ทดลองอ่าน
ทดลองอ่านนิยาย โฉมสะคราญล่มเมือง เล่ม 1 บทที่ 1-บทที่ 2
บทที่สอง
ปีแรกของรัชศกเทียนไจ่ เจิ้งหลิวองค์ชายผู้ได้รับความรักจากราษฎรมาโดยตลอดได้ขึ้นครองราชย์ในต้นฤดูใบไม้ผลิ มีเรื่องมากมายให้เฉลิมฉลอง บรรยากาศเจิดจ้าสดใสเป็นอย่างยิ่ง
วันนี้เป็นวันที่วัดหงฝูคึกคักที่สุดในรอบปี ผู้มาจุดธูปบูชาคับคั่ง ไม่เพียงแต่มีราษฎรทั่วไปมาไหว้พระเท่านั้น แม้แต่ขุนนางคนใหญ่คนโตในเมืองหลวงก็มีมาไม่น้อย ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือได้ยินว่าสาวงามสองนางที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงก็จะมาจุดธูปบูชาในวันนี้เช่นกัน
เหยาอิ๋งธิดาราชบัณฑิตแห่งสำนักราชบัณฑิตและอวี๋กุยหวั่นธิดาแม่ทัพตรวจการแห่งเมืองหลวง ผู้ที่เคยพบเจอสตรีทั้งสองนางมาก่อนให้คำเปรียบเปรยไว้ว่า ‘คนหนึ่งเป็นดอกไม้งามต้องจันทรา อีกคนอ่อนพลิ้วดังหลิวต้องลม’
เกี้ยวสี่คนหามสีแดงเข้มคันหนึ่งมาหยุดลงตรงประตูวิหารก่วงลี่ที่อยู่ห่างไกลมิดชิดที่สุดในวัดหงฝู พอเกี้ยวแตะพื้น สาวใช้คนหนึ่งก็เดินเข้าไปยื่นมือพลิกเปิดผ้าม่านแล้วพูดกับคนในเกี้ยวว่า “คุณหนู พวกเรามาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากในเกี้ยวอย่างแช่มช้า แม้ว่าจะเห็นโฉมหน้าของคุณหนูมาจนชินแล้ว แต่พลยกเกี้ยวทั้งสี่ยังคงรู้สึกเหมือนอากาศรอบข้างถูกดูดไปจนหมดสิ้นทุกครั้งที่เห็นใบหน้างามของนาง
กุยหวั่นเดินออกมาจากในเกี้ยว เหลือบเห็นว่านอกวิหารนั้นยังมีเกี้ยวอยู่อีกสองคันก็ให้รู้สึกประหลาดใจ ไม่รู้ว่ายังมีผู้ใดอีกที่เลือกวิหารใหญ่อันเงียบสงบห่างไกลผู้คนแห่งนี้เช่นกัน
กุยหวั่นยิ้มบางๆ แล้วสั่งให้พลยกเกี้ยวไปพักผ่อน จากนั้นก็หันหน้ามาเดินนำสาวใช้นามหลิงหลงเข้าไปในวิหาร
วิหารก่วงลี่มีเณรน้อยมารออยู่ข้างๆ ก่อนแล้ว เมื่อเห็นอวี๋กุยหวั่นและสาวใช้ค่อยๆ เดินมาก็รีบเข้าไปต้อนรับ ทว่าพอได้เห็นโฉมหน้าของกุยหวั่นอย่างชัดเจน เณรน้อยก็ตะลึงไป คิดไม่ถึงว่าใต้หล้าจะมีสาวงามเช่นนี้อยู่ ตอนนี้ในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดต้าซือแห่งหอต๋าหมัวจึงส่งตัวเขาซึ่งมีอายุน้อยกว่าเป็นรุ่นซึ่งฝึกสมาธิแก่กล้าแล้วมาคอยเฝ้าประตู
พอตั้งสติได้แล้ว เขาจึงโค้งคำนับกุยหวั่น “สีกาอวี๋ ต้าซือกำลังรออยู่ เชิญเดินตามข้ามาเถอะ”
กุยหวั่นพยักหน้า “ขอท่านเณรน้อยโปรดนำทางด้วย”
ระหว่างเดินไปทางใจกลางวิหาร คนทั้งสามต่างนิ่งเงียบไปตลอดทาง ทำให้วัดที่สงบเงียบดูขลังยิ่งกว่าเดิม พอเดินเลี้ยวโค้ง กุยหวั่นก็เห็นว่าตรงหน้าองค์พระนอกจากจะมีหงหย่วนต้าซือยืนอยู่ ยังมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่ด้วย แม้ว่าจะเห็นเพียงแผ่นหลัง แต่ด้วยเนื้อผ้าสูงค่าอีกทั้งท่าทางไม่ธรรมดา คิดว่าคงจะเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนักเป็นแน่
หงหย่วนต้าซือท่าทางเคร่งขรึม กำลังพูดคุยอะไรกับพวกเขา ในมือหญิงสาวถือเซียมซีไว้ก้านหนึ่ง เห็นทีคงกำลังถอดความเซียมซีอยู่ ชายหนุ่มยืดตัวตรงยืนอยู่ข้างๆ คนทั้งสามไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของพวกกุยหวั่น
หญิงสาวที่ถือไม้เซียมซีวางมันลงบนโต๊ะแล้วยืนขึ้น ก่อนจะหมุนตัวมาประสานสายตากับกุยหวั่น กุยหวั่นตกตะลึง หญิงผู้นั้นก็เช่นกัน ส่วนคนที่เหลือในวิหารต่างนิ่งงันกันไปหมด
ผู้ที่อยู่ตรงนั้นไม่มีทางลืมภาพฉากนี้ไปชั่วชีวิต สาวงามล้ำเลิศสองคนมายืนอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งเป็นหญิงงามล่มบ้านล่มเมือง อีกคนรูปโฉมและสติปัญญาไม่มีที่ติ ประหนึ่งตะวันและจันทราที่พร้อมใจกันสาดแสงจนทำให้ภายในวิหารแห่งนี้สว่างเจิดจ้า
เสียงหัวเราะนุ่มนวลเสียงหนึ่งทำลายภาพฉากนี้ลง กุยหวั่นมองไปตามเสียง คิดไม่ถึงเลยว่าในวิหารแห่งนี้ยังมีคนที่ดูสะดุดตาอย่างมากยืนอยู่อีกคนหนึ่ง
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายหญิงสาวผู้นั้นดวงตาอ่อนโยน หน้าตาหล่อเหลาราวหยก เขาพูดกับหญิงสาวข้างกายด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าดูสิ ข้าพูดไม่ผิดใช่หรือไม่”
เมื่อหลายวันก่อน เขาเพิ่งจะล้อนางเล่นถึงเรื่องนี้ “เจ้าทะนงในความงามของตนเอง คิดว่าโลกนี้ไม่มีหญิงที่ทัดเทียมเจ้าได้ใช่หรือไม่เล่า”
หญิงสาวคนนั้นฉีกยิ้มราวกับดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิบานพร้อมกัน แต่กลับพูดกับกุยหวั่นว่า “ท่านนี้คิดว่าคงเป็นคุณหนูอวี๋สินะ”
กุยหวั่นมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเช่นกัน รอยยิ้มนี้ราวกับแสงจันทร์สว่างในฤดูใบไม้ร่วง “ท่านคือคุณหนูเหยา?”
ทั้งสองล้วนมองฐานะของอีกฝ่ายออกในทันที เหยาอิ๋งทะนงตนมาตลอด วันนี้เห็นกุยหวั่นก็รู้สึกตกใจยิ่ง กำลังคิดจะอ้าปากกล่าวต่อ หางตาก็เหลือบเห็นท่าทางเคร่งขรึมของหงหย่วนต้าซือ สีหน้าจึงหมองคล้ำลง ฉายความเศร้าสลดออกมา
กุยหวั่นรู้สึกตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยถามในทันที เห็นว่าเหยาอิ๋งพยักหน้าให้นาง จึงคำนับเป็นมารยาทคืนไปเล็กน้อย
หลังจากนั้นเหยาอิ๋งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นางเดินออกไปนอกวิหาร ช่วงเวลาที่เดินผ่านข้างกายของกุยหวั่น กุยหวั่นเหมือนจะเห็นหางตาของนางมีน้ำตาคลอขังอยู่ ส่วนชายหนุ่มรูปงามข้างกายของนางยังคงมีรอยยิ้ม ท่าทางสุภาพอ่อนโยน เพียงแต่ในดวงตาแฝงความจนใจบางๆ เอาไว้
หงหย่วนต้าซือเงยหน้าขึ้นมา เผยรอยยิ้มมีเมตตาเป็นมิตรให้กับกุยหวั่น สองมือประนมขึ้นแล้วพูดว่า “สีกาอวี๋ วันนี้จะฟังเทศน์หรือไหว้พระ”
ในใจกุยหวั่นยังคงติดอยู่กับภาพคนคู่นั้น จึงคิดอะไรแปลกๆ ขึ้นมาแล้วตอบว่า “วันนี้ข้าจะเสี่ยงเซียมซี”
หงหย่วนต้าซือรู้สึกตกใจอยู่บ้าง มองกุยหวั่นนิ่งครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าลง ภาพเมื่อครู่ปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง