กุยหวั่นตกตะลึง ตอบกลับไปทันที “เกรงใจอะไรกัน” เห็นเขาดื่มน้ำแกงโสมทั้งชามลงท้องไป สีหน้าดีขึ้นมาก กุยหวั่นเริ่มลังเลว่าจะเอ่ยปากพูดอย่างไร มีคำถามบางอย่าง นางรอมาสามวันแล้ว
ยังไม่รอให้กุยหวั่นคิดจนกระจ่าง เยียลี่ก็ชิงถามขึ้นทันใด “น้องชาย เจ้าชื่ออะไร” ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเยียลี่จึงอยากรู้ชื่อของอีกฝ่ายยิ่งนัก
“สั่วเก๋อถ่า”
“อะไรนะ!” เยียลี่ตะโกนเสียงดังลั่น
เห็นการตอบสนองนี้ของชายหนุ่ม กุยหวั่นลอบขำอยู่ในใจ วันนั้นนางได้ยินเขาพึมพำว่า ‘สั่วเก๋อถ่า’ แม้แต่หมดสติไปแล้วก็ยังเรียกชื่อนี้ออกมาเป็นครั้งคราว ดังนั้นจึงอยากลองดู คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีการตอบสนองมากมายเช่นนี้
กุยหวั่นเห็นเขาใช้สายตาตกใจปนสงสัยจ้องหน้าตนเอง ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา “ข้าล้อพี่ชายเล่น ข้าจะมีชื่อประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าชื่ออวี๋หวั่น”
ได้ฟังคำตอบของนาง เยียลี่จึงเข้าใจ ที่แท้เป็นการล้อเล่น แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดในใจเขาจึงเกิดความผิดหวังขึ้นมา
คนผู้นี้น่าสนใจจริง ตอนที่ได้ยินชื่อปลอมนั้น เขามีสีหน้าตื่นตระหนก รอจนนางบอกอีกชื่อหนึ่งแก่เขา เขาก็ดูเหมือนจะผิดหวังอยู่บ้าง เห็นทีชาวเผ่าหนู่ก็เป็นคนสัตย์ซื่อแสดงออกอย่างตรงไปตรงมามากเช่นกัน เมื่อคิดเช่นนี้กุยหวั่นจึงถามเขาว่า “ชื่อของข้า พี่ชายก็รู้แล้ว ชื่อของพี่ชายเล่า”
เขานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ในตอนที่กุยหวั่นคิดว่าเขาคงไม่ตอบคำถามแล้ว เขาก็กำหมัดแตะไปบนแผ่นอก ท่องคำภาษาหนู่ จากนั้นก็หันหน้ามาพูดกับกุยหวั่นว่า “เดิมทีข้าไม่อาจบอกชื่อกับใครที่นี่ได้เลย แต่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ พวกเราชนเผ่าหนู่ถือบุญคุณที่สุด” พูดถึงตรงนี้เขาก็หยุดพูดไปทันใด แล้วกวาดตามองกุยหวั่นอย่างรวดเร็ว “ข้าชื่อเยียลี่”
“อะไรนะ!” ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นกุยหวั่นที่สบถเสียงเบาอย่างตกใจ
แม้จะเป็นเสียงร้องตกใจที่เบามาก แต่แววตาคมกริบราวสายฟ้าของเยียลี่กลับหันมองมา “ทำไมหรือ เจ้าเคยได้ยินชื่อนี้หรือ”
เคยได้ยินแน่นอน มิน่าเล่าเขาจึงสวมชุดนักโทษ มิน่าเล่าหลายวันนี้การเฝ้าระวังในเมืองหลวงจึงเข้มงวดเช่นนี้ มิน่าเล่าจึงได้ยินว่าแม่ทัพหลินนำกำลังมาจับนักโทษหลบหนีด้วยตนเอง ที่แท้…ที่แท้เขาคือองค์ชายเผ่าหนู่!
นางยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ไม่เคยได้ยิน” เมื่อประสานสายตาแฝงความสงสัยของเขา นางจึงพูดเสริมว่า “เพราะแซ่เยียนี้ไม่เคยได้ยินในแคว้นฉี่หลิงมาก่อน”
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ท่าทางดุดันของเยียลี่จึงค่อยคลายลง เขาไม่อยากให้ฐานะเปิดเผยไปเพราะชื่อ นำมาซึ่งการฆ่าคนปิดปาก ในความคิดของเขา เขาไม่อยากชักดาบฟาดฟันชายหนุ่มผู้นี้ แต่เกรงว่าชายหนุ่มผู้นี้คงไม่ใช่คนสามัญธรรมดา เขาสามารถซ่อนตนเองอย่างปลอดภัยได้ถึงสามวัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ เมื่อคิดถึงจุดนี้เขาก็เริ่มระวังตัวขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะถามว่า “ที่นี่คือที่ใด”
“ที่นี่คือเรือนด้านหลังของหอไหลฝู” กุยหวั่นเห็นเยียลี่มีสีหน้าสงสัย จึงคิดได้ว่าเขาเป็นชาวเผ่าหนู่ ดังนั้นจึงพูดเสริมว่า “ที่นี่คือถนนไป่หวา ห่างจากตรอกนั้นไม่ไกล”
พูดถึงตรอกนั้นแล้ว เยียลี่ก็ขมวดคิ้ว “อยู่ที่นี่ได้อย่างไร” ไม่ปลอดภัยอย่างมาก มาอยู่เขตกลางเมืองหลวงเช่นนี้
“ที่นี่จึงจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุด” กุยหวั่นมองทะลุความคิดของเขา น้ำเสียงนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป “เหตุผลมีสองข้อ หนึ่งคือวันที่พี่ชายหนีออกมาที่นี่ถูกค้นไปแล้ว สองคือมีเพียงในเมืองที่พี่ชายจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ถ้าวันนั้นส่งพี่ชายไปยังที่ห่างไกลความเจริญ เกรงว่าพี่ชายคงไม่มีชีวิตรอดแล้ว”