5 ภารกิจกระชับมิตรสำหรับพี่น้องที่ยังนอนห้องเดียวกันอยู่

ไหนๆ บ้านไหนที่พี่น้องนอนห้องเดียวกันขอให้ยกมือขึ้นนน แน่นอนว่าการนอนห้องเดียวกัน ก็ต้องมีทะเลาะตบตีกันตามประสาพี่น้องที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ ใช่มั้ยล่ะ ทีนี้สำหรับพี่น้องสองสาวที่เริ่มโตแล้ว ความรักสวยรักงาม รวมทั้งเรื่องไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันก็เริ่มตามมา แต่ในเมื่อพ่อแม่ยังไม่ทำห้องนอนเพิ่มให้ การทะเลาะกันของพี่น้องก็อาจจะไม่เหมือนตอนเด็กๆ แล้ว ฉะนั้นเราลองมาดูวิธีที่จะทำให้พี่น้องนอนห้องเดียวกันแบบไม่มีปัญหาให้ผิดใจกันดีกว่า

ต่างมีโคมไฟเป็นของตัวเอง

การนอนห้องเดียวกัน ต้องเคารพซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะเรื่องเวลาเปิดปิดไฟภายในห้อง ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอนดึกกว่า ก็ควรมีโคมไฟตรงมุมที่ตัวเองนอน เพื่อให้คนที่หลับไปก่อนปิดไฟดวงใหญ่ในห้องได้ตามปกติ ซึ่งถ้าเรามีโคมไฟส่วนตัวแล้ว ทีนี้จะอ่านหนังสือ หรือลุกไปอาบน้ำตอนดึกๆ หรือตอนเช้ามือก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องเปิดไฟดวงใหญ่ไงล่ะ

จัดพื้นที่ในตู้เสื้อผ้าให้เท่าเทียมกัน

แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะต้องใช้ตู้เสื้อผ้าเดียวกัน ฉะนั้นควรแบ่งให้ชัดเจน ไม่ล้ำเส้นกัน ถ้ารู้ตัวว่าเสื้อผ้าเริ่มเยอะแล้ว อาจจะขอพ่อแม่ให้หากล่องใบใหญ่ๆ มาไว้สำหรับเก็บเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยใส่ ไม่ก็อาจจะแบ่งเสื้อผ้าไปขายมือสองหรือบริจาค ในตู้นอกจากจะไม่อัดแน่นแล้ว ยังมีพื้นที่ให้ใช้สอยมากขึ้นด้วย

ชั้นหนังสือสามัคคี

บ้านไหนที่พี่น้องรักการอ่านเหมือนกัน ก็จะจับมือคุยกันได้ง่ายว่าเราจะจัดหนังสือเข้าชั้นยังไง แต่ถ้าเป็นคนละแนวกัน ก็ต้องแบ่งชั้นกันให้ดีๆ และที่สำคัญคือเวลาจะยืมหนังสือใครไปอ่าน ควรบอกเจ้าของก่อน และไม่ควรทำยับโดยเด็ดขาด เช่นเดียวกับข้าวของในห้องชิ้นอื่นๆ ที่ควรขออนุญาตอีกฝ่ายก่อนจะหยิบไปใช้ไงล่ะ

กำหนดข้อตกลงในการใช้วิทยุและทีวี

น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาแสนปวดหัวที่ต้องเจอ หากชอบฟังเพลงคนละแนวหรือดูทีวีกันคนละช่อง วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ คือไม่ควรมีเครื่องใช้สองสิ่งในห้องนี้ดีที่สุด เพราะการฟังเพลงหรือการดูทีวี มันเป็นไลฟ์สไตล์ที่ชอบแตกต่างกัน การอยู่ห้องเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ชอบ เปิดอะไรเสียงดังๆ จะยิ่งไปรบกวนเอาได้ ฉะนั้นชอบเพลงอะไรก็ใส่หูฟัง ชอบดูช่องอะไรก็อาจจะเลือกด้วยการลงไปดูห้องรับแขก หรือเปิดดูออนไลน์ในคอมฯ ไงล่ะ

มีเวลาพูดคุยกันบ้างก็ดีไม่น้อย

เห็นมั้ยล่ะว่าเรามักจะทะเลาะกันเพราะเรื่องข้าวของเครื่องใช้ซะส่วนใหญ่ ฉะนั้นนอกเหนือจากที่เราจะตกลงเรื่องการใช้อะไรให้ห้องให้เข้าใจตรงกันแล้ว เป็นพี่น้องกัน ก็ควรมีเวลาพุดคุยและปรึกษาในเรื่องต่างๆ ได้ จริงอยู่ว่าบางครั้งเราอาจจะมีทะเลาะหรือผิดใจกันได้ตามประสาของคนที่ต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่พอถึงเวลาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีปัญหาจากที่อื่นมา เราในฐานะคนที่อยู่ใกล้ชิดมากที่สุด ก็ต้องคอยอยู่เคียงข้างนะเออ

ถ้าทำภารกิจทั้งหมดเหล่านี้ได้สำเร็จล่ะก็ รับรองว่าห้องนอนที่พี่น้องต้องอยู่ด้วยกัน จะกลายเป็นห้องแห่งความสุขที่ทำให้เราอยากกลับไปนอนเพราะคิดถึงอีกฝ่ายเลยล่ะ #จบซึ้งแบบนี้ก็ได้เหรอ