อวิ๋นจ้าวเม้มปากไม่ตอบคำ หูตาที่นางเลือกไว้ไม่ใช่แค่พวกรับเงินไปเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือต้องมีไหวพริบ ไม่ใช่พวกไม่ได้ความ
วั่นเสี่ยวเซิงกอดกระชับเสื้อผ้าตนเอง แล้วกล่าวต่อไปว่า “ฉะนั้นใต้เท้าจึงรู้ว่าข้าไม่ได้พูดโกหก แต่การซุ่มจับคนร้ายล้มเหลวครั้งนี้ คาดว่าคงมีอยู่สองสาเหตุ ข้อแรกคนร้ายสังเกตเห็นว่ามีคนคิดจะเป็นตั๊กแตนจ้องจับจักจั่น* อีกข้อหนึ่งก็คือในจวนว่าการมีหูตาของพวกเขาอยู่ด้วย”
พอกล่าวจบเขาก็เห็นอวิ๋นจ้าวนวดคลึงศีรษะ เขาจึงส่งเสียงจิ๊พลางเอ่ยว่า “ท่านหาคนสืบความได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นหาคนไว้บ้างหรือ”
อวิ๋นจ้าวไม่คิดว่าเรื่องราวจะซับซ้อนวุ่นวาย นางคิดจนปวดศีรษะไปหมด หากเป็นเช่นนี้จริง คนที่คิดสังหารลู่อู๋เซิงคงไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว
สามารถเชิญยอดฝีมือกลุ่มใหญ่มาได้…ต้องมีเงิน
สามารถวางหูตาในจวนว่าการได้…ต้องมีเงินและมีอำนาจ
สามารถสังหารบุตรชายแม่ทัพใหญ่โดยไม่หวั่นเกรง…ต้องมีอำนาจและมีความกล้า
นางคิดว่าต่อให้ตนเองย้อนกลับมาอีกสักร้อยรอบ นางก็ไม่มีทางสู้คนที่บงการเรื่องราวนี้ได้เลย
หากตอนนี้นางไปเล่าความจริงกับลู่อู๋เซิงตามตรงว่า ‘ข้าย้อนกลับมาในอดีตเมื่อสิบปีก่อน แล้วยังเห็นเจ้าโดนสังหารกับตาตนเอง’ เขาจะเชื่อหรือไม่
วั่นเสี่ยวเซิงสังเกตสีหน้าของนางยามนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าสนใจ ดวงตาหรี่ลงจนเกือบเป็นเส้นตรงยามมองนาง คุณหนูอวิ๋นแสดงสีหน้ากลัดกลุ้มเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะพบเห็นได้ง่ายนัก เขาคิดแล้วก็เอาด้ามดาบสะกิดแขนนางอีกครั้ง “แม่ข้ายังรอกินข้าวอยู่ ข้ากลับบ้านก่อนล่ะ หากยังไม่กลับไปอีกอาหารคงได้เย็นชืดพอดี”
อวิ๋นจ้าวพยักหน้า “จวนว่าการยังมีข่าวอะไรอีก อย่าลืมบอกข้าด้วย”
“แน่นอน” วั่นเสี่ยวเซิงยืดตัวบิดขี้เกียจ แล้วกำชับว่า “อย่าลืมให้สี่เชวี่ยเอาเงินงวดนี้มาให้ข้าด้วย”
“ได้ๆ” อวิ๋นจ้าวเกาศีรษะอีกครั้ง เรื่องนี้ซับซ้อนยากจะแยกแยะได้กระจ่าง เห็นทีคงต้องหาโอกาสคุยกับลู่อู๋เซิงจริงๆ หากเขามองเห็นนางเป็นตัวประหลาด นางก็จะย้อนกลับมาอีกครั้ง เพื่อลบล้างความทรงจำ ‘หนก่อน’ ที่เขามองนางเป็นตัวประหลาดไปเสีย
เพียงแต่เดินทางไปๆ มาๆ เช่นนี้ คงไม่ถูกสวรรค์รังเกียจเข้ากระมัง
อวิ๋นจ้าวจมอยู่กับความกลัดกลุ้ม
หากไม่ถึงขั้นอับจนหนทาง นางคงไม่คิดหยั่งเชิงความอดทนของสวรรค์เช่นนี้ สามารถย้อนกลับมาได้อีกครั้ง นางก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว
อวิ๋นจ้าวทอดสายตามองไปยังจวนว่าการ ไม่รู้ว่าเรื่องที่นางแจ้งให้ไปซุ่มจับคนร้ายคราวนี้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือไม่
ในใจนางราวกับมีน้ำหนักนับพันชั่งกดทับอยู่ หวั่นใจว่าหากเดินผิดเพียงก้าว ความพยายามที่ทุ่มเทมาจะต้องสูญเปล่าไปทั้งหมด
อวิ๋นจ้าวยกมือกุมใบหน้า ใช้ฝ่ามือที่เย็นเยียบช่วยให้จิตใจสงบลง นางให้กำลังใจตนเองอยู่เงียบๆ เรื่องราวยังไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้น สุดท้ายจะต้องจับคนร้ายได้แน่ ลู่อู๋เซิงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างปลอดภัย
นางหันหลังกลับแล้วเดินออกมาจากเส้นทางลัด ตั้งใจจะกลับบ้านไปกินข้าว วั่นเสี่ยวเซิงกล่าวถูกต้อง ถ้ายังไม่รีบกลับไป อาหารคงได้เย็นชืดหมดแน่
จากหน้าประตูจวนว่าการเดินมาถึงถนนอีกสาย บางทีวันนี้อาจเป็นวันที่ทุกคนออกมาเดินจ่ายตลาด คนบนท้องถนนจึงมีมากกว่าที่เคย ผู้คนสัญจรไปมาอย่างแออัดเบียดเสียด หลังจากที่อวิ๋นจ้าวถูกเบียดอยู่หลายครั้ง ความเจ็บปวดที่มือก็ทำให้นางนึกได้ว่าตนเองบาดเจ็บอยู่ พอยกมือขึ้นมาดูจึงเห็นเลือดไหลซึมออกจากผ้าพันแผล