LOVE
ทดลองอ่าน เสน่ห์ร้าย ตอนที่ 4
แม้ว่าจะมีใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตร แต่สีหน้าเคร่งขรึมแบบนั้นก็ไม่น่ามองสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะยามเมื่อชายหนุ่มกำลังเคร่งเครียดกับงาน ดังนั้นสายวันนี้ผู้มาเยือนแบบไม่ได้นัดหมายจึงมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกสยองอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไมวันนี้ฉันรู้สึกถึงรังสีหิมะขั้วโลกแผ่มาจากตัวแกวะ เย็นชาฉิบ!”
คิ้วเข้มของพิชญ์ขมวดแน่นขึ้นอีก เขามองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ชัดเจนถึงความเบื่อหน่าย โดยปกติแล้วหากว่าเขาไม่ปรารถนาจะเสวนากับใคร เพียงแค่ดีดนิ้วคนผู้นั้นก็จะหายไปทันทีประหนึ่งว่าเขาสวมถุงมือของธานอส
แต่กับหมอนี่ไม่ได้ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกัน
พฤกษ์เลิกคิ้วเข้มขึ้น เค้าโครงหน้าที่คล้ายกันของสองหนุ่มทำให้ใครเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพี่น้องกัน แม้ว่าพฤกษ์จะมีผิวที่ขาวจัดกว่าและตัวบางกว่าเล็กน้อยก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่คนทั้งคู่ไม่เหมือนกันเลยและค่อนข้างจะขัดกันอีกด้วยนั่นก็คือนิสัยใจคอ
“แล้วคนว่างงานอย่างนายมีธุระอะไรกับคนมีงานมีการทำอย่างฉันเหรอ”
“โอ้โห พูดซะจนฉันรู้สึกผิดเลยนะ นี่ฉันพี่ชายแกนะ แล้วฉันก็ไม่ได้ว่างงาน แต่แค่ว่างเฉยๆ โว้ย”
“เกิดก่อนแค่ปีเดียว ไม่นับเป็นพี่หรอก”
“แล้วแต่เลย ถึงยังไงฉันก็รักแกมากอยู่ดี น้องชายที่รัก” พฤกษ์เอื้อมมือมาตบบ่าของน้องชายจนร่างในชุดสูทเรียบกริบถึงกันหัวสั่นหัวคลอน
“มีเรื่องอะไรรีบพูดมาดีกว่า”
พฤกษ์ปล่อยมือแล้วปัดรอยยับย่นของเสื้อสูทน้องชายเพื่อหวังให้มันเรียบดังเดิม ก่อนค่อยๆ ยืดตัวตรง อาการล้อเล่นหายไปเหลือแต่แววตาจริงจัง
“เย็นนี้ไปกินเหล้ากัน”
“ไม่ ฉันต้องทำงาน” พิชญ์ปฏิเสธแบบไม่คิด
“อะไรวะ ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดเลยเหรอ คิดก่อนก็ได้นะ อย่างน้อยฉันจะได้ไม่รู้สึกว่าแกไม่อยากไปกับฉันมากกว่าไม่ว่าง”
คิ้วเข้มของพิชญ์ย่นเข้าหากัน พี่ชายของเขาเป็นนักเรียนหัวกะทิ จบคณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยที่มีคะแนนสอบเข้าสูงเป็นอันดับหนึ่งด้วยเกียรตินิยม และตอนนี้ก็เป็นหมอผ่าตัดที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นลูกชายคนโตที่เก่งที่สุดในบ้าน แต่ปากกลับสวนทางกับมันสมอง คือสมองพัฒนาขึ้นแต่ปากพัฒนาลง การที่ต้องไปไหนกับพฤกษ์ประหนึ่งถูกเปิดเพลงไร้รสนิยมกรอกหู เท่านั้นไม่พอศัลยแพทย์ผู้นี้ก็ยังขยันแกว่งปากหาเท้าเป็นว่าเล่น ครั้งล่าสุดก็มีเรื่องที่ผับจนหวิดดับกันทั้งพี่ทั้งน้อง นับจากนั้นมาพิชญ์ตั้งมั่นว่าต่อให้ต้องตายก็ไม่มีวันไปตายกับพี่ชายเด็ดขาด
“ถ้านายไม่อยากเสียใจก็อย่าถามต่อจะดีกว่านะ”
“ไอ้สอง”
“…”
“แม่ง! ใจร้ายจังวะ”
พอเห็นว่าพี่ชายเครียดจริงๆ พิชญ์จึงได้แต่ถอนหายใจออกมา “มีเรื่องเครียดอีกหรือไง”
“วันนี้ฉันช่วยคนไข้ไว้ไม่ได้ว่ะ”
อย่างที่บอกว่าพฤกษ์เป็นศัลยแพทย์มีฝีมือ เขารักษาคนไข้มานักต่อนักด้วยความทุ่มเทบวกกับมันสมองที่สวรรค์มอบให้ และใครๆ ต่างก็รู้ว่าการยื้อชีวิตคนไข้ไว้ไม่ได้คือเรื่องเครียดเรื่องเดียวในโลกสำหรับคนอย่างพฤกษ์ ดังนั้นมันจึงถือเป็นเรื่องใหญ่
“งั้นรอสักชั่วโมงได้มั้ย ฉันมีเอกสารที่ต้องเซ็น”
“ขอบใจว่ะ” พฤกษ์พูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดรอเพื่อฆ่าเวลา แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “ฉันว่าจะถามแกอยู่พอดี นั่นเลขาฯ คนใหม่เหรอ”
พิชญ์มองตามสายตาของพี่ชายผ่านช่องกระจกของห้องทำงานที่เผยให้เห็นคนที่นั่งอ่านเอกสารอย่างตั้งใจอยู่ด้านนอก
“อืม”
“ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิง”
“คนนี้ผ่านการคัดเลือก” เขาตอบสั้นๆ แค่นั้น คนใกล้ชิดต่างรู้ดีว่าเขาเคยมีเลขาฯ เป็นผู้หญิง แต่เพราะพวกหล่อนมักสร้างปัญหาให้ภายหลัง ไม่ว่าจะกี่คนก็มักจะแสวงหาโอกาสเลื่อนตำแหน่งจากลูกจ้างมาเป็นเมียเขาให้ได้ พิชญ์เป็นคนที่แยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นผู้หญิงที่ทำงานให้เขากับผู้หญิงที่ให้ความสุขส่วนตัวจึงไม่ควรเป็นคนเดียวกัน
“ไม่กลัวเกิดเรื่องเหมือนเมื่อก่อนหรือไง คนล่าสุดนั่น ฉันคิดว่าแกจะเข็ดไปจนตาย”
พฤกษ์นึกถึงเหตุการณ์เมื่อหกปีก่อน เลขาฯ สาวใหญ่ของพิชญ์กุเรื่องขึ้นมาว่าถูกพิชญ์ล่วงละเมิดจนเกิดกระแสข่าวลือสะพัดไปทั่วทั้งบริษัท กว่าความจริงจะเปิดเผยพิชญ์ก็ตกเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว
“ไม่หรอกมั้ง ผู้หญิงคงไม่น่ากลัวแบบนั้นทุกคน”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่แววตาแน่วแน่ของพิชญ์ก็ไหวระริกด้วยความหวั่นใจเหมือนกัน คิดแล้วท้องไส้ก็ปั่นป่วนจนแทบจะขย้อนอาหารออกมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าปรัญดา สาวใหญ่วัยสามสิบกลางๆ เป็นคนที่ทำให้เขาไม่อยากทำงานใกล้ชิดกับผู้หญิงอีกเลย
“มันก็จริงอยู่ว่าผู้หญิงไม่ได้เหมือนกันทุกคน แต่แกก็คือแก ไม่รู้หรือไงว่าแกเป็นผู้ชายแบบที่ผู้หญิงทั้งประเทศฝันถึง หล่อมาก รวยมาก และเป็นสุภาพบุรุษมาก ฉันจะสอนแกในฐานะพี่ชายนะ ความหล่อกับความรวยเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เรา เราอาจจะปฏิเสธมันไม่ได้ แต่เราทำตัวเองให้เลวได้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผู้หญิงไม่เผลอใจให้เรามากเกินไป”
พิชญ์เผลอปล่อยลมหายใจออกมาอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก เพราะเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เสมอ แต่การตั้งใจฟังคนที่ขึ้นชื่อว่าพี่ชายพูดเรื่องที่คิดว่าจะมีสาระแล้วปรากฏว่าออกมาในรูปนี้ มันทำให้เขารู้สึก…
“เสียดายเวลา”
“ปากคอแกนี่ร้ายขึ้นทุกวันเลยนะ เดี๋ยวฟ้องแม่เลย” พฤกษ์มองน้องชายอย่างเคืองๆ แต่นั่นแหละ พิชญ์ก็คือพิชญ์ ทุกคนในบ้านไม่มีใครอยากต่อกรด้วยเพราะตอนนี้ถือว่าเขาเป็นเสาหลักของตระกูล ไม่ใช่เสาธรรมดา แต่เป็นเสาเอกของสะพานโกลเด้นเกต ถ้าพังลงมาเมื่อไหร่ไม่ใช่แค่คนในครอบครัวที่ล้ม แต่หมายถึงคนอีกนับร้อยนับพันชีวิตที่อาจจะต้องเดือดร้อนไปด้วย
ดังนั้นบ้านมหาเศรษฐีที่ปกติไร้กฎก็ยังมีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่ห้ามละเมิดเด็ดขาด นั่นก็คือ…อย่าทำให้พิชญ์ระคายใจแม้แต่รูขุมขน
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 25 มีนาคม)