หลินฟางโจวลูบท้องของตนเอง สีหน้านางเศร้าหมองเล็กน้อย “วันนี้โชคไม่ดี ข้าเสียเงินไปหมดแล้ว”
คุณชายลั่วเข้าใจจึงกวักมือเรียกเจ้าของร้าน “เอาเกี๊ยวน้ำมาชามหนึ่ง แล้วก็เนื้อวัวอีกจานหนึ่งด้วย”
“ได้ขอรับ!”
หลินฟางโจวรีบตะโกนตามหลังเจ้าของร้านไป “เอาชามใหญ่เลยนะ!”
คุณชายลั่วหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบพัดบนโต๊ะขึ้นมาเคาะเบาๆ ไปที่ศีรษะของหลินฟางโจว “เจ้านี่มันอันธพาลขี้ขอ!”
หลินฟางโจวเองก็รู้สึกอับอายยิ่งนัก นางจึงเสเปลี่ยนเรื่องไป “คุณชายลั่ว ที่ท่านตามหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ”
“ฟางโจว ปีนี้เจ้าอายุเท่าใดแล้ว”
“ปีนี้ข้าสิบเจ็ด”
“เจ้าควรจะแต่งงานได้แล้ว”
หลินฟางโจวส่งเสียงเฮอะออกมาดังๆ แสดงถึงความไม่แยแสแม้แต่น้อย นางเพียงเอ่ยว่า “แต่งงานมีประโยชน์อะไรเล่า มีแต่เพิ่มอีกหนึ่งปากหนึ่งท้องเข้ามาเป็นภาระเสียมากกว่า อีกทั้งข้าในตอนนี้กระทั่งตัวเองก็ยังเลี้ยงไม่รอดเลย!”
“เจ้าไม่ชมชอบสตรีบ้างเลยหรือ”
หลินฟางโจวเงยหน้าขึ้นมา สบเข้ากับแววตาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มของคุณชายลั่ว นางเองก็ไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนี้อย่างไรดี จะบอกอีกฝ่ายไปว่าแท้ที่จริงนางก็เป็นสตรีคนหนึ่งไม่ได้เป็นอันขาด
นางทำได้เพียงแค่ลูบหน้าผากหนหนึ่ง พอเห็นเจ้าของร้านยกเกี๊ยวน้ำที่ปรุงเรียบร้อยเดินตรงมา นางจึงเอ่ยเร่งทันที “เร็วๆ หน่อย!”
คุณชายลั่วเอ่ย “ข้าจะบอกเจ้าว่าบุตรสาวคนหนึ่งของลุงที่เป็นญาติห่างๆ ของข้าเกิดมามีหน้าตาที่น่ารักมาก ทั้งฐานะทางบ้านก็มั่งคั่งยิ่ง ปีนี้นางเพิ่งจะอายุสิบหก ข้าเลยจะมาพูดทาบทาม…เจ้ากินให้ช้าหน่อย เดี๋ยวก็ลวกลิ้นเอาหรอก!”
หลินฟางโจวถูกเกี๊ยวร้อนๆ ลวกลิ้นเข้าแล้ว ใบหน้านางจึงบิดเบี้ยวเล็กน้อย พอเงยหน้าขึ้นมาจากชาม ท่ามกลางไอสีขาวที่ลอยฟุ้งนี้นางได้ยินคุณชายลั่วพูดพล่ามถึงน้องสาวลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของเขาไม่หยุด หลินฟางโจวจึงพูดแทรกเขาขึ้นมา “คุณชายลั่ว ท่านจะแต่งงานแล้วหรือ”
“อย่ามาทำไขสือ ข้ากำลังพูดถึงเจ้าต่างหาก”
“แม่นางแสนดีเช่นนั้น เหตุใดจึงปล่อยมาถึงอันธพาลเช่นข้าได้เล่า ท่านขอนางแต่งให้ตัวเองเถอะ!”
“ข้ายังพูดไม่จบ บ้านท่านลุงข้ามีบุตรสาวคนนี้แค่เพียงคนเดียว จึงรักถนอมนางดั่งไข่มุกในอุ้งมือ พวกเขาทำใจไม่ได้ที่จะให้บุตรสาวแต่งออก จึงคิดจะหาหนุ่มน้อยที่ดูเข้าทีดีสักคนหนึ่ง แม้คนผู้นั้นจะมีฐานะไม่เพียบพร้อมก็ไม่เป็นไร” คุณชายลั่วพูดพลางมองหลินฟางโจวที่เอาแต่ก้มหน้ากินเกี๊ยวและคีบเนื้อบนโต๊ะ เขาคร้านจะพูดอ้อมค้อมอีกจึงเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขาอยากหาบุตรเขยสักคนมาแต่งเข้าบ้าน”
หลินฟางโจวกำลังกลัดกลุ้มอยู่ว่าจะหาเหตุผลใดมาปฏิเสธ พอได้ยินคำว่า ‘แต่งเข้า’ สองคำนี้แล้วนางก็พลันหวาดหวั่นขึ้นมาทันที
ทว่าคุณชายลั่วกลับไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด ถึงอย่างไรบุรุษที่ยินยอมแต่งเข้าบ้านสตรีก็มีน้อยนัก นอกจากนั้นหลินฟางโจวยังเป็นบุตรชายและทายาทเพียงคนเดียวของสกุลด้วยแล้ว ยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะแต่งเข้าบ้านเจ้าสาว