ว่ากันตามตรง ในแก๊งเพื่อนที่ทำงานของเธอต่างก็มีคู่กันแล้วทุกคน ห้าสาวอันประกอบด้วยหญิงวัยสามสิบแปดอย่างแวววารี สาวปากจัดผู้มีสามีและลูกวัยเก้าขวบหนึ่งคน นลินรัตน์เป็นสาววัยยี่สิบเก้าและมีแฟนที่คบกันมาเกือบสิบปีแล้ว อินทิราเพื่อนวัยเดียวกับเธอก็คบกับแฟนมาตั้งแต่เรียนปีสอง และเหมยลี่เองเพิ่งดูใจกับหนุ่มฝ่ายวิศวกร คงจะมีแค่พัฒน์นรีที่โสดสนิท แถมทุกคนยังเข้าใจผิดว่าเธอมาตรฐานสูงอีกด้วย เพราะหนุ่มๆ ที่คนอื่นๆ แอบปันใจให้แบบไม่หวังพัฒนาความสัมพันธ์นั้นล้วนแต่เป็นผู้ชายซึ่งอยู่ในระดับที่จับต้องได้ แต่พัฒน์นรีกลับชอบคนระดับรองประธานบริษัทพ่วงด้วยตำแหน่งทายาทผู้สืบทอด
แต่สาบานเลยว่าเธอไม่ได้คิดอะไรจริงๆ แค่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานเท่านั้น
พูดแล้วก็คิดถึงหน้าหล่อๆ ของท่านรองฯ อีกแล้ว
“นี่! เลิกพูดเรื่องอื่นก่อน อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ฉันเจอวันนี้หรอก แกรู้มั้ยว่าวันนี้ฉันเจอใคร”
“อย่าบอกนะว่าย้ายไปวันแรกก็มีผู้ชายข้างห้องมาตีสนิท”
“ไม่ใช่! แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายเหมือนกัน ผู้ชายตัวเป็นๆ ผู้ชายที่หล่อเริดที่สุดในโลกใบนี้ และเขาก็ไม่ได้มาตีสนิทฉันด้วย”
“แหม! แกพูดมาขนาดนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าจะเดาออกยังไงไม่รู้แฮะ” ปลายสายมีน้ำเสียงติดหมั่นไส้ ก่อนจะเงียบไปพักหนึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง พัฒน์นรีไม่มีทางรู้เลยว่าทันทีที่เหมยลี่รู้แน่แก่ใจว่าคนที่เธอเจอคือใคร ดวงตาของคนในสายก็แทบจะถลนออกมาจากเบ้า ถามกลับไปด้วยเสียงอันดัง “นี่! แกเจอท่านรองฯ เหรอ”
พัฒน์นรีต้องขยับโทรศัพท์ออกจากหู กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงลอยมาแว่วๆ
“เขาไปทำอะไรที่นั่นอ่ะ อย่าบอกนะว่าเขาพักที่นั่น”
“บ้าเหรอ เขาจะมาพักคอนโดฯ นี่ทำไม คับแคบจะตายชัก ท่านรองอาจจะมาดูงานเฉยๆ ก็ได้” พัฒน์นรีไม่คิดว่าพิชญ์จะพักที่นี่ เท่าที่รู้มาตระกูลเจ้านายเธอมีคฤหาสน์หลังงามราคาหลายสิบล้าน เขาจะเลือกพักคอนโดมิเนียมขนาดห้องไม่กี่ตารางเมตรทำไม
“แกจำไม่ได้เหรอ ตอนประชุมกับ ผอ. ฝ่ายวิศวกรรม เขานำเสนอคอนโดฯ ที่แกอยู่ว่าเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเศรษฐีเมืองไทย บนตึกหกสิบเจ็ดชั้นมีเพนต์เฮ้าส์อยู่สามห้อง หรูเริดระดับไฮเอ็นด์ ติดท็อปไฟว์คอนโดมิเนียมหรูเมืองไทยเลยนะ”
พอเหมยลี่พูดแบบนั้นพัฒน์นรีก็นิ่งคิดตาม ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจหากว่าพิชญ์พักอยู่ที่นี่จริงๆ เพราะนั่นเท่ากับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้เธอได้พบเขามากขึ้น แต่ขณะเดียวกันมันอาจทำให้เธอยิ่งเพ้อหนักมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ลำพังแค่เจอที่ทำงานเธอก็แทบละลายหายไปกับอากาศเพราะความหล่อทรมานใจ กลับจากที่ทำงานยังต้องมาเจอกันอีก หัวใจเธอจะทำงานหนักมากเกินไปหรือเปล่า
แต่จากการแต่งกายของเขาก็ชวนให้เข้าใจว่าสิ่งที่เหมยลี่คิดนั้นมีความเป็นไปได้ เขาแต่งตัวเหมือนคนอยู่บ้านมากกว่ามาทำงาน เพราะเธอไม่เคยเห็นเจ้านายหลุดมาดรองประธานสุดเนี้ยบเลยสักครั้ง มีหลายครั้งด้วยที่เธอแอบคิดว่าเขาสวมชุดสูททุกที่ทุกเวลาแม้กระทั่งเวลานอนหรือเปล่า ขนาดงานกีฬาสัมพันธ์เขายังสวมชุดสูทมาเปิดงานด้วยซ้ำไป
มากไปกว่านั้น ปกติเขามีลูกน้องตามเป็นพรวน แต่นี่กลับปรากฏตัวคนเดียว
“แกคิดว่าเขาพักที่นี่จริงๆ เหรอ” คำถามนั้นทำให้เกิดความเงียบขึ้นหลายวินาที ก่อนคำตอบเดียวกันจะปรากฏขึ้นในหัวของคนทั้งคู่อย่างไม่ต้องนัดแนะ เมื่อมั่นใจถึงความเป็นไปได้ หัวใจของพัฒน์นรีก็พองโตจนคับอก เธอต้องระงับอาการตื่นเต้นด้วยการล้มตัวลงบนที่นอนแล้วคว้าหมอนมาอุดปากตัวเองไม่ให้เสียงกรีดร้องด้วยความยินดีเล็ดลอดออกไปหลอกหลอนชาวบ้าน
รู้สึกเหมือนเป็นติ่งดาราเกาหลีที่ฟลุกเข้ามาเป็นเมดในบ้านเขาอย่างไรไม่ทราบ
เสียงปลายสายเงียบไปแล้ว พัฒน์นรีไม่ได้สนใจบทสนทนาหลังจากนั้นว่าเพื่อนพูดอะไรเพราะมัวแต่จินตนาการไปไหนต่อไหน ตอนนี้ความรู้สึกเสียดายเงินค่าดาวน์คอนโดฯ หายไปแล้ว ขอแค่เดินสวนกันวันละครั้งเธอจะยอมนอนตายบนดอกเบี้ยที่พักอาศัยไปอีกสามสิบปีโดยไม่บ่นสักคำเลย
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 19 มีนาคม)