ได้ยินมาบ่อยครั้งว่าแคว้นฉี่หลิงมีชายหนุ่มรูปงามดั่งหญิงสาว เมื่อมาเห็นด้วยตาตนเอง เขายังไม่ค่อยเชื่อนัก ตอนนี้…ในใจเยียลี่รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง คิดว่าตนเองได้เห็นเทพจันทราก่อนตายเสียอีก
ทั้งสองล้วนไม่ส่งเสียง นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
กุยหวั่นหัวใจเต้นแรง เสียใจที่ตัดสินใจหันมาเมื่อครู่ อึดใจที่ตนเองหมุนตัวมา นางเห็นไอสังหารในดวงตาของชายต่างเผ่าผู้นี้ก็รู้สึกหัวใจเย็นวาบไปกว่าครึ่ง มือจับไปที่ชายแขนเสื้อ หากไม่ถึงเวลาคับขันจริงๆ นางก็ไม่คิดจะใช้สิ่งนี้รักษาชีวิตไว้ ขณะที่กำลังลังเลใจ ชายหนุ่มก็แสดงท่าทางตกใจ สงสัยและไม่อยากเชื่อสายตาออกมาทันใด ปากก็พ่นคำออกมาเบาๆ ว่า “สั่วเก๋อถ่า?”
สั่วเก๋อถ่าคืออะไร คงจะเป็นภาษาชนเผ่าหนู่สินะ
ไม่ว่าจะหมายความอย่างไร คำนี้ก็ช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ และช่วยชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้เช่นกัน ไม่เช่นนั้น จะต้องมีสภาพบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่ายแน่นอน
กุยหวั่นครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว คิดว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร ทันใดนั้นก็พบว่าแววตาของชายคนนั้นประหลาดขึ้นทุกที ถึงขั้นดูเลื่อนลอย…
เขาเริ่มไม่มีสติแล้วหรือ กุยหวั่นกำลังคิดว่าจะฉวยโอกาสสลัดตัวจากเขาแล้วหนีไปดีหรือไม่ อีกฝ่ายก็ทำอาการที่ทำให้นางไม่อาจขยับตัวได้ เขาใช้มีดสั้นกรีดตนเองอย่างไม่ปรานี
กุยหวั่นเข้าใจจุดประสงค์ของเขาในทันที แววตาของเขาจากเลื่อนลอยเปลี่ยนเป็นดุดัน ถลึงตามองนาง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ กุยหวั่นไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าการขยับเพียงเล็กน้อยจะกระตุ้นให้เขาทำเรื่องบ้ายิ่งกว่าออกมา
เหงื่อที่กลางหลังผุดออกมาทีละชั้น กุยหวั่นยังคงส่งรอยยิ้มที่แทบจะเรียกได้ว่าสนิทสนมให้อีกฝ่าย หวังจะใช้สิ่งนี้ผ่อนความเป็นศัตรูของอีกฝ่ายลงได้
เยียลี่มองหน้าชายหนุ่ม ในใจรู้สึกนับถือ ในสภาพการณ์เช่นนี้เขากลับไม่ร้องตะโกนและไม่ดูลนลาน ทั้งยังคงมีรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ ในขณะนั้นเยียลี่ดูเหมือนจะลังเลใจว่าควรจะสังหารเขาหรือไม่ เวลากำลังผ่านไป แรงก็ใกล้จะหมด ตอนนี้สังหารเขาไปคงไม่เกิดประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น…ใบหน้าของเขาก็งดงามราวกับสั่วเก๋อถ่า ขณะกำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไร เยียลี่ก็สังเกตว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่เช่นกัน ความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองในทันใด ชายหนุ่มที่มีรูปโฉมเช่นนี้ มีความสงบนิ่งเช่นนี้ คิดว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป บางทีอาจจะอาศัยเขาช่วยชีวิตตนเองได้ และความรู้สึกของตนเองก็บอกว่าชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ไม่ได้อ่อนแอเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกแน่นอน
เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กุยหวั่นยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกชายผู้นั้นจับแขนไว้ ปลายคางถูกบีบโดยแรง นางสบถเสียงเบาด้วยความเจ็บ ปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยถูกยัดเม็ดอะไรบางอย่างเข้ามา ยังไม่ทันได้รู้รสชาติมันก็ไหลลงท้องไปเสียแล้ว นางตื่นตระหนก รีบยื่นมือไปผลักชายผู้นั้นออกสุดแรงแล้วทรุดตัวลงพยายามอาเจียนออกมา
ชายผู้นั้นใช้พลังสุดท้ายจนหมดแล้ว เมื่อถูกกุยหวั่นผลักตัวออก เขาก็ล้มลงนอนบนพื้น หลังจากเห็นกิริยาของกุยหวั่น เขาก็สบถอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ไม่มีประโยชน์ นี่เป็นยาพิษหนอนกู่* ของชนเผ่าหนู่ เจ้าอาเจียนอย่างไรก็ไม่ออกหรอก”
ได้ยินดังนั้นกุยหวั่นก็รู้สึกตระหนกขึ้นทันใด นางเคยได้ยินชื่อยาพิษหนอนกู่มาก่อน เป็นยาพิษต้องห้ามที่เชื้อพระวงศ์ของชนเผ่าหนู่เท่านั้นที่มีได้ นางหันหน้ากลับมา มองชายที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา เมื่อคิดสักครู่ก็ไม่ได้โกรธ แต่กลับยิ้ม “เจ้าใกล้จะตายอยู่แล้ว? เจ้าอยากให้ข้าช่วยเจ้า?”
* หนอนกู่ ตามตำนานเชื่อกันว่าเป็นพญาพิษที่ถูกคนเพาะเลี้ยงโดยการนำหนอนพิษร้ายแรงมาอยู่ด้วยกัน และปล่อยให้กัดกินกันเองจนเหลือเพียงตัวสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุด