คำนี้ฟังดูเหินห่างขัดหูเสียเหลือเกิน ลู่อู๋เซิงไม่ตอบรับอะไร นางยังไม่พอใจเขาอยู่จริงๆ มิฉะนั้นไม่มีทางกล่าววาจาเช่นนี้แน่ หลังเฝ้ามองนางก้าวเข้าประตูบ้าน เขาก็เดินออกจากตรอกนั้น ตั้งใจจะไปพบสหายสนิทในราชสำนักเพื่อหาทางยับยั้งติ้งเป่ยโหวเอาไว้ ถ้าหากติ้งเป่ยโหวยังบีบคั้นไม่เลิกรา เขาคงต้องไปคารวะเยี่ยมเยียนที่จวนโหวโดยตรง อาศัยชื่อของบิดาถ่วงเวลาเอาไว้ชั่วคราว แต่ทำเช่นนี้นับเป็นการสร้างศัตรูให้สกุลลู่แล้ว ยิ่งมองไกลไปถึงวันหน้า ก็ไม่เป็นประโยชน์กับสกุลลู่เลย
เขาเพิ่งสาวเท้าเดินจากไปก็มีข่าวส่งมาถึงสกุลอวิ๋น
ทางเดินในคฤหาสน์สกุลอวิ๋นทอดตัวยาว กระทั่งทางเดินส่วนหน้าอวิ๋นจ้าวยังเดินไม่ทันพ้น ก็มีคนเดินโซซัดโซเซเข้าประตูมา นางหันกลับไปมองก็เห็นว่าคนผู้นี้เป็นเด็กรับใช้ข้างกายบิดา นางรู้สึกเห็นท่าไม่ดีแล้ว รีบถามด้วยความร้อนใจว่า “ท่านพ่อข้าล่ะ?”
เด็กรับใช้ผู้นี้มีท่าทางตื่นตระหนกไม่น้อย น้ำเสียงยังคงสั่นไหว “นาย…นายท่านถูกคนของทางการจับตัวไว้แล้วขอรับ!”
อวิ๋นจ้าวตะลึงงัน “เหตุใดพวกเขาต้องจับพ่อข้าเอาไว้ด้วย”
เด็กรับใช้ใบหน้าซีดขาว ยังไม่ทันเรียกสติกลับมาได้ครบ “บ่าวก็ไม่ทราบแน่ชัด รู้แต่ว่านายท่านจะไปเจรจาด้วยเหตุผล ใครจะคิดว่าเพิ่งปรากฏตัว ใต้เท้าหลี่ผู้นั้นก็บอก ‘ใครใช้ให้เจ้ามีเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่อง’ จากนั้นก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ในจวนเข้าจับกุมนายท่านขอรับ”
อวิ๋นจ้าวขมวดคิ้วแน่นจนหน้าผากย่นเป็นปม ดูท่าติ้งเป่ยโหวไม่เพียงคิดลงมือกับกิจการของสกุลอวิ๋น แต่คิดจะลงมือกับคนในสกุลอวิ๋นด้วย
ตอนนี้นางกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก สอบถามบ่าวรับใช้ว่ามารดาอยู่ที่ใด ทราบว่าท่านออกไปเดินเล่นข้างนอกแล้ว นางก็เรียกพ่อบ้านมา สั่งให้นำเงินก้อนหนึ่งออกไปเสาะหาว่าจะเชิญใครมาช่วยเหลือได้บ้าง ทว่านางก็ยังเป็นห่วงว่าบิดาจะต้องถูกทรมานอยู่ในคุก จึงกลับห้องไปรวบรวมสมบัติส่วนตัวทั้งหมดที่มีมา
สี่เชวี่ยสาวใช้ประจำตัวของนางเห็นเข้าก็ถามขึ้นว่า “คุณหนู ท่านจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ”
“คุก”
สี่เชวี่ยหน้าเปลี่ยนสี “คุกเป็นสถานที่สกปรก คุณหนูเป็นสตรียังไม่ออกเรือนจะไปที่นั่นไม่ได้เด็ดขาด”
อวิ๋นจ้าวมีหรือจะคิดมากมายปานนั้น นางไม่สนใจคำทัดทาน พอหยิบเงินได้ก็วิ่งออกไป สี่เชวี่ยมองแล้วก็ย่ำเท้าอย่างขัดใจ จำต้องติดตามข้างกายผู้เป็นนายไปไม่ห่าง ทั้งที่ตนเองก็ตกใจและหวาดกลัวยิ่ง
เมื่อมาถึงคุกของจวนว่าการเจ้าเมือง แม้แต่ผู้คุมก็ไม่ทราบว่าเหตุใดต้องคุมขังนายท่านอวิ๋น เบื้องบนสั่งเพียงว่าให้เฝ้าเอาไว้ให้ดี โดยไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษอีก เขารับเงินมาจากอวิ๋นจ้าว จากนั้นก็ยอมหลับตาข้างหนึ่งปล่อยนางเข้าไปข้างใน
ภายในคุกมืดทึบและชื้นแฉะ ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็จะเห็นว่ามุมกำแพงสองข้างมีตะไคร่น้ำสีเขียวจับเต็มไปหมด ส่งกลิ่นเหม็นอับฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ
อวิ๋นจ้าวรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดหลังนางย้อนกลับมาช่างสับสนวุ่นวายยิ่งนัก นางแค่ไปเรียกท่านหมอมาตรวจฟันให้ท่านย่า แต่เหตุการณ์กลับบานปลายจนน่ากลัว ที่สุดแล้วนางควรทำเช่นไรถึงจะพลิกสถานการณ์นี้ได้
หลังจากเดินอยู่นาน ในที่สุดผู้คุมก็หยุดตรงหน้าห้องขังห้องหนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้าอยู่ได้แค่ครึ่งเค่อ แล้วข้าจะมารับ”
“รบกวนท่านแล้ว”
เสียงของอวิ๋นจ้าวเพิ่งจะดังขึ้น ในห้องขังก็มีคนถามอย่างประหลาดใจแกมร้อนรนว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าก็โดนจับมาด้วยหรือ”
อวิ๋นจ้าวใจเต้นตึกตัก พอหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดาของนางจริงๆ ที่ผ่านมานางเคยเห็นแต่ท่าทางมั่นอกมั่นใจ เผชิญสิ่งใดล้วนไม่สะทกสะท้านของบิดาจนชินตา เพียบพริบตาที่บิดาโดนขังอยู่ในห้องนี้ หน้าตากลับหม่นหมองไร้ประกายเสียแล้ว หัวใจนางพลันปวดหนึบ “ท่านพ่อ”
นายท่านอวิ๋นเห็นบุตรสาวดูไม่เหมือนโดนคุมตัวมา น่าจะเข้ามาเยี่ยมตนเสียมากกว่าเขาถึงได้เบาใจ กดเสียงลงต่ำถามว่า “อวิ๋นเอ๋อร์เจ้ามาได้อย่างไร รีบกลับไปเสีย อีกไม่นานพ่อก็ออกไปแล้ว”
อวิ๋นจ้าวเห็นบิดามีกิริยาสงบเยือกเย็น เดิมทียังรู้สึกวางใจ แต่ประโยคที่บิดาเอ่ยว่าไม่นานเดี๋ยวก็ออกจากคุก ทำให้อวิ๋นจ้าวที่คาดเดาสาเหตุของการจับกุมได้นั้นสะดุ้งตกใจ “ท่านพ่อ ใต้เท้าหลี่บอกกับท่านด้วยตัวเองหรือ”
“ใช่แล้ว” นายท่านอวิ๋นกล่าวต่อ “อวิ๋นเอ๋อร์ เรื่องนี้อย่าให้ท่านย่ากับท่านแม่ของเจ้ารู้เป็นอันขาด คืนนี้หาข้ออ้างหลบหน้าไปอยู่ชนบทพร้อมกับพวกนางเสีย จำไว้ว่านำเงินติดตัวไปมากหน่อย รออีกสักหลายวันค่อยกลับมาเข้าใจหรือไม่”
อวิ๋นจ้าวเข้าใจความคิดของบิดา ดวงตาสองข้างเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ “ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของติ้งเป่ยโหว ข้ายังรู้ด้วยว่าเขาไม่มีทางปล่อยพวกเราไปง่ายๆ”
นายท่านอวิ๋นไม่คิดว่าอวิ๋นจ้าวจะรู้ต้นสายปลายเหตุ เขาอดตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้ เห็นนางกำลูกกรงเหล็กห้องขังไว้แน่น หลังฝ่ามือมีเส้นเอ็นปูดโปน จึงเข้าใจว่านางคาดเดาทุกอย่างได้แล้ว เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “อวิ๋นเอ๋อร์ พวกเราทำให้ฮูหยินท่านโหวต้องตาย เขาไม่มีทางยอมจบเรื่องง่ายๆ แน่”
“ท่านก็เลยให้พวกเราไปหลบภัย แล้วท่านจะอยู่ที่นี่แบกรับความผิดทั้งหมดคนเดียว ชดใช้ชีวิตเพื่อฮูหยินท่านโหวใช่หรือไม่”