ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนี้ จินหยวนเป่ามองฝ่ายตรงข้ามพร้อมกัดฟันกรอด เหลียวมองรอบตัวแล้วฉวยจอกชาบนโต๊ะเขวี้ยงดะ อวี้ฉีหลินโยกซ้ายเบี่ยงขวารับจอกชาทุกใบอย่างคล่องแคล่วว่องไว สุดท้ายเมื่อป้านชาปลิวเข้าใส่ตัว นางยังอุตส่าห์ใช้ปลายเท้าเกี่ยวรับไว้ได้!
จินหยวนเป่าเดือดดาลนัก พอจะคว้าจอกชาขึ้นมาอีกก็พบว่าบนโต๊ะไม่เหลืออะไรให้เขวี้ยงได้อีกแล้ว เพราะกระทั่งป้านชาก็ยังถูกเขาเขวี้ยงออกไปเมื่อครู่
“หึๆๆ!” อวี้ฉีหลินหัวเราะชั่วร้ายแล้วเอื้อมมือออกไปดึงเสื้อชายหนุ่ม “คืนนี้ข้าจะจับเจ้าลอกเปลือกให้ล่อนจ้อนเลยคอยดู”
“จะ…เจ้า! ไอ้คนวิปริต!” จินหยวนเป่าจู่โจมอีกฝ่าย ทว่าฝีมือหมัดมวยของเขานั้นอ่อนหัดอย่างน่าสมเพช จะเอาอะไรไปสู้ยอดฝีมืออย่างอวี้ฉีหลินได้! เพียงพริบตาเดียวเสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกไป เขาไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่วิ่งหลบอยู่ในห้อง พยายามวิ่งไปทางประตูก็หลายครั้ง แต่ถูกดึงกลับมาได้ทุกที
อย่าบอกนะว่าไอ้หน้าไฝนี่เป็นพวกชอบผู้ชาย! ความคิดนี้ทำให้เขาสะดุ้งวาบอยู่ในใจแล้วรีบตะโกนขอความช่วยเหลือคนที่อยู่ข้างนอกทันที “หวังเฉียง หม่าจง…”
สององครักษ์ผู้ภักดีที่เฝ้ารออยู่บนถนนหน้าหอเชียนเจียวจ้องไปบนหอตลอดเวลาอย่างตื่นตัว แต่กลับไม่ได้ยินสัญญาณที่นัดแนะกันไว้เสียที ระหว่างที่กำลังละล้าละลังว่าจะเข้าไปดูดีหรือไม่ เสียงร้องโหยหวนของจินหยวนเป่าก็ดังขึ้น ทั้งสองคนหน้าผิดสี รีบรุดเข้าไปในหอทันที
ทว่ายังไม่ทันได้เข้าไปข้างใน คนชุดดำสองคนก็พุ่งตัวออกมาจากด้านข้างแล้วจู่โจมโรมรันใส่พวกเขาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีวรยุทธ์ติดตัว
เพราะมัวแต่ต่อสู้ติดพัน ทั้งสองจึงไม่ทันสังเกตเห็นหญิงสาวร่างอ้อนแอ้นคนหนึ่งใช้ผ้าแพรคลุมครึ่งหน้าย่องดอดออกมาจากตรงมุมตึก ผ่านร่างทั้งสี่มุ่งหน้าไปทางมุมถนนอย่างว่องไว ตอนเดินผ่านประตูทางเข้าหอเชียนเจียว หญิงสาวยังหันกลับไปมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง นัยน์ตาของนางไหวระริกเป็นระลอกคลื่น ทรงเสน่ห์เย้ายวนใจ หากไม่ใช่ฉู่ฉู่ดาวเด่นแห่งหอเชียนเจียว ยังจะเป็นใครได้อีก
พอแน่ใจว่าปลอดคน ฉู่ฉู่ก็รีบเดินออกไปอย่างไม่รอช้า
ภายในห้องส่วนตัวของฉู่ฉู่ในเวลานี้ อวี้ฉีหลินกับจินหยวนเป่ากำลังตีกันอุตลุดด้วยท่าทางน่าทุเรศทุรัง ผลัดกันกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในห้องไม่ต่างจากเด็กน้อยวิวาทกัน หากใครเปิดประตูเข้ามาตอนนี้คงได้หัวเราะจนท้องแข็ง
จินหยวนเป่าพยายามสลัดอีกฝ่ายให้หลุด แต่เขาไม่เป็นวรยุทธ์ ประมือกันอยู่หลายครั้งก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบตลอด เวลานี้เลยถูกอวี้ฉีหลินขึ้นขี่เอวจนขยับตัวไม่ได้ จากนั้นเสื้อที่สวมอยู่ก็ถูกนางฉีกออกดัง ‘แควก’
ชายหนุ่มชักเลือดเข้าตา เขากัดฟันกรอด เอื้อมมือออกไปบีบคอคู่ต่อสู้โดยแรง อวี้ฉีหลินตั้งตัวไม่ติด ประกอบกับอีกฝ่ายมีแรงเหนือกว่าจึงพลาดพลั้งถูกเขาตวัดตัวทาบทับ กดนางไว้ใต้ร่างทั้งตัว!
ปลายจมูกทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงกระเบียด
ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน อวี้ฉีหลินเพิ่งได้ใกล้ชิดบุรุษขนาดนี้เป็นครั้งแรก มิหนำซ้ำบุรุษคนดังกล่าวยังเป็นชายแปลกหน้าที่นางเพิ่งเคยเห็นแค่ครั้งเดียว
อารมณ์โกรธระคนเขินอายพลุ่งพล่านเข้ามาในหัวใจ แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะพริบตาถัดมานางก็ผลักร่างที่ทาบทับออกแล้วดึงทึ้งแขนเสื้อข้างหนึ่งของเขาโดยแรง สิ่งที่อยากเห็นจวนเจียนจะปรากฏสู่สายตาเต็มที ใบหน้าเรียวเล็กแดงเรื่อด้วยความตื่นเต้น ขณะท้าทายอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “ยังมีลูกไม้อะไรอีก? งัดมาใช้ให้หมดเลย ข้าขึ้นเหนือล่องใต้ท่องยุทธภพมาจนทั่ว ไม่มีเสียล่ะที่จะรับมือเจ้าไม่ได้!”