หลังใบไม้ที่หนาทึบมีประตูหินลับอยู่บานหนึ่ง หลังประตูเป็นทางเดินที่มืดมองไม่เห็นตะวัน นางทำตามคำชี้แนะของแผนที่ คลำหากลักจุดไฟในช่องเล็กบนผนังถ้ำ รอจนจุดเทียนสว่างเห็นหนทางข้างหน้าชัดเจนแล้วนางก็รีบเดินไปตามทางเดินเข้าไปข้างใน
ทางเดินยาวมาก อากาศกลับถ่ายเทดี นางเดินไปตามทางเดินไต่ขึ้นสูงไปตลอดทาง เดินผ่านขั้นบันไดหินนับร้อยขั้น ในที่สุดก็มาถึงห้องศิลาที่กว้างขวางราบเรียบแห่งหนึ่ง
ที่ทำให้นางแปลกใจก็คือถ้ำแห่งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงถ้ำ มีห้องศิลาอยู่สี่ห้อง ในห้องศิลายังมีหน้าต่างศิลา นางกระโดดขึ้นไปบนเก้าอี้ เขย่งปลายเท้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกมีแสงดาวเต็มท้องฟ้า ทะเลต้นไม้ไกลโพ้นไร้ขอบเขต
ที่แท้ห้องศิลาแห่งนี้สูงกว่าทะเลต้นไม้ ดังนั้นจึงมองเห็นท้องฟ้ายามราตรีที่ดารดาษไปด้วยดวงดาวและสถานที่ไกลออกไป
นางมองดูด้วยความตื่นตาตื่นใจ กระโดดลงจากเก้าอี้ด้วยความลิงโลด แล้วไปตรวจดูสิ่งของที่อยู่ในห้องศิลาทั้งสี่
ห้องแรก ห้องศิลาที่มีเตียงและโต๊ะเก้าอี้จัดวางอยู่เป็นห้องพักผ่อน ห้องที่สองมีหีบไม้ใบใหญ่วางอยู่สามใบ นางเปิดออกมาทีละใบ แล้วก็ต้องตื่นเต้นดีใจเมื่อพบว่าในหีบไม่เพียงมีเสื้อผ้าของบุรุษสตรี ยังมีของเด็กด้วย มีครบทุกขนาด แม้แต่เครื่องประดับผม ปิ่นปักผม ต่างหูของอิสตรี รัดเกล้า ผ้าผูกมวยผมของบุรุษ รวมทั้งสายรัดเอว รองเท้าก็มีพร้อมหมดทุกอย่าง
นางรีบหาเสื้อกางเกงที่มีขนาดเหมาะกับร่างกายของตน พบว่าความกว้างยาวพอเหมาะพอดี จากนั้นก็หารองเท้าที่เหมาะสมกับเท้าเล็กๆ ของตนคู่หนึ่งมาสวม
ห้องศิลาอีกสองห้องที่เหลือ ห้องหนึ่งเป็นห้องหนังสือ มีหนังสือต่างๆ เก็บอยู่ นางดูคร่าวๆ มีบันทึกท้องถิ่น บันทึกสำนักต่างๆ บันทึกยาสมุนไพร บันทึกการรักษาโรค แน่นอนยังมีตำราวรยุทธ์ล้ำค่าที่นางไม่เคยแม้แต่จะได้ยินมาก่อน
นางพลิกๆ ดู อา…ต้องขอโทษด้วย ระดับการฝึกฝนวรยุทธ์ของนางไม่ค่อยดีนัก ต่อให้อ่านไปครึ่งวันก็มองอะไรไม่ออก ครั้นแล้วนางก็โยนหนังสือไปไว้ข้างหนึ่ง เวลานี้สายตาของนางจับนิ่ง นางสังเกตเห็นสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง นั่นเป็นลายมือของอาจารย์ นางรีบพลิกอ่านแล้วก็ต้องดีใจใหญ่หลวง
นี่เป็นต้นร่างที่เขียนด้วยลายมือของอาจารย์ ในนั้นบันทึกข้อเสียของการฝึก ‘วิชาบุปผาบิดเกลียว’ อาจารย์บอกผู้ฝึก ‘วิชาบุปผาบิดเกลียว’ ต้องจำใส่ใจไว้ว่าอย่าให้ธาตุไฟเข้าแทรก หาไม่หากจุดตันเถียนว่างเปล่า ผู้ฝึกก็จะกลับคืนสู่ความอ่อนเยาว์จนเลยเถิดกลายเป็นทารกหญิง
อาจารย์ยังบอกวรยุทธ์นี้มีวิธีหวนกลับคืนสู่สภาพเดิม เพียงหาคนที่มีพลังวัตรลึกล้ำ แล้วดูดเอาพลังวัตรของอีกฝ่ายมา เมื่อจุดตันเถียนเต็มเปี่ยมก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้
อูอีเสวี่ยดีใจเป็นที่สุด พอรู้ว่ามีวิธีกลับคืนสู่สภาพเดิมนางก็มีความหวังขึ้นมา ไม่เสียใจมากเช่นก่อนหน้านี้อีก
นางตรวจดูสิ่งของอื่นต่อไป ในหีบมียาเม็ดล้ำค่าต่างๆ ที่ใช้ขี้ผึ้งผนึกไว้ ใต้ล่างสุดยังมีเงิน หลังจากเห็นค่าเดินทางที่มีอยู่เต็มถุง ขวัญที่กระเจิดกระเจิงไปก่อนหน้านี้ก็กลับคืนสู่ร่างทั้งหมด
หากจะผาดโผนในยุทธภพจำต้องมีสิ่งใดมากที่สุด…แน่นอนย่อมต้องเป็นเงิน ต่อให้เจ้ามีวรยุทธ์สูงเพียงใดก็ต้องดื่มกินต้องนอน เงินอีแปะเดียวบีบวีรบุรุษให้ถึงตายได้ อย่าว่าแต่นางที่กระทั่งผู้กล้าก็ยังไม่ใช่
อูอีเสวี่ยซาบซึ้งใจจนแทบร้องไห้ออกมา อาจารย์ฉลาดเฉียบแหลมยิ่ง ทิ้งค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้นางถุงหนึ่ง เมื่อมีตั๋วแลกเงินกับเศษเงิน นางก็จ้างผู้คุ้มกันและรถม้าไปเมืองชิงหูได้แล้ว นางเก็บถุงเงินอย่างดี แล้วเดินต่อไปยังห้องศิลาห้องสุดท้าย พอเข้าประตูดวงตาพลันเจิดจ้า เพียงเห็นกลางห้องศิลามีสระน้ำเล็กๆ สระหนึ่งนางก็คาดเดาได้ทันที นี่ก็คือห้องอาบน้ำ น้ำในสระน่าจะเป็นน้ำธรรมชาติบนภูเขาที่ซึมออกมาจากผนังผา
อูอีเสวี่ยดีใจมาก ถอดเสื้อผ้าบนตัวออกหมดอย่างไม่ลังเล ชำระล้างร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากขัดสีฉวีวรรณจนสะอาดเอี่ยมแล้วก็สวมเสื้อผ้าของเด็กหญิงแล้วกลับไปที่ห้องศิลาห้องแรก ล้มตัวลงนอนบนเตียงศิลา
นางเหน็ดเหนื่อยยิ่ง ตัดสินใจนอนให้อิ่มก่อนแล้วค่อยว่ากัน