นั่นเป็นเสียงของคนขายเนื้อแซ่เฉิน หลินฟางโจวกับเขาเป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายปีเช่นนี้ นางย่อมจะจดจำเสียงเขาได้อยู่แล้ว
หลินฟางโจวเอ่ยออกไปอย่างอารมณ์ไม่ดี “แค่ไป๋ถังเกาก้อนเดียว เหตุใดท่านต้องตามมาถึงบ้านข้าด้วย พรุ่งนี้ข้าคืนให้ท่านหนึ่งก้อนก็ได้ ขี้เหนียวจริงเชียว!”
“เจ้าอันธพาลไม่รู้จักดีชั่วนี่ ใครเขาเสียดายขนมเน่าก้อนเดียวจากเจ้าเล่า อีกอย่างต่อให้เจ้าอยากใช้คืนก็ไม่มีทางหามาคืนได้หรอก” เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ “คนขาเป๋แซ่เว่ยที่ขายไป๋ถังเกาผู้นั้นแขวนคอตายเมื่อคืนแล้ว!”
หัวใจของหลินฟางโจวพลันร่วงหล่น นางรีบร้อนวิ่งออกไป เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของคนขายเนื้อแซ่เฉินแล้ว ใบหน้าคล้ำของอีกฝ่ายเคร่งเครียดยิ่ง ไม่เหมือนว่ากำลังหลอกนางแม้แต่น้อย นางจึงเอ่ยถาม “เพราะอะไรจึงแขวนคอตาย”
“ไม่รู้ ข้าก็เพิ่งได้ยินมาเหมือนกัน คนขาเป๋แซ่เว่ยไม่มีพี่น้อง ลูกหลานก็ไม่มี ตัวคนเดียวไร้ญาติ ย่อมจะไม่มีคนจัดงานศพให้เขา ข้าเลยอยากจะเก็บเงินค่าฝังศพจากพวกเราบ้านใกล้เรือนเคียงสักหน่อย ซื้อโลงศพธรรมดาสักใบหนึ่งไว้ฝังเขา”
แม้คนขายเนื้อแซ่เฉินจะมีหน้าตาดุ ทว่าเนื้อแท้กลับเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมากที่สุด ยามเจอเรื่องราวเช่นนี้ก็ได้เขาเป็นผู้ออกหน้าเสมอ
หลินฟางโจวพยักหน้ารับ “นั่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
คำตอบนี้ทำให้คนขายเนื้อแซ่เฉินประหลาดใจอยู่บ้าง “ข้านึกว่าเจ้าจะพูดว่าไม่มีเงิน”
“ข้าก็ไม่มีเงินจริงๆ”
“เจ้าอันธพาลนี่ กล้ามาล้อข้าเล่นหรือ เสี่ยวซาน เอามีดปังตอข้ามา!”
“อย่าๆๆ…ข้าจะถือธง โยนจาน อาสาเป็นบุตรชายของเขาไม่ได้หรือ!”
สีหน้าของคนขายเนื้อแซ่เฉินดูผ่อนคลายลง “ข้าก็ไม่ได้บังคับให้เจ้าออกเงินเสียหน่อย เพียงแต่เจ้าไม่ควรมาล้อข้าเล่นเช่นนี้”
“ข้ารู้ ข้าเองก็กินไป๋ถังเกาจากคนขาเป๋แซ่เว่ยโดยที่เขาไม่เอาเงินไปหลายก้อนแล้ว ตอนนี้ก็สมควรที่ข้าจะชดใช้คืนให้เขาเสียที”
ถือธงและโยนจานล้วนเป็นเรื่องที่บุตรชายพึงกระทำ หากไม่มีบุตรชาย บุตรสาวก็สามารถกระทำแทนได้ บางคนไร้ญาติ ไม่มีทั้งบุตรชายและบุตรสาว กลัวว่าหลังจากตายไปจะไม่สามารถไปยมโลกได้อย่างราบรื่น ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่จึงตระเตรียมเรื่องพิธีศพทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมถึงจ่ายเงินเชิญคนมาถือธงให้ เพราะการถือธงนั้นถือเป็นเรื่องที่หยามเกียรติมากเรื่องหนึ่ง มีแต่เหล่าอันธพาลและพวกเสเพลเท่านั้นถึงจะยอมรับงานประเภทนี้ กระนั้นค่าตอบแทนก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
หากพูดอย่างจริงจังแล้ว ให้หลินฟางโจวมาถือธงโดยไม่เสียค่าตอบแทนยังคุ้มกว่าให้อีกฝ่ายออกเงินช่วยเสียอีก
คนขายเนื้อแซ่เฉินไม่อยากทำให้หลินฟางโจวลำบากใจจึงได้เอ่ยปาก “ถือธงไม่ถือธงอะไรกัน คนตายดุจเปลวไฟที่ดับแสงไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาเป็นบุตรชายของเขาหรอก ข้าเองก็ไม่ได้จะมาปล้นเจ้าเสียหน่อย ออกเงินหรือออกแรงล้วนขึ้นอยู่กับความสมัครใจ เจ้าไม่มีเงินก็คือไม่มีเงิน หากมีความตั้งใจจริง แค่มาช่วยงานศพก็ใช้ได้แล้ว”
หลินฟางโจวลูบคาง นางพยายามสะกดความประหม่าเอาไว้ขณะพูดกับคนขายเนื้อแซ่เฉิน “หรือเราควรไปดูคนขาเป๋แซ่เว่ยกันก่อน”