บทที่ 3
หลินฟางโจวออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกหิวเกินทน
วันนี้ออกจะน่าแปลกใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น จู่ๆ แปดในสิบคนที่อยู่บนถนนก็หยุดเรียกนาง ทั้งยังหัวเราะใส่นางด้วย…หัวเราะอะไรกัน!
สำหรับคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลยังชี้ไม้ชี้มือมาที่นางด้วย
หลินฟางโจวลูบจมูกพลางตะคอกใส่พวกเขา “ทำไม! ไม่รู้จักข้าผู้ยิ่งใหญ่แล้วหรือ!”
“ท่านหลินผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราต่างก็รอดูสิงโตกระดาษของเจ้าอยู่นะ! มีสิงโตกระดาษแล้วก็ขึ้นเขาไปฆ่าเสือได้พอดี! ฮ่าๆๆ”
ในที่สุดหลินฟางโจวก็เข้าใจเหตุผลที่นางได้รับความสนใจในวันนี้แล้ว
หลินฟางโจวรู้สึกขายหน้าอยู่บ้าง หลังจากด่าพวกเขาไปหลายประโยคแล้วนางก็สาวเท้าออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะลั่น
บนถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนนี้ไม่มีเรื่องน่าสนุกเลย นางจึงวางแผนว่าจะออกไปเดินเที่ยวที่นอกเมืองสักหน่อย บางทีอาจจะจับปลาหรือไม่ก็ขโมยไข่นก อย่างน้อยก็สามารถเอามากินได้
ช่วงต้นฤดูร้อนอากาศยังไม่ร้อนมาก แสงแดดและสายลมนอกเมืองไม่เลวเลยจริงๆ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม มีลมพัดโชยอ่อน เสียงนกร้องจิ๊บๆ ช่างเสนาะหู หลินฟางโจวหิวเสียจนท้องแบนราบไปหมดแล้ว นางย่อมไม่มีอารมณ์มาเพลิดเพลินไปกับเสียงนกร้อง นางคิดเพียงอยากจะถอนขนนกตัวที่กำลังร้องอยู่นี้ออกให้หมดแล้วนำไปย่างกินเสีย ไม่รู้ว่าจะหอมน่ากินขนาดไหน…
ระหว่างที่เดินอยู่นั้นก็ผ่านสวนแตงเขียวขจีทั้งผืน ซึ่งหลินฟางโจวได้กลิ่นหอมของแตงตั้งแต่ยังมาไม่ถึงแล้ว นางค่อยๆ ย่อตัวลงก่อนจะแหวกเอาผลแตงออกมา สิ่งที่เห็นก็คือแตงหวานลูกกลมสีเขียวผิวมันลื่นที่มีขนาดใหญ่ราวกับหัวสุนัขอย่างไรอย่างนั้น
ฮะฮ่า!
หลินฟางโจวดีใจจนดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย นางเลิกแขนเสื้อขึ้น ด้วยเป็นกังวลว่าจะถูกคนจับได้คาหนังคาเขา นางจึงเงยหน้าขึ้นสอดส่ายสายตาไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง เห็นเพียงแค่เพิงเล็กๆ เพิงหนึ่งอยู่ไกลๆ ภายในเพิงนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด นางจึงไม่รู้ว่าเจ้าของสวนแตงอยู่ในนั้นหรือไม่
“ต่อให้มีคนก็คงต้องนอนอู้อยู่แน่” หลินฟางโจวพูดพึมพำพร้อมกับให้กำลังใจตนเองไปด้วย
นางเลือกแตงหวานลูกใหญ่สองลูกจากในสวนแตง โดยลูกหนึ่งถือไว้ในมือ ส่วนอีกลูกก็โอบไว้ในอ้อมแขน ทว่านางเพิ่งจะลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่าทันที “โฮ่งๆๆ!”
หลินฟางโจวเห็นว่าหลบซ่อนต่อไปไม่ดีแน่ นางจึงกอดแตงหวานทั้งสองลูกพลางหมุนตัวออกวิ่งทันที
ท่ามกลางเสียงสุนัขเห่าที่ไล่ตามมาข้างหลัง นางก็ได้ยินเสียงแหบของคนมีอายุดังขึ้น “หยุดนะ! เจ้าหัวขโมย!”
หลินฟางโจวไหนเลยจะหยุดนิ่งให้ถูกจับได้ นางยิ่งวิ่งเร็วประดุจสายลม
ที่จริงหลินฟางโจววิ่งได้เร็วทีเดียว ทว่าน่าเสียดายที่ขาสองขามิสู้ขาสี่ขา เสียงสุนัขเห่าจากทางด้านหลังดูเหมือนยิ่งใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที นางเริ่มจะกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังตัดใจทิ้งแตงหวานลูกโตๆ ในมือไปไม่ลง