พบกับเรื่องราวความรักแสนหวาน และดราม่าเข้มข้นใน ‘เจ้าสาวสโลว์ไลฟ์’ โดย นัทธิมา

‘แล้วเมื่อไรจะเรียนต่อ’
อิศยาเบะปากด้วยความระอา เจอหน้าทีไรหมอปาลก็ชอบถามเรื่องนี้
‘เมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละค่ะหมอ’
‘อย่ามากวน นี่ถามดีๆ’
‘ก็เอ๋ยไม่ได้อยากเรียนต่อนี่คะ เอ๋ยชอบทำงาน ชอบหาเงินเยอะๆ สนุกดี’
‘งานอะไร’
‘ก็ทำปิ่นโตขายแล้วก็ช่วยพ่อดูแลอู่ไงคะ’

     ‘อิศยา’ เป็นผู้หญิงรุ่นใหม่ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ไม่ใช่การคิดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เธอยังลงมือทำอย่างที่คิดจริงๆ หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลายเธอก็ตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพราะชื่นชอบการค้าขายอย่างมากจึงมุ่งมั่นสู่เส้นทางสายนี้โดยไม่ลังเล ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ไม่สำคัญ ขอเพียงพ่อและเพื่อนสนิทของเธอเข้าใจก็เพียงพอแล้ว

     เริ่มต้นด้วยการเล่าถึง ‘อิศยา’ นางเอกจากเรื่อง ‘เจ้าสาวสโลว์ไลฟ์’ ผลงานล่าสุดของ ‘นัทธิมา’ ถ้าหากดูผิวเผินจากชื่อเรื่องแล้วหลายคนอาจคิดและเดาว่านิยายเรื่องนี้คงมีความเรียบง่าย สบายๆ และละมุนละไมเหมือนชื่อเรื่อง ซึ่งก็ไม่ผิดนักนะคะ เพราะว่า ‘เอ๋ย หรืออิศยา’ นางเอกของเรื่องมีบุคลิกเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง และยังชื่นชอบการใช้ชีวิตตามวิถีสโลว์ไลฟ์อีกด้วย แต่นอกจากความง่ายๆ สบายๆ ของตัวละครหลักในเรื่องแล้ว เจ้าสาวสโลว์ไลฟ์ก็ยังเต็มไปด้วยความเข้มข้นและปมปัญหาครอบครัวให้หลายคนได้ร่วมลุ้น อิน ให้ทุกคนได้คอยส่งกำลังใจให้เหล่าตัวละครทุกตัวในเรื่อง เกริ่นมาขนาดนี้ พร้อมจะไปทำความรู้จักนิยายเรื่องนี้กันให้มากขึ้นหรือยังคะ? ถ้าพร้อมแล้วตามแจ่มมาเลยค่ะ

     ในปัจจุบันที่โลกดูเหมือนว่าจะหมุนเร็วขึ้น คนรุ่นใหม่ต่างมีความฝันและความคิดเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ‘อิศยา’ ตัดสินใจไม่เรียนต่อ หันเหชีวิตไปสู่การทำงานที่เธอชื่นชอบ นั่นคือการรับทำปิ่นโตส่งให้กับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ในที่ว่าการอำเภอ มีลูกค้ากว่าสี่สิบรายได้ผูกปิ่นโตกับเธอ โดยมีเสียงตอบรับจากผู้ที่เคยได้ทานอาหารฝีมือของเธอเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นพอมีเวลาว่างเธอก็หารายได้เสริมด้วยการนำปลาหรือวัตถุดิบท้องถิ่นมาแปรรูปแล้วขายผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ที่ทำให้เธอมีความสุขมากขึ้นคือการที่เธอได้ดูแลพ่อ มีเวลาว่างก็จะนั่งชิลตกปลา จิบกาแฟกระป๋อง นั่งห้อยขาอยู่ริมน้ำ ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์อย่างที่เธอชอบ

‘ได้พบกัน’

     ‘อิศยา’ หรือ ‘เอ๋ย’ ใช้ชีวิตเรียบง่ายและมีความสุขอยู่ที่โคกเสือเผ่นซึ่งเป็นอำเภอเล็กๆ จนกระทั่งได้พบกับ ‘หมอปาล’ คุณหมอสุดหล่อที่มาเป็นหมอใช้ทุนในโรงพยาบาลของอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ หลังได้พบกันหมอปาลก็เริ่มสนใจในตัวของอิศยามากขึ้นเรื่อยๆ และมักจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของเธอ จนกระทั่งขอผูกปิ่นโตกับเธอ หลังอิศยารับออเดอร์จากเขา หมอปาลก็มักจะเขียนข้อความใส่ในกระดาษเล็กๆ มาให้พร้อมปิ่นโตที่ถูกส่งกลับมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเธอ

     จนกระทั่งในคืนฝนตกหนักที่คุณหมอหนุ่มคิดจะยืมรถมอเตอร์ไซค์เพื่อขี่กลับไปยังโรงพยาบาลหลังจากนำรถยนต์ของตัวเองมาซ่อมที่อู่ของคุณพ่อของอิศยา ทว่าคุณพ่อของอิศยาเห็นว่าฝนตกหนักและหมอปาลไม่ชำนาญทางนักจึงอาสาขับรถกระบะไปส่งเขา ทว่าถนนที่ลื่น ทางที่มืด ทำให้อุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดและไม่มีใครคาดคิดได้เกิดขึ้น และอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นได้พรากพ่อของอิศยาไป กลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ ทว่าหมอปาลกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แม้อิศยาจะรู้ว่าไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น แต่ก็ยังอดรู้สึกโกรธเคืองไม่ได้ นั่นทำให้เธอเองยังไม่สะดวกใจนักที่จะพบเจอเขา

‘ความพลัดพรากและจุดเริ่มต้น’

      หลังคุณพ่อของอิศยาเสียชีวิต พิธีเผาศพยังไม่ทันเสร็จสิ้น คุณป้านงพะงาซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของหญิงสาวก็ได้มาแจ้งว่าพ่อของเธอเป็นหนี้ และเธอจะต้องชดใช้หนี้นั้นแทนผู้เป็นพ่อภายในระยะเวลาที่เจ้าหนี้กำหนดไว้ ทว่านงพะงารู้ว่าหลานสาวผู้นี้ไม่มีเงินที่จะชดใช้จึงยื่นข้อเสนอให้อิศยาไปเป็นเมียของเสี่ยซ้ง เจ้าของโรงสีประจำโคกเสือเผ่นผู้เป็นเจ้าหนี้ เมื่อหมอปาลรู้เรื่องทั้งหมดเขาจึงขอชำระหนี้แทนเพื่อรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อิศยาไม่ใช่หญิงสาวที่จะยอมให้ใครมาชดใช้อะไรแทนตัวเอง เธอจึงถามหมอปาลว่าเขาต้องการอะไรเป็นการตอบแทน และคำตอบที่ได้รับจากหมอปาลก็คือ “แต่งงานกับฉันนะเอ๋ย” เพราะเขารู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรเธอคงไม่ยอมให้เขาช่วยเหลือง่ายๆ จึงต้องยื่นข้อเสนอเช่นนี้ หลังจากทั้งคู่พูดคุยตั้งข้อตกลงกัน การแต่งงานจึงเกิดขึ้น

‘ยิ่งใกล้ชิดยิ่งผูกพัน’

     หลังอิศยาและหมอปาลตั้งข้อตกลงและพูดคุยกันเรื่องการแต่งงานเรียบร้อย ทั้งคู่ก็เริ่มเปิดใจให้กันมากขึ้น ได้พบกันบ่อยขึ้นจนกระทั่งเข้าสู่พิธีแต่งงาน และความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็แน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน

“ฉันไม่ได้แต่งฟรีๆ เสียหน่อย ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไรคะ”
“เธอส่งปิ่นโตให้ฉันทุกวันได้ไหม”
อิศยาหน้าเหวอเบิกตามองเขาด้วยความงุนงง
“แค่นี้เหรอคะ”
“อืม แค่นี้แหละ ถือเสียว่าใช้หนี้เงินล้านด้วยอาหารอร่อยๆ แล้วกัน”

“ความรักไม่ได้มีเฉพาะความสุข”

      เมื่อแต่งงานกันแล้วหมอปาลและอิศยาต่างก็เริ่มเปิดใจ ทั้งคู่ต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ทว่าหลังพ่อกับแม่ของหมอปาลรู้ข่าวการแต่งงานของทั้งคู่ แม่ของหมอไม่พอใจอย่างมากเพราะหล่อนคิดว่าอิศยานั้นไม่เหมาะสมกับลูกชายของตน ด้านพ่อของหมอปาลกลับเลือกที่จะทำข้อตกลงกับอิศยาให้พูดคุยกับหมอปาลเพื่อขอให้ลูกชายตัวเองกลับมาอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ หวังสานสัมพันธ์ครอบครัวที่แตกร้าวเพราะปัญหาบางอย่าง ทว่าเมื่ออิศยายอมย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เรื่องราวกลับยิ่งเลวร้าย และความรักของทั้งคู่ก็พบเจอกับอุปสรรคมากมายจนผู้อ่านต้องคอยเอาใจช่วย และอาจหัวเสียกับผู้เป็นมารดาของหมอปาลว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงได้ยึดติดกับแนวคิดของตัวเองเสียจนบีบคั้นลูกชายเช่นนั้น
      แล้วงานนี้ทั้ง ‘อิศยา’ และ ‘ปาล’ คู่รักต่างวัยแต่มีความรักที่มั่นคงให้กันจะผ่านพ้นอุปสรรคที่หนักหนานี้ไปได้อย่างไร และจะสามารถกลับมามีความสุขอีกครั้งได้หรือไม่ ติดตามกันได้ใน ‘เจ้าสาวสโลว์ไลฟ์’ นะคะ

      นอกจากเรื่องราวความรักลึกซึ้งของคู่รักต่างวัยที่จะสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนๆ แล้ว ผู้เขียนยังสอดแทรกแนวคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและพยายามสร้างความมั่นใจให้กับผู้อ่านที่อาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตไปตามขนบธรรมเนียมของสังคมอีกด้วย สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจนิยายรัก-โรแมนติกที่มีครบรสทั้งหวาน ซึ้ง และยังมีปมเข้มข้นให้ติดตามอย่างเรื่อง ‘เจ้าสาวสโลว์ไลฟ์’ สามารถสั่งซื้อได้ผ่านหลากหลายช่องทาง

- ช้อปออนไลน์กับแจ่มใส : คลิกที่นี่
- ช้อปที่ Jamclub (ซอยแซมมี่ อยู่ในซอยด้านข้างเมเจอร์ สาขาปิ่นเกล้า) หรือช็อปออนไลน์กับ Jamclub คลิกที่นี่
- ช้อปผ่านทาง Shopee jamsai_official : คลิกที่นี่
- ช้อปที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ