วยแววตาเป็นประกาย คนถูกมองกลับเป็นฝ่ายเขินซะเองที่ทำอะไรลงไปอย่างเมื่อครู่
“ฉันหมายถึง ‘think’ ค่ะ ไม่ใช่ ‘kiss’ ซะหน่อย”
“อ๋อเหรอ สงสัยจะฟังผิด” เขาแกล้งตีมึนแล้วยื่นมือไปหยิบโน้ตบุ๊กของเธอมาวางบนตักของตัวเอง “ไหนเอามาดูซิ”
บุษบงกชยิ้มขำกับท่าทางเหมือนเด็กโดนจับผิดของเขา เธอเคยชินกับการสัมผัสจากเขาแล้ว และทุกครั้งที่ทั้งคู่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมันยิ่งตอกย้ำให้เธอเชื่อมั่นว่าคนคนนี้คือคนที่จะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอดชีวิต
“ใส่สีดำจะหล่อมั้ย” หัสยุทธถามขึ้นมาลอยๆ
“ชัวร์…เสื้อยืดคอวีสีดำของคุณทำให้ฉันคลั่ง”
คุณหมอสารภาพแล้วเอียงศีรษะไปวางไว้ตรงบ่าของเขา หัสยุทธได้ยินแล้วก็หัวเราะในลำคอทันที
“ผมรู้…เลยใส่บ่อยๆ ไง”
คุณหมอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างของเขา “เจ้าเล่ห์…”
หัสยุทธหัวเราะ แต่บุษบงกชกลับขมวดคิ้ว
“นี่ฉันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย บ้าจริง”
นายตำรวจหนุ่มใหญ่ก้มลงไปจูบที่หน้าผากของเธอเร็วๆ อย่างให้กำลังใจว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็ลงเอยกันแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าไปกังวลกับการปล่อยไก่ของเธอในอดีตเลย
“แล้วคุณจะใส่ชุดไหน”
“ใส่แบบที่โป๊ๆ หน่อย”
“หืม…” คนฟังหันขวับมาด้วยสายตาสงสัยปนดุ “ไม่ได้ ไม่อนุญาต”
คุณหมอลอยหน้าลอยตาบอก “ไม่ได้ขออนุญาต”
“เดี๋ยวๆๆ มาตกลงกันก่อน ทำไมจู่ๆ เกิดอยากจะแต่งตัวโป๊ ปกติก็ปิดมิดชิดดี”
“หวงเหรอ”
“มากกกกกกก…”
“ใครอยากจะดูผู้หญิงวัยสามสิบเศษแต่งตัววับๆ แวมๆ”
“ผมไง”
บุษบงกชหัวเราะแล้วหันหน้าจอโน้ตบุ๊กมาฝั่งตน ก่อนที่จะเปิดภาพชุดแต่งงานภาพหนึ่งซึ่งได้บันทึกไว้ก่อนหน้าให้ว่าที่เจ้าบ่าวตรวจสอบ มันเป็นชุดแต่งงานสีงาช้างที่ด้านหน้าชายกระโปรงอยู่แค่ช่วงเข่าแต่มีหางยาวระพื้นเป็นเมตร ส่วนตัวเสื้อด้านหน้าเป็นคอวีลากลึกเกือบถึงสะดือ มีผ้าโปร่งบางๆ ปิดระหว่างร่องอก แขนเสื้อเป็นผ้าชนิดเดียวกันยาวถึงข้อมือ ส่วนด้านหลังก็คว้านลึกจนแทบจะเปลือยแผ่นหลัง ทั้งชุดนั้นปักด้วยคริสตัลเม็ดเล็กจนดูพริบพราวไปหมด หัสยุทธเห็นแล้วก็ส่ายหน้าเร็วๆ จนว่าที่เจ้าสาวหน้างอ
“ทำไมคะ สวยออก”
“ถ้าอยากใส่จริงก็ใส่ให้ผมดูคนเดียวพอ”
เธอหัวเราะคิก “ซื้อชุดเจ้าสาวมาใส่ให้เจ้าบ่าวดูคนเดียวเนี่ยนะคะ”
“ใช่ แล้วใส่ชุดอื่นที่ไม่โป๊ไปในงานแทน คุณสวยใส่อะไรก็สวย ไม่จำเป็นต้องโป๊เลย อีกอย่างถ้าใส่ชุดนี้นะผมต้องเร่งให้งานพิธีการจบลงไวๆ แน่ หรือไม่ก็ไม่ต้องลงไปเลี้ยงฉลองอะไรทั้งนั้น อยู่มันแต่บนห้องนี่แหละ”
คราวนี้คุณหมอขำจนตัวโยน “หื่น”
“รู้ก็ดี จะได้ไม่ยั่วผม ไม่งั้นตัวคุณนั่นแหละที่จะลำบากเอง”
บุษบงกชมองค้อนเพราะเขินจัด จากนั้นก็เลื่อนภาพชุดแต่งงานชุดอื่นขึ้นมาให้ว่าที่เจ้าบ่าวดูใหม่ “ชุดนี้ต่างหาก”
หัสยุทธยิ้มอย่างพอใจกับชุดกระโปรงสุ่มเหมือนเจ้าหญิงในนิทานฝรั่ง “อันนี้เลย ผมชอบ”
“อนุรักษนิยมมาก” บุษบงกชประชด
“จะบอกว่ารสนิยมของคนแก่ก็พูดมาเถอะ…ไม่เจ็บหรอก”
บุษบงกชหัวเราะเสียงดัง เธอชอบช่วงเวลาเช่นนี้มากที่สุด ได้พูดคุย หยอกล้อ แล้วก็หัวเราะไปด้วยกัน ยิ่งมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยเท่าไร ช่วงเวลานั้นก็ยิ่งมีค่ามากสำหรับเขาและเธอ ยิ่งใกล้ชิดยิ่งรู้สึกผูกพันและรักเขามากขึ้นทุกวัน จนบางครั้งเธอเริ่มกลัวว่าตัวเองจะยึดติดกับเขามากจนเกินไป จากที่เคยใช้ชีวิตอยู่ได้เพียงลำพัง เมื่อมีเขาเข้ามาความรู้สึกในใจเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอหลงใหลกลิ่นกายของเขา รักความอบอุ่นจากอ้อมแขนและอกแข็งแรง เธอไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้หายไป ยิ่งรู้สึกเป็นเจ้าของมากเท่าไรก็ยิ่งหวงและห่วงมากขึ้นเท่านั้น
“เอ่อ แล้วเรื่องที่อยู่…ตกลงคุณจะเอายังไง ผมอยากให้คุณเป็นคนตัดสินใจ”
เมื่อหัสยุทธเอ่ยถึงเรื่องนี้คนถูกถามก็นั่งตัวตรงทันที เธอเงียบไปอย่างคนใช้ความคิดจนนายตำรวจหนุ่มใหญ่รู้สึกว่าตัวเองกลั้นหายใจรอฟังนานเกินไปแล้ว เขาจึงถามซ้ำ
“พูดมาได้เลยนะ ผมอยากให้คุณสบายใจ”
“อืม ยังไงดี ความจริงฉันอยากให้คุณย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะมันสะดวกเวลาเราไปทำงานกันทั้งคู่ แต่…ฉันก็รู้ว่าคุณมีคุณป้าดาวอยู่ ถ้าทิ้งท่านไว้คนเดียว ฉันก็จะดูเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไป”
หัสยุทธเข้าใจความรู้สึกของคนรัก เขาก็คิดถึงประเด็นนี้เหมือนกันกับเธอ
“ถ้าอย่างนั้นก็เห็นจะมีแค่ทางเดียวคือ ไปๆ มาๆ ระหว่างคอนโดฯ ของฉันกับบ้านของคุณ” บุษบงกชยิ้มอย่างเอาใจแต่มันก็ยังดูแห้งแล้ง
“แต่ถ้าเราคิดจะมีลูก แบบนั้นมันก็ดูจะไม่นิ่ง ไม่มั่นคงสำหรับลูกนะ นอนตรงนั้นทีตรงนี้ทีมันดูเหมือนพวกนกหลงรัง คุณคิดไหมว่าถ้าเราซื้อบ้านหลังใหม่แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันสามคน…” หัสยุทธทิ้งท้ายคล้ายกับลองหยั่งเชิงบุษบงกช เมื่อเห็นเธอเอาแต่มองตาแป๋ว เขาจึงพูดต่อ “มันอาจจะดีกว่าแยกกันอยู่ อย่างน้อยก็จะได้ดูแลกัน”
“หรือเราจะจัดการเรื่องที่อยู่ก่อนแล้วค่อยแต่งงาน”
นายตำรวจร่างใหญ่ขมวดคิ้วทันที “ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ก็แต่งก่อนนี่แหละ เรื่องบ้านค่อยขยับขยายก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากขายคอนโดฯ ผมจะขายบ้านเอง”
“อุ๊ย เดี๋ยวค่ะ นี่คุณคุยกับป้าดาวรึยัง อย่าด่วนผลีผลามตัดสินใจนะคะ ฉันไม่อยากให้ป้าดาวเข้าใจฉันผิดว่าเป็นคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านกับชีวิตของคุณ”
“ก็ยังไม่ได้คุย แต่ป้าดาวเป็นคนที่เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต ถ้าเราคุยกับท่านด้วยเหตุผล ยังไงท่านก็จะเข้าใจ”
คุณหมอลอบถอนหายใจ ผู้ชายมักจะคิดว่าทุกอย่างง่ายไปซะหมด แต่ผู้หญิงอย่างเธอจำเป็นต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ ละอองดาวเป็นคนเลี้ยงดูหัสยุทธมา ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ เธอไม่อยากผิดใจกับผู้มีพระคุณของคนที่เธอรักไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดๆ ก็ตาม เธอไม่อยากให้เกิดสิ่งกระทบกระเทือนจิตใจของหญิงชรา คนทั้งคู่ต้องพยายามหาทางออกสำหรับเรื่องนี้
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 ส.ค. 62)