ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นทำให้พัฒน์นรีเข่าอ่อน เอาจริงๆ เธอมีเบอร์เขาไว้ในโทรศัพท์แต่ไม่เคยโทรไปและเขาก็ไม่เคยโทรมาเลยสักครั้ง เธอและพิชญ์คุยกันเฉพาะในเวลางานเท่านั้นจริงๆ และถึงแม้ว่าเขามีธุระก็มักจะโทรเข้าเบอร์บริษัทที่ต่อสายตรงมายังโต๊ะเธอในเวลางานเสมอ ไม่เคยโทรหลังห้าโมงเย็นสักครั้งเดียว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโทรมา
หรือเขาจะโทรมาบอกว่าวันจันทร์นี้เธอไม่ต้องมาทำงานแล้ว
“ไม่น่ะ”
เสียงโทรศัพท์ยังคงแผดร้อง พัฒน์นรีกลั้นใจกดรับแล้วกรอกเสียงสั่นๆ ลงไป
“สวัสดีค่ะ”
“คุณพัฒน์นรี มารับผมเดี๋ยวนี้เลยนะ ที่ซิกซ์คอร์เนอร์ ห้องวีไอพี ชั้นสอง มาให้ถึงตัวผมให้ได้ แล้วก็มาให้เร็วที่สุดด้วย”
คำพูดจำนวนมากหลั่งไหลมาจากปลายสายก่อนสัญญาณจะขาดหายไป เธอรู้สึกได้ว่าพิชญ์กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ นอกจากเนื้อความที่ดูน่าเป็นห่วงแล้วน้ำเสียงเขาก็ไม่สู้ดีเอาเสียเลย
ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา หญิงสาวรีบหมุนตัววิ่งไปที่ริมถนนแล้วโบกเรียกแท็กซี่อย่างร้อนรน อะไรไม่รู้ผลักดันให้เธอต้องไปพบเขาให้ทันเวลา
ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกลจากที่หมายทำให้กว่าพัฒน์นรีจะมาถึงก็ผ่านไปแล้วเกือบยี่สิบนาที
ซิกซ์คอร์เนอร์เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์สำหรับผู้ใหญ่ พัฒน์นรีไม่เคยมาที่นี่ แต่พอจะรู้จักผ่านการพูดคุยของพวกผู้ชายในบริษัทว่านอกจากเหล้าและอาหารแล้ว ยังมีบางอย่างที่น่าสนใจไปกว่านั้น
เธอยื่นบัตรประชาชนให้การ์ดด้านหน้าตรวจแล้วรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศด้านในหรูหราแต่แสงสลัวจนมองแทบไม่เห็นอะไร กว่าจะปรับสายตาได้ก็ทำเอามะงุมมะงาหราอยู่นาน ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆ ก่อนเดินตรงไปหาพนักงานที่เคาน์เตอร์
“สวัสดีค่ะ ห้องวีไอพีไปทางไหนคะ”
พนักงานสาวไม่ตอบในทันทีแต่มองมาที่เธออย่างประเมิน พัฒน์นรีหงุดหงิดอยู่ครามครัน ยิ่งช้าก็ยิ่งเสียเวลาไปกันใหญ่ ไม่รู้ว่าเจ้านายเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรแล้วบ้าง
“ว่าไงคะ ห้องวีไอพีอยู่ทางไหน”
“ติดต่อห้องวีไอพีห้องไหนคะ ถ้าติดต่อเองก็ชำระเงินล่วงหน้าค่ะ”
พัฒน์นรีแทบจะกลั้นใจตาย เธอติดต่อพิชญ์ไม่ได้อีกเลยนับจากที่เขาวางสายไป แล้วไม่รู้ด้วยว่าห้องวีไอพีของที่นี่มีกี่ห้อง เลขห้องอะไรบ้าง คงมีแค่หนทางเดียวที่เธอจะสามารถขึ้นไปข้างบนได้
“เท่าไหร่คะน้อง พี่จองห้องนึง”
พนักงานชายในชุดยูนิฟอร์มพาเธอขึ้นมายังส่วนของห้องจัดเลี้ยงแบบวีไอพี เธอเดินตามขณะที่สายตาก็สอดส่องหาห้องที่คิดว่าจะเป็นห้องที่พิชญ์อยู่ แม้ว่าในใจลึกๆ เธอจะเสียดายเงินค่าห้องมากจนแทบจะหันหลังกลับแล้วก็ตาม
‘หนึ่งหมื่นสองพันบาทค่ะ’
เธอรูดบัตรชำระค่าเช่าด้วยมืออันสั่นเทา ทำไมเธอต้องมาเสียเงินมากมายขนาดนี้ให้กับผู้ชายที่ถึงแม้ว่าเธอจะแอบปลื้มเขาอยู่ แต่เธอไม่ใช่สายเปย์ที่จะจ่ายไปโดยไม่รู้ว่าจะได้อะไรกลับมาไหม
“ปล่อย”
เสียงห้าวห้วนเล็ดลอดออกมาจากห้องหนึ่งด้านขวามืออย่างแผ่วเบา แต่เพราะตั้งใจฟังอยู่แล้วเธอจึงได้ยิน พัฒน์นรีชะลอฝีเท้าลงจนเสียงเอะอะจากภายในชัดเจนขึ้น ในเสี้ยววินาทีหญิงสาวตัดสินใจดึงประตูบานนั้นให้เปิดออก
ห้องไม่ได้ล็อก แต่ภาพที่เห็นทำให้เธอช็อกไปเลย
“ท่านรองฯ”
หญิงสาวแต่งกายด้วยผ้าน้อยชิ้นถึงสองคนพยายามทำอะไรบางอย่างบนร่างกายของพิชญ์ซึ่งขณะนี้อยู่ในสภาพที่ร่างท่อนบนเปลือยเปล่า บอกตามตรงว่าหญิงใสๆ ห่างไกลเรื่องเพศอย่างเธอค่อนข้างจะตกใจจนเข้าขั้นช็อกจริงๆ อยู่ๆ ท้องไส้ก็ปั่นป่วน เหมือนกับว่าลูกชายที่เธอเฝ้าทะนุถนอมมานานกำลังถูกทำให้แปดเปื้อนมัวหมอง
หรือว่า…เขาเต็มใจจะมัวหมอง
“เอ่อ คือว่าฉัน…ขอตัวนะคะ” เธอหมุนตัวหันหลัง แต่เสียงเรียกอันแหบพร่าก็ทำให้เธอต้องชะงักฝีเท้า
“พัฒน์นรี พาผมออกไป”