บทที่สี่
จากการสังเกตของอูอีเสวี่ย นางรู้ว่าตอนนี้สิงฟู่อวี่คงจะไปสอบปากคำเชลย นางจึงฉวยโอกาสนี้แอบเข้าไปในเรือนพักของสิงฟู่อวี่
แผนการของนางมีดังนี้ นางจะทำให้สิงฟู่อวี่หมดสติ จากนั้นค่อยฉวยโอกาสตอนที่เขาหมดสติดูดพลังวัตรกลับคืนมา ทว่าแผนการนี้ฟังดูเหมือนง่าย แต่ยามลงมือปฏิบัติกลับมีขีดขั้นของความยากอยู่ เพราะผู้มีวรยุทธ์สูงประสาทสัมผัสทั้งหกจะเฉียบไวมาก ประสาทดมกลิ่นก็แตกต่างจากคนธรรมดา นางจะต้องลงมืออย่างระมัดระวัง ไม่อาจให้สิงฟู่อวี่พบว่ามีคนเข้าไปทำอะไรในห้องของเขา หาไม่วางยาไม่สำเร็จ กลับจะแหวกหญ้าให้งูตื่น
ขณะนางกำลังใคร่ครวญว่าจะใช้แบบละลายน้ำหรือใช้แบบทาดี พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น นางรีบเข้าไปหลบซ่อนในตู้ไม้ หับประตูไม้ลงแล้วปิดกั้นลมหายใจ นางมองลอดช่องประตูตู้ออกไปเห็นคนผู้หนึ่งผลักประตูเข้ามา เป็นสิงฟู่อวี่ ทั้งยังมีที่ปรึกษาทัพเดินตามหลังมาอีกนาย
“ใต้เท้า ถูเหล่าต้าผู้นั้นยืนกรานว่าเก็บของได้ ตามที่ผู้น้อยดู ในมือของเขาไม่มีคนที่เราต้องการตัว”
“ของอยู่ในมือของเขา คนกลับไม่อยู่ในมือ หรือว่าของสิ่งนั้นจู่ๆ เก็บได้ง่ายดายเพียงนั้น ข้าไม่เชื่อ จะต้องมีลับลมคมใน สอบปากคำต่อไป”
อูอีเสวี่ยคาดเดาในใจ ถูเหล่าต้าผู้นี้แปดส่วนคงจับตัวคนสำคัญไป ถึงได้ทำให้สิงฟู่อวี่ใส่ใจมากเช่นนี้ คนที่ถูกจับตัวไปเกรงว่าฐานะคงไม่ต่ำ หรืออาจจะเป็นขุนนางใหญ่
“ใต้เท้า ผู้น้อยสังเกตอยู่นาน ถูเหล่าต้าผู้นี้ไม่คล้ายกำลังพูดปด ถลกหนังออกมาชั้นหนึ่งแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังต่อไป ยอมทิ้งชีวิตเพื่อเรื่องนี้”
สิงฟู่อวี่เดินมาที่หน้าโต๊ะ ใช้นิ้วชี้เคาะลงบนโต๊ะไปหลายที ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ ในเมื่อป้ายหยกม่วงชิ้นนี้อยู่ในมือของเขา แต่ก็ยังหาศพของอูอีเสวี่ยไม่พบ แสดงว่านางอาจยังมีชีวิตอยู่ ถ้านางยังไม่ตาย ก็เป็นไปได้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกคนจับตัวไป ต่อให้ต้องเราะกระดูกคนกลุ่มนี้ก็ต้องเค้นข่าวจากปากพวกเขาออกมาให้ได้!”
อูอีเสวี่ยตื่นตระหนกขึ้นมาในใจ ป้ายหยกม่วงของนางเหตุใดจึงไปอยู่ในมือถูเหล่าต้าได้ ที่แท้คนที่สิงฟู่อวี่ต้องการหาก็คือตน!
ทว่าคนพวกนี้แต่ละคนเหตุใดจึงจัดการยากเช่นนี้! จนนางกระโดดหน้าผาแล้วพวกเขาก็ยังไม่ยอมตายใจ จะต้องเห็นศพของนางให้ได้จึงจะยอมเลิกราเช่นนั้นหรือ ยังมีป้ายหยกม่วงของนางอีก จากมือของถูเหล่าต้ามาอยู่ในมือของสิงฟู่อวี่ คิดไม่ถึงว่าเดินหาจนรองเท้าสึกก็ไม่พบ บทจะเจอก็เจอโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง ขอเพียงเอาหลักฐานยืนยันกลับมาได้ นางก็สามารถใช้นกพิราบส่งข่าวติดต่อผู้คุมกฎทั้งสี่ได้แล้ว!
ขณะที่อูอีเสวี่ยกำลังตื่นเต้นดีใจเพราะเรื่องนี้อยู่ ประตูไม้พลันถูกเปิดออก พลังแข็งแกร่งขุมหนึ่งดูดร่างนางออกมา รอจนได้สติคืนมานางก็ถูกสิงฟู่อวี่จับตัวไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
เรื่องพลิกผันเร็วเกินไป เร็วจนนางตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่จ้องมองใบหน้าเฉยเมยของสิงฟู่อวี่อย่างงงงัน
สิงฟู่อวี่คิดไม่ถึงว่าไส้ศึกที่หลบซ่อนอยู่ในตู้ไม้จะเป็นเด็กหญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเขายั้งมือได้เร็ว ลำคอของนางคงแหลกไปแล้ว
เขาจ้องมองเด็กน้อย นัยน์ตาดำขลับสุกใสงดงามคู่นั้นกำลังมองเขาด้วยความบริสุทธิ์ใสซื่อ ขนตายาวงามกระพือขึ้นลง ผิวพรรณขาวดุจหิมะบวกกับดวงหน้าน้อยนุ่มนิ่มนวลเนียน ปากที่อ้าเผยอน้อยๆ ทำให้สีหน้าท่าทางของนางดูทึ่มทื่อแต่ก็น่ารัก
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยปากซักถาม “นางหนูผู้นี้มาจากที่ใดกัน”
ที่ปรึกษาทัพมองอูอีเสวี่ย รีบก้าวเข้าไปตอบ “เรียนใต้เท้า แม่หนูผู้นี้ชื่ออาเสวี่ย เป็นเด็กคนที่ชี้ตัวถูเหล่าต้าผู้นั้นขอรับ”
นางหนูหน้าตามอมแมมคนนั้นหรือ