ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน โฉมงามสองหน้า บทที่ 1
“นางมารร้ายตัวดี! มีใบหน้างดงามชวนให้ผู้คนหลงใหลอย่างแท้จริง ทุกคนอย่าได้ถูกนางทำให้ลุ่มหลงมัวเมา นี่เป็นแผนสกปรกของนาง!”
เสียงพูดปานฟ้าคำราม ทุกคำหนักแน่นทรงพลัง คนผู้นี้ก็คือเหลยหู่ผู้สร้างชื่อในยุทธภพด้วยฝีมือเพลงดาบ เหลยหู่อายุห้าสิบ แต่ดูแลรักษาร่างกายได้ดี รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง ในมือกวัดแกว่งดาบอย่างแคล่วคล่อง
อูอีเสวี่ยมองไปที่เหลยหู่พลางกล่าวอย่างมีมารยาท “ผู้อาวุโสเหลย ท่านเข้าใจผิดแล้ว ผู้เยาว์หาได้คิดจะทำให้ท่านหลงใหลไม่”
เหลยหู่ได้ยินแล้วงงงัน คิดไม่ถึงว่านางจะพูดเช่นนี้ คนอื่นๆ ฟังแล้วก็อึ้งตะลึง เหลยหู่ได้สติก่อนเห็นว่าตนถูกทำให้อับอายขายหน้า จึงตวาดด้วยความเดือดดาล “เจ้าอย่ามาแสร้งทำเป็นใสซื่อต่อหน้าข้า ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก!”
“เป็นความจริง ท่านมีภรรยาตั้งห้าคนแล้ว หากผู้เยาว์คิดจะหาสามี ย่อมต้องหาคนที่ยังไม่มีภรรยา” อูอีเสวี่ยชี้แจงด้วยความจริงใจ
คำพูดนี้พอเอ่ยออกมา สายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่เหลยหู่โดยไม่ได้นัดหมาย เหลยหู่ชะงักค้าง พร้อมกันนั้นก็ชี้หน้านางด่าว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหล! ถึงกับกล้าทำลายชื่อเสียงของข้า!”
อูอีเสวี่ยยังคงตอบอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล ภรรยาเอกของท่านผู้อาวุโสคือเฉินชีเหนียงแห่งสำนักเจิ้นซาน ภรรยาคนที่สองเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของสกุลหลินที่เปิดร้านขายแพรพรรณอยู่เมืองซูโจว ภรรยาคนที่สามคือจางฮวาขุยเถ้าแก่เนี้ยหอเยียนเซี่ยวเมืองหยางโจว ภรรยาคนที่สี่คือ…”
“พอแล้ว!”
เหลยหู่ตวาดออกมาครั้งนี้แม้แต่ตนเองก็อึ้งตะลึง ร้องแย่แล้วอยู่ในใจ เขาร้อนใจตวาดออกไปเช่นนี้ไยมิใช่บอกว่าที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง*
“พรืด…” มีคนกลั้นไม่อยู่หลุดหัวเราะออกมา ซึ่งก็คือลิ่นชังโยวผู้หล่อเหลาสง่างาม เขาคิดไม่ถึงว่าอูอีเสวี่ยผู้นี้พูดออกมาเพียงครั้งจะทำให้คนตื่นตะลึง อีกทั้งพูดได้น่าสนใจมาก
คนที่อยู่ในที่นี้ล้วนเป็นยอดฝีมือของสำนักต่างๆ และเป็นผู้มีประสบการณ์โชกโชน ใครบ้างไม่รู้จักอ่านสายตาคน เหลยหู่ผู้นี้ปกติแสดงท่าทีว่าซื่อสัตย์ตรงไปตรงมายิ่ง ชื่อเสียงด้านรักภรรยาเล่าลือไปทั่วยุทธภพ ที่แท้ก็สร้างเรือนทองคำซ่อนสตรี อยู่ข้างนอก ทั้งยังซ่อนไว้ถึงสี่คน กระเพาะใหญ่ไม่น้อย ดูไม่ออกเลยจริงๆ บุรุษมีภรรยาสามอนุสี่เดิมเป็นเรื่องปกติ แย่ก็ตรงทั้งที่เจ้าชู้แต่ยังแสร้งวางท่าสูงส่ง นี่ย่อมทำให้คนรังเกียจแล้ว
สายตาที่ทุกคนมองเหลยหู่มีทั้งที่เห็นขันและรู้สึกเหยียดหยาม จางเสี่ยวเฟิงยิ่งยิ้มเยาะ นางมองอูอีเสวี่ย มีความรู้สึกที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย เสียดายอีกฝ่ายเป็นนางมาร ธรรมะกับอธรรมไม่อาจอยู่ร่วมกัน
เหลยหู่สีหน้าดูไม่ได้ ปากไวเกินไป นึกเสียใจก็ไม่ทันแล้ว เฉินชีเหนียงภรรยาของเขาเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของเจ้าสำนักเจิ้นซาน ใครบ้างไม่รู้ว่าเพลงดาบเจิ้นซานของสำนักนี้แปลกพิสดาร อิทธิพลในยุทธภพยิ่งไม่อาจดูเบา อีกทั้งเฉินชีเหนียงผู้นั้นก็เป็นสิงโตเหอตง* และไหน้ำส้ม ที่ขึ้นชื่อลือนาม ควบคุมเขาอย่างเข้มงวด ถ้าให้เฉินชีเหนียงรู้ว่าเขาเลี้ยงดูสตรีอื่นอยู่ข้างนอกสี่คนล่ะก็…เหลยหู่อดตัวสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้
ความลับที่เขาปิดบังไว้อย่างมิดชิด นางมารผู้นี้ไปรู้มาจากที่ใดกัน เขาลอบแค้นใจ เดิมทีนึกเวทนาสงสารนางอยู่หลายส่วน แต่ตอนนี้แทบอยากจะแยกร่างนางออกเป็นแปดส่วน
“นางมารก็คือนางมาร ดีแต่พูดจาส่งเดช ไม่รู้จักอัปยศอดสูใจ!”
อูอีเสวี่ยเบ้ปากร้องทุกข์ “ข้าไม่ใช่นางมาร เป็นคนปกติธรรมดา และข้าก็ไม่ได้พูดจาส่งเดช ล้วนมีหลักฐาน ผู้อาวุโสไม่แยกแยะถูกผิดดีชั่วก็เที่ยวด่าคนส่งเดช ทำเช่นนี้ออกจะเสื่อมเสียเกียรติ”
“เจ้า…” เหลยหู่ชี้หน้านาง โมโหจนหน้าแดงคอแดง ส่วนนางกลับสีหน้าใสซื่อไร้ความผิด เบิกนัยน์ตากวางแวววาวมองจ้องเขา คล้ายว่านางต่างหากที่ถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม
เหลยหู่แอบร้องแย่แล้ว แต่ไม่อาจหลงกลนางมาร ครั้นแล้วเขาก็รีบเอ่ยเตือนทุกคน…
“นางมารผู้นี้ปากคมคารมกล้า ทุกคนระวังอย่าหลงกลนาง! วันนี้พวกเราตีค่ายกลแตกมาก็เพื่อจะจับตัวนางมารผู้นี้ ทุกคนคงไม่ลืมกระมัง”
คำพูดประโยคนี้ดึงความสนใจของทุกคนกลับมาได้สำเร็จ ต่างมองหน้ากันแวบหนึ่ง คิดในใจว่าการร่วมมือกันโจมตีหุบเขาหมื่นบุปผาในครั้งนี้ได้มีข้อตกลงกันไว้แล้ว
“นางมาร เจ้าจนมุมแล้ว ยังคิดจะหนีไปไหนได้อีก” ลิ่นชังโยวแม้จะกล่าวเช่นนี้ น้ำเสียงกลับทุ้มต่ำนุ่มหู
“นางมาร ไยต้องต่อสู้แบบสุนัขจนตรอก แนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสียดีกว่าเถิด” ตันหานเลี่ยยังคงมีท่าทีรอบคอบระมัดระวัง ทำให้คนมองความคิดไม่ออก
เหลยหู่หัวเราะฮ่าๆ ด่าว่า “นางมาร! ความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้วยังมีอะไรจะกล่าวหรือไม่” เขาก็แค่ถามไปอย่างนั้น ไหนเลยจะรู้ว่าอูอีเสวี่ยกลับคว้าคำพูดของเขาไว้ ตอบอย่างจริงจัง
“มี ข้ามีคำพูดมากมายจะกล่าว”
ในเมื่อมีคนถามว่านางมีอะไรจะพูด นางไม่พูดย่อมเสียโอกาสไปเปล่าๆ ครั้นแล้วนางจึงเริ่มพูดตั้งแต่ต้น บอกชั่วชีวิตนี้นางยังไม่เคยสังหารคน และไม่เคยทำเรื่องเลวร้าย ยังบอกอีกว่าตั้งแต่เล็กอาจารย์สั่งสอนนางให้เคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่ กับคนอ่อนแอและเด็กต้องให้เกียรติ เก็บเงินทองของผู้อื่นได้ต้องไม่ปกปิดไว้ ทำอะไรต้องมีความเที่ยงธรรม การจัดการเรื่องราวและปฏิบัติตัวต่อคนอื่นต้องยึดมโนธรรม พอเริ่มเปิดปากก็พูดไม่จบไม่สิ้น